เมื่อเวลา 8.30 น. วานนี้ (30ก.ย.) ที่บริเวณหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (โถงพระราชบิดา) อาคารสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) กลุ่มประชาคม มม. ประกอบด้วย ผู้บริหาร อาจารย์ บุคลากร นักศึกษา ประมาณ 100 คน ร่วมแสดงมุทิตาจิต และมอบดอกกุหลาบเพื่อเป็นกำลังใจ ต่อ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดี มม. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ในการคารวะบุคคลอันเป็นที่เคารพรัก ยกย่อง เป็นเสมือนปูชนียบุคคลของชาว มม.
โดย นางบุญญารัตน์ สุวรรณจินดา ผู้อำนวยการกองวิเทศสัมพันธ์ มม. เป็นตัวแทนคณาจารย์ อ่านแถลงการณ์ มีใจความสำคัญว่า การแสดงออกครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ มติสภา มม. ไม่เกี่ยวกับการตัดสินใจดำรงตำแหน่ง หรือไม่ดำรงตำแหน่งอธิการบดี มม. และตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอด 1 เดือน ที่ผ่านมาสร้างความทุกข์ ความหม่นหมองให้กับชาว มม. ส่วนหนึ่งรู้สึกบั่นทอน และกระทบกับเกียรติภูมิของบุคคลอันเป็นที่รักและศรัทธา
ทั้งนี้ ศ.นพ.รัชตะ เป็นนักวิชาการที่ทุ่มเท ทำงานวิชาการ แก้ไขปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะคนไทยในชนบทที่ยากไร้ เมื่อ ศ.นพ.รัชตะ เป็นอธิการบดี มม. ก็ได้มองปัญหาสังคมไทยในอนาคต 10-20 ปี ข้างหน้าจะเป็นสังคมผู้สูงอายุ ศ.นพ.รัชตะ ก็ได้ผลักดันให้ชาวมม. ที่ทำงานต่างสาขา ได้ทำงานร่วมกัน เพื่อรองรับสังคมในอนาคต ดังนั้นชาวมม. จึงอยากให้กำลังใจ พิธีแสดงมุทิตาจิตครั้งนี้ เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์และยืนยันว่า ศ.นพ.รัชตะ เป็นปูชนียบุคคลของชาวมม.ตลอดไป
ขณะที่ ศ.นพ.รัชตะ กล่าวภายหลังรับมอบดอกไม้ ว่า ขอบคุณชาว มม. ที่เป็นกำลังใจให้ตน ครั้งนี้เป็นความรู้สึกที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ แต่อยากบอกชาวมม. ว่าการทำงานของมหาวิทยาลัยจะไม่สะดุด เพราะยังมี รองอธิการบดี และผู้บริหารช่วยดูแลอยู่ โดยสิ่งที่จะต้องใช้เวลาในการพิจารณามีหลายเหตุปัจจัย เรื่องหนึ่งคือการที่ได้รับตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข เป็นโอกาสที่ได้เข้าไปทำงานขับเคลื่อนระบบสุขภาพของประเทศ และตั้งใจจะดูว่ามีโอกาสบูรณาการเข้ากับการจัดการศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาให้เกิดประโยชน์ได้หรือไม่อย่างไร ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา และค่อย ๆ ศึกษาให้เกิดประโยชน์สูงสุด และในตอนที่โอกาสเปิดขึ้น ต้องถือว่าไม่ใช่สภาวการณ์ปกติของประเทศ เป็นสภาวะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่พยายามจะใช้โอกาสให้เกิดการพัฒนาต่อไปอย่างยั่งยืนเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ และโอกาสเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นคงต้องอาศัยแรงพลังของทุกคนช่วยกัน คนละไม่ละมือช่วยกัน
ศ.นพ.รัชตะ กล่าวต่อว่า ในตอนที่ได้รับตำแหน่ง และตนได้ส่งจดหมายถึงชาวมม. นั้นมีเหตุผลหลายประการ โดยประการแรก รอดูว่าการทำงานทั้งสองตำแหน่งสามารถไปด้วยกันได้หรือไม่ หากสามารถทำควบคู่กันไปได้คน มม. ก็ต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ ช่วยกันดูแลมหาวิทยาลัยคู่ขนานกันไป อีกประการ เมื่อตนรับตำแหน่งรมว.สาธารณสุข ขณะนั้น ตนไม่สามารถเดินออกจากมหาวิทยาลัยไปได้ทันที มีหน้าที่ที่จะวางแผนการบริหารจัดการให้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งมีแผนงานยุทธศาสตร์อยู่หลายแผนที่ต้องใช้เวลาพอสมควร ในการจำทำให้ให้ถูกต้องเรียบร้อย
