ผบ.ทบ.รับปรับแนวคิดคนเป็นเรื่องยาก ทบ.เกาะติดสถานการณ์ตลอดรู้พื้นที่ใดหนักพื้นที่ใดเบา เตือนกลุ่มเห็นต่างอย่าใช้ปมศพ “อภิวันท์” มาเคลื่อนไหว ส่วนปัญหาภาคใต้กำชับเจ้าหน้าที่เน้นปฏิบัติงานทั้งเชิงรุกและรับ เผยได้ชื่อหัวหน้าชุดเจรจาสันติภาพแล้ว ใช้ทีมเจรจา 10 คน ขณะเดียวกัน สั่ง มทภ.4 ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมใต้ ด้าน "จตุพร" โพสต์ชวนเสื้อแดงร่วมไว้อาลัย ศพถึงไทย 11 ต.ค.นี้
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการเคลื่อนไหวใต้ดินที่จะต่อต้านการทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ตนยอมรับว่าแนวความคิดของคนเป็นเรื่องเปลี่ยนยาก ซึ่งทางกองทัพบกในฐานะที่เป็นกลไกของรัฐบาลก็ได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด ภายใต้การดูแลของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) โดยให้แต่ละกองทัพภาคได้ไปทำความเข้าใจกับประชาชนทุกพื้นที่ เพราะรู้ว่าพื้นที่ใดเรียบร้อย และมีพื้นที่ใดไม่เรียบร้อย หรือพื้นที่ใดหนักหรือเบา อีกทั้งก็รู้ว่ามีใครคิดอะไรอยู่ ทั้งนี้ นายกฯ ได้ให้โอกาสทุกฝ่ายสามารถเดินเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจกัน เพื่อให้เกิดความปรองดอง อย่างไรก็ตามตนได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ให้ควบคุมสถานการณ์ให้ได้
ส่วนกรณีที่มีบางกลุ่มพยายามจะใช้ประเด็นงานศพของ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยมาเคลื่อนไหวนั้น คิดว่าเรื่องดังกล่าวทางนายกฯ และรองนายกฯได้พูดชัดเจนว่าเรื่องพิธีกรรมนั้นเป็นเรื่องปกติ สามารถดำเนินการได้ เพียงแต่อย่านำประเด็นดังกล่าวมาจุดกระแส เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และทำไม่ได้ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว พล.อ.อุดมเดช กล่าวถึงการดูแลความสงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงเดือนตุลาคมที่มีวันเชิงสัญลักษณ์ว่า การปฏิบัติงานในพื้นที่ไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นวันใด แต่ตนได้กำชับกับเจ้าหน้าที่ทุกครั้งว่าต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะในช่วงที่มีการผลัดเปลี่ยนกำลังพล และการปฏิบัติงานต้องจริงจังที่สามารถจับต้องเป็นรูปธรรมได้ อย่างไรก็ตาม จากสถิติที่ผ่านมาเหตุการณ์ในพื้นที่ก็สามารถควบคุมได้มากขึ้น โดยเฉพาะในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ก็ยอมรับว่ายังมีเหตุการณ์อยู่
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้มอบนโยบายว่า 1 ปี ต่อไปนี้ การควบคุมสถานการณ์ต้องดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตนได้นำเอานโยบายดังกล่าวนำไปสู่การปฏิบัติของกำลังพลในพื้นที่ โดยให้ควบคุมเหตุการณ์ให้ได้ 50% อย่างไรก็ตาม ต้องอยู่ที่ความร่วมมือของทุกภาคส่วนราชการ และประชาชนในพื้นที่ด้วย
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชาติภาคใต้ (คปต.) เพื่อติดตามความคืบหน้าของงานในทุกกระทรวง ทบวง กรม ตามแผนงานประจำปีที่กำหนดว่าแต่ละไตรมาสจะต้องทำแผนงานการช่วยเหลือประชาชน เพื่อเสริมสร้างงานในทุกด้าน รวมถึงการดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน หากทำได้ตามนี้เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ตนได้เน้นย้ำการพูดคุยทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ โดยได้จัดตั้งเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินงานเรื่องมวลชน ในส่วนของการปฏิบัติก็จะเน้นงานทั้งเชิงลุก และเชิงรับ โดยการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ ตลอดจนการทำความเข้าใจกับผู้ที่มีความเห็นต่าง หรือผู้ที่ก่อเหตุในพื้นที่ ในเรื่องนี้ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ไปว่า การทำความเข้าใจต้องทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงแค่พูดปากเปล่า ซึ่งตนได้จัดตั้งคณะทำงานที่จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบว่าการพูดคุยกับผู้ที่เห็นต่างนั้น ต้องเข้าถึงจริงๆ และสามารถจับต้องได้
“ผมยอมรับว่าผู้ที่ก่อความไม่สงบในพื้นที่เป็นกลุ่มที่มีความคิด และอุดมการณ์ เป็นเรื่องยากที่จะไปเปลี่ยนความคิดของเขา แต่เราก็จะพยายาม ทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ส่วนความคืบหน้าการพูดคุยสันติสุขในพื้นที่ภาคใต้ ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้มองตัวบุคคลไว้แล้ว แต่จะเป็น พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานที่ปรึกษากองทัพบก หรือไม่นั้น ผมยังไม่ขอเปิดเผยชื่อ เพราะเรื่องดังกล่าวต้องรอให้ท่านนายกฯเซ็นอนุมัติก่อน แต่ทราบว่าท่านได้มีการหารือกับ พล.อ.ประวิตร แล้ว ซึ่งทราบว่าจะสามารถเปิดเผยชื่อคนที่จะเป็นหัวหน้าชุดพูดคุยสันติสุขได้เร็วๆนี้ โดยคณะพูดคุยจะมีทั้งหมด 10 คน จากเดิมที่มี 15 คน เป็นการปรับลดจำนวนลงเพื่อให้เกิดความเหมาะสม”
พล.อ.อุดมเดชกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้กำหนดตัวบุคลที่จะมาเป็นทีมงานไว้แล้ว ซึ่งถ้าทุกอย่างชัดเจนก็จะเดินตามแผนงานที่กำหนดไว้ ทั้งนี้การพูดคุยเพื่อสร้างสันติสุข ไม่ใช่พวกเราฝ่ายเดียว แต่ต้องดูที่ผู้อำนวยความสะดวก อย่างประเทศมาเลเซียว่าสามารถติดต่อกับกลุ่มต่างๆ ให้มีความพร้อมในการพูดคุยกับเราหรือไม่ และถ้ามีความชัดเจน และลงตัว ต่อไปก็น่าจะมีการพบปะกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวนายกฯไม่ได้นิ่งนอนใจ ทว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน และกระบวนการ
ผู้บัญชาการทหารบกกล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ตนได้สั่งการไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 ให้ร่วมมือกับส่วนราชการในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในจังหวัดที่มีปัญหาอย่างเช่น จังหวัดตรัง อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ถือเป็นฤดูกาลที่ต้องเกิดขึ้นทุกปีอยู่แล้ว ซึ่งทางท่านนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้แก้ไขปัญหาในภาพรวมให้ดีขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งนี้เราได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้เน้นย้ำกับแม่ทัพภาคที่ 4 ให้ช่วยเหลือประชาชนให้ทั่วถึงทุกกลุ่ม
*** แก๊งแดงชวนไว้อาลัย 'อภิวันท์'
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กข้อความส่วนตัวระบุว่า ขอเชิญพี่น้องร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายให้กับ พี่เปีย พันเอก ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย ตามกำหนดการเบื้องต้นดังนี้ วันเสาร์ที่ 11 ต.ค. เวลา 15.20 น. ถึงประเทศไทยด้วย เที่ยวบินการบินไทย TG 621 ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และวันอาทิตย์ที่ 12 ต.ค. เวลา 13.00 น. รดน้ำศพ ณ วัดบางไผ่ จ.นนทบุรี
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการเคลื่อนไหวใต้ดินที่จะต่อต้านการทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ตนยอมรับว่าแนวความคิดของคนเป็นเรื่องเปลี่ยนยาก ซึ่งทางกองทัพบกในฐานะที่เป็นกลไกของรัฐบาลก็ได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด ภายใต้การดูแลของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) โดยให้แต่ละกองทัพภาคได้ไปทำความเข้าใจกับประชาชนทุกพื้นที่ เพราะรู้ว่าพื้นที่ใดเรียบร้อย และมีพื้นที่ใดไม่เรียบร้อย หรือพื้นที่ใดหนักหรือเบา อีกทั้งก็รู้ว่ามีใครคิดอะไรอยู่ ทั้งนี้ นายกฯ ได้ให้โอกาสทุกฝ่ายสามารถเดินเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจกัน เพื่อให้เกิดความปรองดอง อย่างไรก็ตามตนได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ให้ควบคุมสถานการณ์ให้ได้
ส่วนกรณีที่มีบางกลุ่มพยายามจะใช้ประเด็นงานศพของ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยมาเคลื่อนไหวนั้น คิดว่าเรื่องดังกล่าวทางนายกฯ และรองนายกฯได้พูดชัดเจนว่าเรื่องพิธีกรรมนั้นเป็นเรื่องปกติ สามารถดำเนินการได้ เพียงแต่อย่านำประเด็นดังกล่าวมาจุดกระแส เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และทำไม่ได้ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว พล.อ.อุดมเดช กล่าวถึงการดูแลความสงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงเดือนตุลาคมที่มีวันเชิงสัญลักษณ์ว่า การปฏิบัติงานในพื้นที่ไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นวันใด แต่ตนได้กำชับกับเจ้าหน้าที่ทุกครั้งว่าต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะในช่วงที่มีการผลัดเปลี่ยนกำลังพล และการปฏิบัติงานต้องจริงจังที่สามารถจับต้องเป็นรูปธรรมได้ อย่างไรก็ตาม จากสถิติที่ผ่านมาเหตุการณ์ในพื้นที่ก็สามารถควบคุมได้มากขึ้น โดยเฉพาะในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ก็ยอมรับว่ายังมีเหตุการณ์อยู่
