ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยปิดที่ 1,542.35 จุด ลดลง 10.37 จุด เปลี่ยนแปลง -0.67% มูลค่าการซื้อขาย 34,828.74 ล้านบาท นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นปี 57 มาที่ 1,574 จุด จากเดิม 1,484 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ พร้อมคาดการร์ปี 2558 ดัชนีแตะที่ 1,706 จุด และคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ราว 4.3% ใกล้เคียงประมาณการครั้งก่อนที่ 4.5%
สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนปี 2557 – 2558 ว่า นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นปี 2557 มาที่ 1,574 จุด จากเดิมประมาณการณ์ไว้ที่ 1,484 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ
นางภรณี ทองเย็น อุปนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ชี้แจงการปรับเป้าหมายดัชนี ณ สิ้นปี 2557 เพิ่มจากเดิม ว่า เป็นเพราะดัชนีจะได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลเป็นหลัก ตามด้วยการขยายตัวของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการส่งออก อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลก (ยุโรป จีนและญี่ปุ่น) ขยายตัวต่ำกว่าที่คาด
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP Growth) ปี 2557 ลง 0.5% มาอยู่ที่เฉลี่ย 1.6% จากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 2.1% และปี 2558 จะอยู่ที่เฉลี่ย 4.3% ใกล้เคียงกับประมาณการครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 4.5% ในขณะที่คาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ปี 57 จะเติบโตเฉลี่ย 8.5% ปรับลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 10.3% และประเมินของปี 2558 ไว้ที่เฉลี่ย 14.2% เทียบกับประมาณการครั้งก่อนหน้าที่ระดับ 12.9%
อุปนายกสมาคมนักวิเคราะฯ กล่าวถึงกรณีที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยในสิ้นปีนี้จะดีดตัวกลับมาได้ที่ระดับ 1,600 จุด ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลเดินหน้าการลงทุนต่างๆ ตามแผนที่วางไว้ รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/57 ต้องออกมาดีตามคาดการณ์ด้วย หากผลประกอบการออกมาไม่ดีนัก ประกอบกับรตลาดไม่ได้มีพัฒนาการอื่นเพิ่มเติม ดัชนีก็จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,500-1,550 จุด
สำหรับด้านแนวโน้มนักลงทุนต่างชาติทั้งปี 57 นักวิเคราะห์ฯ มองว่าต่างชาติน่าจะยังขายสุทธิประมาณในหลักหมื่นล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมามีการเทขายออกไปค่อนข้างมากแล้ว โดยสิ้นปีที่ผ่านมาขายสุทธิ 1.5 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งยังเป็นผลจากการประกาศใช้กฎอัยการศึกที่กระทบต่อความเชื่อมั่นและความมั่นใจในการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติด้วย
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ฯแนะนำให้นักลงทุนควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เน้นหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนของรัฐบาล พื้นฐานแข็งแกร่ง ผู้บริหารโปร่งใส มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ โดยรอจังหวะทยอยซื้อสะสม และหลีกเลี่ยงหุ้นเก็งกำไร พร้อมกำหนดวัตถุประสงค์การลงทุนของตนเองอย่างชัดเจน มีวินัยในการลงทุน ติดตามข่าวสารทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างสม่ำเสมอ จัดพอร์ตลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงโดยจัดสรรส่วนหนึ่งไว้ในเงินสด และก่อนลงทุน ควรศึกษาข้อมูลของธุรกิจและบริษัทที่จะลงทุนอย่างละเอียดรอบคอบ หุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ลงทุนตรงกันหลายสำนักวิจัย ได้แก่ INTUCH, KBANK, KTB, PTT
ทั้งนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดวันที่ 13 ตุลาคม 2557 ไปที่ 1,542.35 จุด ลดลง 10.37 จุด เปลี่ยนแปลง -0.67% มูลค่าการซื้อขาย 34,828.74 ล้านบาท โดยระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ 1,548.39 จุด และต่ำสุดที่ 1,538.35 จุด นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 79.24 ล้านบาท, บริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 91.20 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,874.75 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,045.19 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวดัชนีวันนี้ ได้รับปัจจัยลบจากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการส่งสัญญาณที่จะไม่ขยายขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการคลังและการเงินจากนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางจีน กดดันให้ SET Index ปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาค โดยมีแรงขายเข้ามาในหุ้นใหญ่กลุ่ม Energy, Bank และ Property
พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีวันพรุ่งนี้ การที่ดัขนีสามารถยืนเหนือแนวต้าน 1540 จุดได้อาจส่งผลให้มีรีบาวด์ระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตามความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวยังคงเป็นเป็นปัจจัยลบที่กดดันให้ SET Index มีโอกาสปรับถอยลงต่อ โดยถ้าดัชนีไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,550 จุด ได้ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการถอยปรับฐานอีกครั้ง จึงแนะนำ ระยะสั้นถือเงินสดรอจุดเสี่ยงซื้อแถว 1,520 จุด ขณะที่พอร์ตกลาง-ยาว แนะนำ "แบ่งเงินทยอยซื้อสะสมจุดแรกบริเวณ 1,520 จุด" โดยมีเป้าหมายที่ 1,650-1,700 จุด ช่วงปลายปี-ต้นปีหน้า จากการฟื้นตัวของ GDP ไทยและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากต่างประเทศ
สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนปี 2557 – 2558 ว่า นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นปี 2557 มาที่ 1,574 จุด จากเดิมประมาณการณ์ไว้ที่ 1,484 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ
นางภรณี ทองเย็น อุปนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ชี้แจงการปรับเป้าหมายดัชนี ณ สิ้นปี 2557 เพิ่มจากเดิม ว่า เป็นเพราะดัชนีจะได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลเป็นหลัก ตามด้วยการขยายตัวของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการส่งออก อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลก (ยุโรป จีนและญี่ปุ่น) ขยายตัวต่ำกว่าที่คาด
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP Growth) ปี 2557 ลง 0.5% มาอยู่ที่เฉลี่ย 1.6% จากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 2.1% และปี 2558 จะอยู่ที่เฉลี่ย 4.3% ใกล้เคียงกับประมาณการครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 4.5% ในขณะที่คาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ปี 57 จะเติบโตเฉลี่ย 8.5% ปรับลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 10.3% และประเมินของปี 2558 ไว้ที่เฉลี่ย 14.2% เทียบกับประมาณการครั้งก่อนหน้าที่ระดับ 12.9%
อุปนายกสมาคมนักวิเคราะฯ กล่าวถึงกรณีที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยในสิ้นปีนี้จะดีดตัวกลับมาได้ที่ระดับ 1,600 จุด ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลเดินหน้าการลงทุนต่างๆ ตามแผนที่วางไว้ รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/57 ต้องออกมาดีตามคาดการณ์ด้วย หากผลประกอบการออกมาไม่ดีนัก ประกอบกับรตลาดไม่ได้มีพัฒนาการอื่นเพิ่มเติม ดัชนีก็จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,500-1,550 จุด
สำหรับด้านแนวโน้มนักลงทุนต่างชาติทั้งปี 57 นักวิเคราะห์ฯ มองว่าต่างชาติน่าจะยังขายสุทธิประมาณในหลักหมื่นล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมามีการเทขายออกไปค่อนข้างมากแล้ว โดยสิ้นปีที่ผ่านมาขายสุทธิ 1.5 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งยังเป็นผลจากการประกาศใช้กฎอัยการศึกที่กระทบต่อความเชื่อมั่นและความมั่นใจในการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติด้วย
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ฯแนะนำให้นักลงทุนควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เน้นหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนของรัฐบาล พื้นฐานแข็งแกร่ง ผู้บริหารโปร่งใส มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ โดยรอจังหวะทยอยซื้อสะสม และหลีกเลี่ยงหุ้นเก็งกำไร พร้อมกำหนดวัตถุประสงค์การลงทุนของตนเองอย่างชัดเจน มีวินัยในการลงทุน ติดตามข่าวสารทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างสม่ำเสมอ จัดพอร์ตลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงโดยจัดสรรส่วนหนึ่งไว้ในเงินสด และก่อนลงทุน ควรศึกษาข้อมูลของธุรกิจและบริษัทที่จะลงทุนอย่างละเอียดรอบคอบ หุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ลงทุนตรงกันหลายสำนักวิจัย ได้แก่ INTUCH, KBANK, KTB, PTT
ทั้งนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดวันที่ 13 ตุลาคม 2557 ไปที่ 1,542.35 จุด ลดลง 10.37 จุด เปลี่ยนแปลง -0.67% มูลค่าการซื้อขาย 34,828.74 ล้านบาท โดยระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ 1,548.39 จุด และต่ำสุดที่ 1,538.35 จุด นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 79.24 ล้านบาท, บริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 91.20 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,874.75 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,045.19 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวดัชนีวันนี้ ได้รับปัจจัยลบจากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการส่งสัญญาณที่จะไม่ขยายขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการคลังและการเงินจากนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางจีน กดดันให้ SET Index ปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาค โดยมีแรงขายเข้ามาในหุ้นใหญ่กลุ่ม Energy, Bank และ Property
พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีวันพรุ่งนี้ การที่ดัขนีสามารถยืนเหนือแนวต้าน 1540 จุดได้อาจส่งผลให้มีรีบาวด์ระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตามความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวยังคงเป็นเป็นปัจจัยลบที่กดดันให้ SET Index มีโอกาสปรับถอยลงต่อ โดยถ้าดัชนีไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,550 จุด ได้ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการถอยปรับฐานอีกครั้ง จึงแนะนำ ระยะสั้นถือเงินสดรอจุดเสี่ยงซื้อแถว 1,520 จุด ขณะที่พอร์ตกลาง-ยาว แนะนำ "แบ่งเงินทยอยซื้อสะสมจุดแรกบริเวณ 1,520 จุด" โดยมีเป้าหมายที่ 1,650-1,700 จุด ช่วงปลายปี-ต้นปีหน้า จากการฟื้นตัวของ GDP ไทยและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากต่างประเทศ