วานนี้ (3มิ.ย.) นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีต ส.ว.สรรหา ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) เตรียมนำแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม ในโครงการรถไฟความเร็วสูงมาดำเนินการ ว่า ตนไม่คัดค้านในโครงการ แต่หากจะนำโครงการก่อสร้างรถไฟด่วนความเร็วสูงมาดำเนินการ ขอให้อยู่ในเงื่อนไข 3 ประการคือ
1. ให้โครงการอยู่ในกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามปกติ และให้คำนึงถึงวิธีการอื่นนอกเหนือไปจากลงทุนเองทั้งหมด
2. ทำเฉพาะสายกรุงเทพ-หนองคาย เพื่อเชื่อมโยงต่อไปยังลาว และจีน อันจะเป็นการประสานกับจีนที่จะลงทุนสร้างในลาว
3. ออกกฎหมายเก็บภาษีลาภลอย หรือ Windfall (Profit) Tax เพื่อสร้างความโปร่งใส และความเป็นธรรมให้สังคม
ส่วนจะเรียกใครมาคุยเรื่องโครงสร้างคมนาคมพื้นฐาน ก็ขอให้คิดให้รอบคอบ โดยคำนึงถึงภาพลักษณ์ และความรู้สึกของประชาชนด้วย อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ใช่ความคิดริเริ่มของนักการเมือง เพียงแต่นักการเมืองไปหยิบสารพัดโครงการที่ระบบราชการประจำทำไว้อยู่แล้วมาใช้วิชาการตลาด ปัดฝุ่นปรับแต่งให้ดูหรูเลิศเท่านั้น ถ้าจะเรียกคุยเรียกข้าราชการประจำ ถ้าจะเรียกนักการเมืองควรเรียกทุกฝ่ายให้เสมอภาคกัน เพราะสมัยรัฐบาลก่อนหน้ารัฐบาลที่ถูกควบคุมอำนาจบริหาร เคยมีนโยบายมาแล้วแต่คนละรูปแบบ
**ปชป.หนุนปัดฝุ่นรถไฟทางคู่
ด้านนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. สั่งให้มีการพิจารณาโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทใหม่อีกครั้ง และให้สานต่อโครงการรถไฟทางคู่ ว่า ตนเห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่จะต้องกู้เงิน ซึ่งการทำรถไฟทางคู่มีความจำเป็นต้องทำ เพราะปัจจุบัน รถไฟขนส่งผู้โดยสารมีความเร็วแค่ 60 กม. ต่อชั่วโมง แต่รถไฟทางคู่โครงการดังกล่าว มีความเร็ว 120 กม.ต่อชั่วโมง และควรจัดทำให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะ 30 กว่าจังหวัด ที่ไม่มีทางรถไฟ โดยปัจจุบันประเทศมีทางรถไฟยาว 4,034 กม. แต่มีรถไฟทางคู่ กับรถไฟ 3 ทาง เพียง 358 กม.เท่านั้น จึงเหลือเส้นทางที่ต้องสร้างรถไฟทางคู่อีก 3,676 กม. ซึ่งจะใช้งบประมาณกม.ละ 100 ล้านบาท โดยสามารถตั้งเป็นงบประมาณขาดดุล ปีละ 3 แสนล้านบาท รวม 7 ปี ประมาณ 2 ล้านล้านบาท แต่หากไม่พอ ก็กู้เงินจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า)
ทั้งนี้การทำโครงการดังกล่าว ต้องใช้ผู้รู้เรื่องมาทำ จะได้ไม่เสียเวลา และภายในระยะเวลา 1 ปี ควรเริ่มก่อสร้าง และต้องหาผู้รับเหมาหลายรายมาทำงานจะทำให้ใช้เวลาเพียงประมาณ 5 ปี ก็แล้วเสร็จ