“ขณะที่ออกจดหมายถึงพวกเราชาว มม. ผมยังไม่ได้เข้าไปทำงาน จึงยังไม่ทราบว่างานที่สธ. มีภาระหนักเบาแค่ไหน สามารถดำเนินงานได้คู่ขนานกับการบริหารมหาวิทยาลัยไปได้หรือไม่ ผมได้รับโปรดเกล้าฯ วันที่ 30 ส.ค.57 กว่าจะได้เข้าไปที่สธ. ก็วันที่ 13 ก.ย.57 จึงต้องรอดูภาระงาน ขณะเดียวกัน ยังต้องรอดูทิศทางรัฐบาลด้วยว่า มองเรื่องนี้อย่างไร เพราะผมเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่รับสองตำแหน่ง ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่ผมบอกกับชาวมม. ไปว่าขอเวลา 2-3 สัปดาห์ ในการไตร่ตรอง ซึ่งผมก็รักษาสัญญาและเร็ว ๆ นี้คงจะนัดหมายกับว่าจะเป็นอย่างไร และจะทำตามที่ได้ตกลงไว้ทุกอย่างตามจดหมายที่บอกชาวมม. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้พวกเราช่วยประคับประคองมหาวิทยาลัยให้เป็นปึกแผ่น มั่นคง ด้วยความสมานฉันท์ สามัคคี พวกเราหลายคนที่มอบดอกไม้ และเป็นกำลังใจบอกให้สู้ ๆ ก็คงจะสู้ แต่จะสู้กับความไม่ถูกต้อง สู้กับความไม่เป็นธรรมาภิบาล ขอให้พวกรักษาธรรมาภิบาล รักความถูกต้อง ยึดมั่นความถูกต้องไว้ในมหาวิทยาลัย ตรงนั้นคือสิ่งที่ผมจะต่อสู้ และอยากบอกว่า ยังยึดมั่นในพระราชดำรัสของสมเด็จพระราชบิดา ซึ่งวันนี้เราทุกคน ยืนอยู่ต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ท่าน เราทำงานทุกอย่างเพื่อประโยชน์สุขของเพื่อนมนุษย์ การทำงานของผมทุกอย่าง ที่ดำเนินมาตลอดคือ คิดถึงประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ประโยชน์ส่วนตนเป็นกิจที่สอง เป็นหลักในการดำเนินงานมาโดยตลอด ดังนั้นเร็ว ๆ นี้ก็จะบอกให้ชาวมม. ทราบตามที่สัญญาไว้ ว่าจะบริหารจัดการมม. ต่อไปอย่างไร ผมจะจำวันนี้ไว้อย่างไม่ลืมเลือน"ศ.นพ.รัชตะกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการแสดงมุทิตาจิตครั้งนี้ เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีเหตุการณ์ของกลุ่มคัดค้านออกมาต่อต้าน โดยทันทีที่ ศ.นพ.รัชตะ เดินลงมาพบประชาคม มม. กลุ่มคณาจารย์ นักศึกษา บุคลากรได้ร่วมร้องเพลงเทิดพระนามมหิดล เพลงประจำมหาวิทยาลัยขึ้นพร้อมกัน จากนั้นจึงมอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจ ศ.นพ.รัชตะ ซึ่งรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา
โดย นางบุญญารัตน์ สุวรรณจินดา ผู้อำนวยการกองวิเทศสัมพันธ์ มม. เป็นตัวแทนคณาจารย์ อ่านแถลงการณ์ มีใจความสำคัญว่า การแสดงออกครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ มติสภา มม. ไม่เกี่ยวกับการตัดสินใจดำรงตำแหน่ง หรือไม่ดำรงตำแหน่งอธิการบดี มม. และตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอด 1 เดือน ที่ผ่านมาสร้างความทุกข์ ความหม่นหมองให้กับชาว มม. ส่วนหนึ่งรู้สึกบั่นทอน และกระทบกับเกียรติภูมิของบุคคลอันเป็นที่รักและศรัทธา
ทั้งนี้ ศ.นพ.รัชตะ เป็นนักวิชาการที่ทุ่มเท ทำงานวิชาการ แก้ไขปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะคนไทยในชนบทที่ยากไร้ เมื่อ ศ.นพ.รัชตะ เป็นอธิการบดี มม. ก็ได้มองปัญหาสังคมไทยในอนาคต 10-20 ปี ข้างหน้าจะเป็นสังคมผู้สูงอายุ ศ.นพ.รัชตะ ก็ได้ผลักดันให้ชาวมม. ที่ทำงานต่างสาขา ได้ทำงานร่วมกัน เพื่อรองรับสังคมในอนาคต ดังนั้นชาวมม. จึงอยากให้กำลังใจ พิธีแสดงมุทิตาจิตครั้งนี้ เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์และยืนยันว่า ศ.นพ.รัชตะ เป็นปูชนียบุคคลของชาวมม.ตลอดไป