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้มอบนโยบายว่า 1 ปี ต่อไปนี้ การควบคุมสถานการณ์ต้องดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตนได้นำเอานโยบายดังกล่าวนำไปสู่การปฏิบัติของกำลังพลในพื้นที่ โดยให้ควบคุมเหตุการณ์ให้ได้ 50% อย่างไรก็ตาม ต้องอยู่ที่ความร่วมมือของทุกภาคส่วนราชการ และประชาชนในพื้นที่ด้วย
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชาติภาคใต้ (คปต.) เพื่อติดตามความคืบหน้าของงานในทุกกระทรวง ทบวง กรม ตามแผนงานประจำปีที่กำหนดว่าแต่ละไตรมาสจะต้องทำแผนงานการช่วยเหลือประชาชน เพื่อเสริมสร้างงานในทุกด้าน รวมถึงการดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน หากทำได้ตามนี้เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ตนได้เน้นย้ำการพูดคุยทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ โดยได้จัดตั้งเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินงานเรื่องมวลชน ในส่วนของการปฏิบัติก็จะเน้นงานทั้งเชิงลุก และเชิงรับ โดยการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ ตลอดจนการทำความเข้าใจกับผู้ที่มีความเห็นต่าง หรือผู้ที่ก่อเหตุในพื้นที่ ในเรื่องนี้ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ไปว่า การทำความเข้าใจต้องทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงแค่พูดปากเปล่า ซึ่งตนได้จัดตั้งคณะทำงานที่จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบว่าการพูดคุยกับผู้ที่เห็นต่างนั้น ต้องเข้าถึงจริงๆ และสามารถจับต้องได้
“ผมยอมรับว่าผู้ที่ก่อความไม่สงบในพื้นที่เป็นกลุ่มที่มีความคิด และอุดมการณ์ เป็นเรื่องยากที่จะไปเปลี่ยนความคิดของเขา แต่เราก็จะพยายาม ทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ส่วนความคืบหน้าการพูดคุยสันติสุขในพื้นที่ภาคใต้ ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้มองตัวบุคคลไว้แล้ว แต่จะเป็น พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานที่ปรึกษากองทัพบก หรือไม่นั้น ผมยังไม่ขอเปิดเผยชื่อ เพราะเรื่องดังกล่าวต้องรอให้ท่านนายกฯเซ็นอนุมัติก่อน แต่ทราบว่าท่านได้มีการหารือกับ พล.อ.ประวิตร แล้ว ซึ่งทราบว่าจะสามารถเปิดเผยชื่อคนที่จะเป็นหัวหน้าชุดพูดคุยสันติสุขได้เร็วๆนี้ โดยคณะพูดคุยจะมีทั้งหมด 10 คน จากเดิมที่มี 15 คน เป็นการปรับลดจำนวนลงเพื่อให้เกิดความเหมาะสม”
พล.อ.อุดมเดชกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้กำหนดตัวบุคลที่จะมาเป็นทีมงานไว้แล้ว ซึ่งถ้าทุกอย่างชัดเจนก็จะเดินตามแผนงานที่กำหนดไว้ ทั้งนี้การพูดคุยเพื่อสร้างสันติสุข ไม่ใช่พวกเราฝ่ายเดียว แต่ต้องดูที่ผู้อำนวยความสะดวก อย่างประเทศมาเลเซียว่าสามารถติดต่อกับกลุ่มต่างๆ ให้มีความพร้อมในการพูดคุยกับเราหรือไม่ และถ้ามีความชัดเจน และลงตัว ต่อไปก็น่าจะมีการพบปะกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวนายกฯไม่ได้นิ่งนอนใจ ทว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน และกระบวนการ
ผู้บัญชาการทหารบกกล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ตนได้สั่งการไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 ให้ร่วมมือกับส่วนราชการในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในจังหวัดที่มีปัญหาอย่างเช่น จังหวัดตรัง อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ถือเป็นฤดูกาลที่ต้องเกิดขึ้นทุกปีอยู่แล้ว ซึ่งทางท่านนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้แก้ไขปัญหาในภาพรวมให้ดีขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งนี้เราได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้เน้นย้ำกับแม่ทัพภาคที่ 4 ให้ช่วยเหลือประชาชนให้ทั่วถึงทุกกลุ่ม
*** แก๊งแดงชวนไว้อาลัย 'อภิวันท์'
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กข้อความส่วนตัวระบุว่า ขอเชิญพี่น้องร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายให้กับ พี่เปีย พันเอก ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย ตามกำหนดการเบื้องต้นดังนี้ วันเสาร์ที่ 11 ต.ค. เวลา 15.20 น. ถึงประเทศไทยด้วย เที่ยวบินการบินไทย TG 621 ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และวันอาทิตย์ที่ 12 ต.ค. เวลา 13.00 น. รดน้ำศพ ณ วัดบางไผ่ จ.นนทบุรี