นายสามารถ กล่าวด้วยว่า การที่ คสช. จะเชิญ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ อดีต รมว.คมนาคม เข้าหารือ เพื่อขอข้อมูลการทำโครงการ 2 ล้านล้านบาทนั้น ตนก็ไม่ทราบวัตถุประสงค์ คสช. แต่คาดว่าคงจะขอข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับรถไฟความเร็วสูง ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง
**วอน คสช. เจียดงบพัฒนาภาคใต้ด้วย
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ข้อความว่า คนใต้ต่อสู้กับระบอบทักษิณมากที่สุด เสียชีวิต และบาดเจ็บมากที่สุด เพราะปักษ์ใต้ได้รับความอยุติธรรมมากที่สุด จากการกระทำของคนในระบอบทักษิณ จากคำพูดที่ว่า ไม่เลือก-ไม่ให้งบประมาณ หากจะคิดน้อยใจแยกประเทศ คนใต้นี่แหละ ควรคิดมากที่สุด แต่เราไม่เคยคิด เพราะเรารักแผ่นดินนี้เกินกว่าจะคิดแยก สภาพถนนภาคใต้ คุณภาพแย่ที่สุดในประเทศไทย ได้รับงบประมาณซ่อม-สร้าง น้อยที่สุด ถนนจากชุมพร-สุราษฎร์-นครศรี-พัทลุง แย่สุดในประเทศไทยแล้ว งบน้ำท่วมหลายแสนล้านบาท เราไม่ได้เลย ทั้งๆที่น้ำท่วมภาคใต้ทุกปี เป็นเรื่องอยุติธรรมดีแท้
"เวลานี้เราเพียงเรียกร้อง "ความเป็นธรรม" กลับคืนมาเท่านั้น เราเคยเจ็บปวดกับคำว่า "ไม่เลือก-ไม่ให้" อย่าให้เจ็บปวดกับคำว่า "เราไม่มีปัญหา-ให้ที่มีปัญหาก่อน" เราได้รับงบประมาณน้อยสุด แต่อยากจะบอกว่า เราเสียภาษีมากกว่าบางภาค ที่มีประชากรมากกว่าเรา หวังว่าผู้มีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์อยู่ในขณะนี้ จะได้ยินเสียงของเรา เราเชื่อว่า ท่านที่มีอำนาจ ก็ไม่มีข้อมูลเหล่านี้อยู่ในมือ" นายนิพิฏฐ์ ระบุ
1. ให้โครงการอยู่ในกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามปกติ และให้คำนึงถึงวิธีการอื่นนอกเหนือไปจากลงทุนเองทั้งหมด
2. ทำเฉพาะสายกรุงเทพ-หนองคาย เพื่อเชื่อมโยงต่อไปยังลาว และจีน อันจะเป็นการประสานกับจีนที่จะลงทุนสร้างในลาว
3. ออกกฎหมายเก็บภาษีลาภลอย หรือ Windfall (Profit) Tax เพื่อสร้างความโปร่งใส และความเป็นธรรมให้สังคม
ส่วนจะเรียกใครมาคุยเรื่องโครงสร้างคมนาคมพื้นฐาน ก็ขอให้คิดให้รอบคอบ โดยคำนึงถึงภาพลักษณ์ และความรู้สึกของประชาชนด้วย อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ใช่ความคิดริเริ่มของนักการเมือง เพียงแต่นักการเมืองไปหยิบสารพัดโครงการที่ระบบราชการประจำทำไว้อยู่แล้วมาใช้วิชาการตลาด ปัดฝุ่นปรับแต่งให้ดูหรูเลิศเท่านั้น ถ้าจะเรียกคุยเรียกข้าราชการประจำ ถ้าจะเรียกนักการเมืองควรเรียกทุกฝ่ายให้เสมอภาคกัน เพราะสมัยรัฐบาลก่อนหน้ารัฐบาลที่ถูกควบคุมอำนาจบริหาร เคยมีนโยบายมาแล้วแต่คนละรูปแบบ
**ปชป.หนุนปัดฝุ่นรถไฟทางคู่
ด้านนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. สั่งให้มีการพิจารณาโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทใหม่อีกครั้ง และให้สานต่อโครงการรถไฟทางคู่ ว่า ตนเห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่จะต้องกู้เงิน ซึ่งการทำรถไฟทางคู่มีความจำเป็นต้องทำ เพราะปัจจุบัน รถไฟขนส่งผู้โดยสารมีความเร็วแค่ 60 กม. ต่อชั่วโมง แต่รถไฟทางคู่โครงการดังกล่าว มีความเร็ว 120 กม.ต่อชั่วโมง และควรจัดทำให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะ 30 กว่าจังหวัด ที่ไม่มีทางรถไฟ โดยปัจจุบันประเทศมีทางรถไฟยาว 4,034 กม. แต่มีรถไฟทางคู่ กับรถไฟ 3 ทาง เพียง 358 กม.เท่านั้น จึงเหลือเส้นทางที่ต้องสร้างรถไฟทางคู่อีก 3,676 กม. ซึ่งจะใช้งบประมาณกม.ละ 100 ล้านบาท โดยสามารถตั้งเป็นงบประมาณขาดดุล ปีละ 3 แสนล้านบาท รวม 7 ปี ประมาณ 2 ล้านล้านบาท แต่หากไม่พอ ก็กู้เงินจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า)
ทั้งนี้การทำโครงการดังกล่าว ต้องใช้ผู้รู้เรื่องมาทำ จะได้ไม่เสียเวลา และภายในระยะเวลา 1 ปี ควรเริ่มก่อสร้าง และต้องหาผู้รับเหมาหลายรายมาทำงานจะทำให้ใช้เวลาเพียงประมาณ 5 ปี ก็แล้วเสร็จ
นายสามารถ กล่าวด้วยว่า การที่ คสช. จะเชิญ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ อดีต รมว.คมนาคม เข้าหารือ เพื่อขอข้อมูลการทำโครงการ 2 ล้านล้านบาทนั้น ตนก็ไม่ทราบวัตถุประสงค์ คสช. แต่คาดว่าคงจะขอข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับรถไฟความเร็วสูง ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง
**วอน คสช. เจียดงบพัฒนาภาคใต้ด้วย
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ข้อความว่า คนใต้ต่อสู้กับระบอบทักษิณมากที่สุด เสียชีวิต และบาดเจ็บมากที่สุด เพราะปักษ์ใต้ได้รับความอยุติธรรมมากที่สุด จากการกระทำของคนในระบอบทักษิณ จากคำพูดที่ว่า ไม่เลือก-ไม่ให้งบประมาณ หากจะคิดน้อยใจแยกประเทศ คนใต้นี่แหละ ควรคิดมากที่สุด แต่เราไม่เคยคิด เพราะเรารักแผ่นดินนี้เกินกว่าจะคิดแยก สภาพถนนภาคใต้ คุณภาพแย่ที่สุดในประเทศไทย ได้รับงบประมาณซ่อม-สร้าง น้อยที่สุด ถนนจากชุมพร-สุราษฎร์-นครศรี-พัทลุง แย่สุดในประเทศไทยแล้ว งบน้ำท่วมหลายแสนล้านบาท เราไม่ได้เลย ทั้งๆที่น้ำท่วมภาคใต้ทุกปี เป็นเรื่องอยุติธรรมดีแท้
"เวลานี้เราเพียงเรียกร้อง "ความเป็นธรรม" กลับคืนมาเท่านั้น เราเคยเจ็บปวดกับคำว่า "ไม่เลือก-ไม่ให้" อย่าให้เจ็บปวดกับคำว่า "เราไม่มีปัญหา-ให้ที่มีปัญหาก่อน" เราได้รับงบประมาณน้อยสุด แต่อยากจะบอกว่า เราเสียภาษีมากกว่าบางภาค ที่มีประชากรมากกว่าเรา หวังว่าผู้มีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์อยู่ในขณะนี้ จะได้ยินเสียงของเรา เราเชื่อว่า ท่านที่มีอำนาจ ก็ไม่มีข้อมูลเหล่านี้อยู่ในมือ" นายนิพิฏฐ์ ระบุ