ขณะที่ ศ.นพ.รัชตะ กล่าวภายหลังรับมอบดอกไม้ ว่า ขอบคุณชาว มม. ที่เป็นกำลังใจให้ตน ครั้งนี้เป็นความรู้สึกที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ แต่อยากบอกชาวมม. ว่าการทำงานของมหาวิทยาลัยจะไม่สะดุด เพราะยังมี รองอธิการบดี และผู้บริหารช่วยดูแลอยู่ โดยสิ่งที่จะต้องใช้เวลาในการพิจารณามีหลายเหตุปัจจัย เรื่องหนึ่งคือการที่ได้รับตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข เป็นโอกาสที่ได้เข้าไปทำงานขับเคลื่อนระบบสุขภาพของประเทศ และตั้งใจจะดูว่ามีโอกาสบูรณาการเข้ากับการจัดการศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาให้เกิดประโยชน์ได้หรือไม่อย่างไร ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา และค่อย ๆ ศึกษาให้เกิดประโยชน์สูงสุด และในตอนที่โอกาสเปิดขึ้น ต้องถือว่าไม่ใช่สภาวการณ์ปกติของประเทศ เป็นสภาวะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่พยายามจะใช้โอกาสให้เกิดการพัฒนาต่อไปอย่างยั่งยืนเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ และโอกาสเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นคงต้องอาศัยแรงพลังของทุกคนช่วยกัน คนละไม่ละมือช่วยกัน
ศ.นพ.รัชตะ กล่าวต่อว่า ในตอนที่ได้รับตำแหน่ง และตนได้ส่งจดหมายถึงชาวมม. นั้นมีเหตุผลหลายประการ โดยประการแรก รอดูว่าการทำงานทั้งสองตำแหน่งสามารถไปด้วยกันได้หรือไม่ หากสามารถทำควบคู่กันไปได้คน มม. ก็ต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ ช่วยกันดูแลมหาวิทยาลัยคู่ขนานกันไป อีกประการ เมื่อตนรับตำแหน่งรมว.สาธารณสุข ขณะนั้น ตนไม่สามารถเดินออกจากมหาวิทยาลัยไปได้ทันที มีหน้าที่ที่จะวางแผนการบริหารจัดการให้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งมีแผนงานยุทธศาสตร์อยู่หลายแผนที่ต้องใช้เวลาพอสมควร ในการจำทำให้ให้ถูกต้องเรียบร้อย
“ขณะที่ออกจดหมายถึงพวกเราชาว มม. ผมยังไม่ได้เข้าไปทำงาน จึงยังไม่ทราบว่างานที่สธ. มีภาระหนักเบาแค่ไหน สามารถดำเนินงานได้คู่ขนานกับการบริหารมหาวิทยาลัยไปได้หรือไม่ ผมได้รับโปรดเกล้าฯ วันที่ 30 ส.ค.57 กว่าจะได้เข้าไปที่สธ. ก็วันที่ 13 ก.ย.57 จึงต้องรอดูภาระงาน ขณะเดียวกัน ยังต้องรอดูทิศทางรัฐบาลด้วยว่า มองเรื่องนี้อย่างไร เพราะผมเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่รับสองตำแหน่ง ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่ผมบอกกับชาวมม. ไปว่าขอเวลา 2-3 สัปดาห์ ในการไตร่ตรอง ซึ่งผมก็รักษาสัญญาและเร็ว ๆ นี้คงจะนัดหมายกับว่าจะเป็นอย่างไร และจะทำตามที่ได้ตกลงไว้ทุกอย่างตามจดหมายที่บอกชาวมม. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้พวกเราช่วยประคับประคองมหาวิทยาลัยให้เป็นปึกแผ่น มั่นคง ด้วยความสมานฉันท์ สามัคคี พวกเราหลายคนที่มอบดอกไม้ และเป็นกำลังใจบอกให้สู้ ๆ ก็คงจะสู้ แต่จะสู้กับความไม่ถูกต้อง สู้กับความไม่เป็นธรรมาภิบาล ขอให้พวกรักษาธรรมาภิบาล รักความถูกต้อง ยึดมั่นความถูกต้องไว้ในมหาวิทยาลัย ตรงนั้นคือสิ่งที่ผมจะต่อสู้ และอยากบอกว่า ยังยึดมั่นในพระราชดำรัสของสมเด็จพระราชบิดา ซึ่งวันนี้เราทุกคน ยืนอยู่ต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ท่าน เราทำงานทุกอย่างเพื่อประโยชน์สุขของเพื่อนมนุษย์ การทำงานของผมทุกอย่าง ที่ดำเนินมาตลอดคือ คิดถึงประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ประโยชน์ส่วนตนเป็นกิจที่สอง เป็นหลักในการดำเนินงานมาโดยตลอด ดังนั้นเร็ว ๆ นี้ก็จะบอกให้ชาวมม. ทราบตามที่สัญญาไว้ ว่าจะบริหารจัดการมม. ต่อไปอย่างไร ผมจะจำวันนี้ไว้อย่างไม่ลืมเลือน"ศ.นพ.รัชตะกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการแสดงมุทิตาจิตครั้งนี้ เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีเหตุการณ์ของกลุ่มคัดค้านออกมาต่อต้าน โดยทันทีที่ ศ.นพ.รัชตะ เดินลงมาพบประชาคม มม. กลุ่มคณาจารย์ นักศึกษา บุคลากรได้ร่วมร้องเพลงเทิดพระนามมหิดล เพลงประจำมหาวิทยาลัยขึ้นพร้อมกัน จากนั้นจึงมอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจ ศ.นพ.รัชตะ ซึ่งรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา