ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์"นำครม.ถวายสักการะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เผยฝากดูแลน้ำ ป่า ระบุเตรียมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมน้ำท่วมสุโขทัย 12 ก.ย.นี้ หลังแถลงนโยบายต่อ สนช. "ยงยุทธ"รับมีการแบ่งงานรองนายกฯ แล้ว "วิษณุ"ส่งร่างนโยบาย 23 หน้าให้ สนช. ครอบคลุมทุกด้าน ย้ำนายกฯ ชี้แจงเอง "สุกรี"เอาจริง ใช้ปี๊บคลุมหัว จี้ "รัชตะ" ทิ้งเก้าอี้อธิการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (10 ก.ย.) ที่ห้องประชุมอาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาทิ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี นายยุงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าถวายสักการะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปฺญโญ) ผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสเข้ามาทำงานบริหารประเทศ โดยมีนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถวายรายงานเบิกตัว
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถวายรายงาน มีใจความว่า มีความปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ โปรดมีเมตตาให้เกล้ากระผมและ ครม. เข้าถวายสักการะ และหากมีความประสงค์ให้ดำเนินการในเรื่องใดๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ก็พร้อมที่จะดำเนินการให้ตามความประสงค์
ขณะที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ได้มอบสัมโมทนียกถา ใจความว่า ขอบใจที่นายกรัฐมนตีสักการะกรรมการมหาเถรสมาคมก่อนเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ และทราบว่ามีความตั้งใจเข้ามาบริหารประเทศชาติให้บังเกิดความสงบสุข มีความตั้งใจดูแลพระพุทธศาสนา ขออ้างอำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ตลอดถึงพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวง์ทุกพระองค์ ได้โปรดประทานพรให้ท่านนายกรัฐมนตรี และครม. ได้บริหารประเทศชาติได้ประสบความรุ่งเรือง ทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข มีคุณธรรม และขอให้ท่านทั้งหลายจงถึงความเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ มีความเจริญก้าวหน้าโดยทั่วกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาด้วยรถเบนซ์สปรินเตอร์ หมายเลขทะเบียนอย.6436 กรุงเทพฯ ขณะที่ครม. คนอื่นๆ ได้นั่งรถบัสของกองทัพบก โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้สวมชุดผ้าไหมไทยทรงพระราชทานสีเหลืองทอง และมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมทักทายข้าราชการที่มารอให้การต้อนรับ
** เผยสมเด็จฯ ฝากดูแลน้ำ-ป่า
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าสักการะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ว่า สมเด็จฯ ได้กำชับ และได้ฝากเรื่องการอนุรักษ์ป่า อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งตรงกับนโยบายการทำงานของรัฐบาลอยู่แล้ว โดยการบริหารจัดการน้ำ ทั้งแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน จะทำอย่างไรไม่ให้บ่าท่วมภาคกลาง เรื่องปลูกป่า ได้มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปวางแผนดำเนินการให้พระสงฆ์มีส่วนช่วยในการดูแลป่า ส่วนเรื่องหมู่บ้านรักษาศีล 5 รัฐบาลจะเดินหน้าให้ครบทุกหมู่บ้าน
เมื่อถามว่า จะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบอุทกภัย อ.กงไกรราศ จ.สุโขทัยในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย. หลังแถลงนโยบายต่อ สนช. ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ กล่าวว่า จะเดินทางไป แต่คงไปหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลเรียบร้อยก่อน เพื่อให้เป็นรัฐมนตรี และเป็นรัฐบาลที่สมบูรณ์
เมื่อถามว่า มีความพร้อมที่จะแถลงนโยบาย ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างหนักแน่นว่า พร้อมซิ ต้องพร้อม ผมมีความพร้อม ที่จะแถลงนโยบายในวันที่ 12 ก.ย.นี้ แน่นอน และจะเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลในสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าถวายสักการะ และรายงานต่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์นั้น สมเด็จฯ ได้ กล่าวฝากให้นายกฯ ช่วยแก้ปัญหา 2 เรื่อง คือเรื่องน้ำ และเรื่องป่า โดยเรื่องน้ำ ขอให้ระวังผลกระทบที่จะตามมา ซึ่งจะมีประชาชน มาเดินขบวนคัดค้าน เพราะไม่ต้องการให้มีการขุดลอกคลอง เพราะจะกระทบความเป็นอยู่ของประชาชน และเกิดตลิ่งพัง ส่วนเรื่องป่า ปัจจุบันมีภูเขาหัวโล้นจำนวนมาก โดยได้เสนอความคิดให้ที่ดินแก่พระสงฆ์รูปละ 100 ไร่ เพื่อเข้าไปอยู่อาศัย โดยทำสัญญาว่า 5 ปี ต้องปลูกป่าให้เต็มพื้นที่ ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวให้อาศัยเพื่อทำการปลูกป่าเท่านั้น ไม่ได้ให้เป็นกรรมสิทธิ์
**"บิ๊กตู่" ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมสุโขทัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดการจะลงพื้นที่ อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย เพื่อตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย.นี้ โดยภายหลังการแถลงนโยบายต่อ สนช. เวลาประมาณ 13.00 น. นายกฯ และคณะจะเดินทางไปที่กองการบิน กรมการขนส่งทางบก (ขส.ทบ.) ดอนเมือง ขึ้นเครื่อง Embrear ของกองทัพบก ไปลงที่ท่าอากาศยานสุโขทัย และเดินทางต่อด้วยรถยนต์ ไปยังวัดกงไกรลาศ หมู่ 10 ต.กง อ.กงไกรลาศ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์และการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จากผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย และรับฟังรายงานสรุปสถานการณ์ และการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจากนายอำเภอกงไกรลาศ
โอกาสนี้นายกฯ จะพบปะเยี่ยมเยียนประชาชน และมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจำนวน 1,000 ราย ขณะที่คณะเดินทางจะลงเรือไปมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยคณะของนายกฯ จะเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ในเวลา 17.30 น. ทั้งนี้ การลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมที่ จ.สุโขทัย ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรก ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
** "ยงยุทธ"เผยแบ่งงานรองนายกฯแล้ว
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เข้าสักการะพระพรหม ที่ประดิษฐานอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า และสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตา ศาลยาย ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ โดยนายยงยุทธ ให้สัมภาษณ์ถึงการแบ่งงานรองนายกฯ ว่า ในที่ประชุม ครม. อย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้แบ่งงานให้รองนายกฯ ดูแลรับผิดชอบ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมอบหมายให้ตน ดูแลงานด้านสังคม มีอยู่ 4 กระทรวง คือ กระทรวงศึกษาธิการ สาธารณสุข วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ดูแลด้านความมั่นคง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านเศรษฐกิจ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ดูแลด้านต่างประเทศ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ดูแลเรื่องกฎหมาย ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะดูแลภาพใหญ่ มีกระทรวงและหน่วยงานขึ้นตรงจำนวนมาก อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งงานทั้งหมด จะต้องมีเอกภาพ
นายยงยุทธกล่าวว่า การทำงานของตน พร้อมจะเชื่อมโยงกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงแรงงาน คลัง พาณิชย์ รวมถึงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เหมือนกับเป็นแม่น้ำหลายสายมารวมกัน ทำหน้าที่ส่งต่องาน จากที่นายกฯ มอบไปยังกระทรวงต่างๆ และงานที่กระทรวงต่างๆ จะส่งให้นายกฯ พิจารณา ซึ่งจะต้องส่งให้ตนพิจารณา
ทั้งนี้ เรื่องเร่งด่วน คือ การลดความเลื่อมล้ำ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การปฏิรูป ที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ต้องใช้เวลา แต่เราสามารถที่จะวางรากฐานให้เกิดความยั่งยืนได้
รองนายกฯ กล่าวว่า ครม.จะเริ่มงานจริง เมื่อนายกฯ ได้แถลงนโยบายต่อ สนช. ในวันที่ 12 ก.ย.แล้ว โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้แจ้งว่า หลังจากแถลงนโยบายต่อ สนช. เสร็จสิ้น จะมีการพบปะกับฝ่ายปฏิบัติ กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ตนจะเป็นพลเรือน แต่สามารถทำงานร่วมกับทหารได้ไม่มีปัญหา เพราะล้วนแต่เป็นประชาชนเหมือนกันหมด มีการพูดคุยกันอย่างดี ต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนและเรียนรู้กัน โดย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนเปิดกว้าง ไม่มีแบ่งว่าคนไหนเป็นทหาร คนไหนเป็นพลเรือน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ได้แจ้งต่อ ครม.หรือไม่ว่า จะประเมินผลการทำงานของรัฐมนตรีทุกคนอย่างไร นายยงยุทธ กล่าวว่า นายกฯ ย้ำอยู่ตลอดมาว่าให้ทำงานให้ได้ผล ไม่อย่างนั้นท่านจะปรับออก ซึ่งเป็นธรรมดา ทุกคนจะต้องรู้ตัว จะนั่งแช่กันเฉยๆ ไม่ได้ เวลามีน้อย
**ส่งร่างนโยบาย 23 หน้าให้ สนช.แล้ว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงร่างนโยบายของรัฐบาลว่า ได้มีการตรวจร่างเรียบร้อยแล้ว และส่งให้สนช.ไปแล้ว มีทั้งหมด 23 หน้า เนื้อหาครอบคลุมหมดทุกด้าน โดยนายกฯ จะเป็นผู้ชี้แจงเองเพียงคนเดียว หากสมาชิกสนช. สงสัยประเด็นใด นายกฯ ก็สามารถมอบหมายให้ รองนายกฯ หรือรัฐมนตรีที่รับผิดชอบตอบในรายละเอียดได้
สำหรับการยื่นบัญชีทรัพย์สินของ ครม. ก็ไม่มีปัญหาอะไร และเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ไม่ได้มาชี้แจงถึงวิธีการยื่นบัญชีทรัพย์สินกับ ป.ป.ช. เพราะทุกคนสามารถทำความเข้าใจเองได้ และเกือบทุกคนในครม. ชุดนี้ ก็ล้วนแต่เคยยื่นบัญชีทรัพย์สินมาแล้วทั้งนั้น ดังนั้น ไม่มีใครหนักใจ ทั้งทหาร หรือแม้แต่รัฐมนตรีที่มาจากเอกชน อย่างนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ก็เคยยื่นมาแล้ว ในฐานะ สนช.
"ไม่มีใครรอดชีวิตมาได้โดยไม่เคยยื่น จึงไม่ควรจะมีปัญหา ส่วนการหลงลืม ยื่นแล้ว ก็ลืมได้ แต่ก็สามารถยื่นตามไปได้ ป.ป.ช. เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร" รองนายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่ง 2 ทาง โดยเฉพาะกรณีของ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลด้วยนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าถามในทาง ครม. ไม่ว่าจะมาจากไหนก็เป็นได้ทั้งนั้น ไม่ห้ามเลยสักอย่าง แต่ในส่วนของสถานที่ ที่รัฐมนตรีท่านนั้นมา ก็ต้องไปดูระเบียบสถานที่นั้นเอง
เมื่อถามว่าจะมีความเหมาะสมหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบต้องไปถาม รัฐมนตรีท่านนั้นเอง
** สนช.ฟังแถลงนโยบายรัฐบาล พรุ่งนี้
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกหนังสือคำสั่งนัดประชุม สนช.ครั้งที่ 8 ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย.2557 เวลา 10.00 น. โดยมีวาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี จะเดินทางมาแถลงต่อที่ประชุมด้วยตนเอง ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นชอบร่างนโยบาย ก่อนให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สล.ค.) จัดพิมพ์ร่าง แล้วส่งให้สมาชิก สนช.ศึกษารายละเอียดก่อน
สำหรับการแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรี จะเน้นชี้แจงการแก้ปัญหา 11 ด้าน เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ การศึกษา สังคมวัฒนธรรม การสร้างความปรองดองและการปฏิรูป โดยจะแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการภายใน 1 เดือน เช่นปัญหาภัยพิบัติ ระยะกลางในกรอบระยะเวลา 1 ปี และระยะยาวในกรอบระยะเวลา 5-10 ปี เช่น โครงการรถไฟทางคู่
** "บิ๊กอ้อ" อุบนั่งเก้าอี้เลขาฯนายกฯ
นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษก คสช. ซึ่งมีชื่อเป็นทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามถึงกระแสข่าวว่า จะได้เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า "ผมไม่ทราบ" เมื่อถามว่า เรื่องของตัวเองจะไม่ทราบเชียวหรือ นพ.ยงยุทธ ยิ้ม พร้อมกล่าวว่า ไม่ทราบจริงๆ
เมื่อถามว่า พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก จะมาเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นพ.ยงยุทธ กล่าวย้ำว่า ไม่ทราบจริงๆ
ขณะที่ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี กล่าวปฏิเสธที่จะพูดถึงกระแสข่าว ที่คาดว่าจะได้รับการแต่งตั้ง เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า อย่าเพิ่งพูดอะไรในเรื่องนี้ เพราะยังไม่มีอะไรที่เป็นทางการ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันวานนี้ (10 ก.ย.) พล.อ.วิลาศ ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่คอยตรวจดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ภายในทำเนียบรัฐบาล และยังได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจในการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าถวายสักการะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ด้วย
***"สุกรี"ปี๊บคลุมหัวจี้"รัชตะ" ทิ้งเก้าอี้อธิการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.30 น. อาคารภูมิพลสังคีต วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ศาลายา รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางค์ศิลป์ ได้แถลงข่าว เรียกร้องให้ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดี มม. และรมว.สาธารณสุข ลาออกจากตำแหน่งอธิการบดี มม. เพื่อดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข เพียงตำแหน่งเดียว โดยก่อนหน้านี้ รศ.ดร.สุกรี เคยระบุว่าจะเอาปี๊บคลุมหัว ร่วมประชุมสภาคณบดี มม.และสภาคณาจารย์ มม. เพื่อเป็นการกระทำส่วนบุคคลที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ ศ.นพ.รัชตะ นั่งควบสองตำแหน่ง
รศ.ดร.สุกรีกล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยที่อธิการบดี มม. จะนั่งควบทั้งตำแหน่งอธิการบดี และตำแหน่งรมว.สาธารณสุข เนื่องจากมหาวิทยาลัยถือแหล่งบ่มเพาะปัญญา ซึ่งผู้นำควรจะต้องมีสามัญสำนึก อีกทั้ง มม.มีปรัชญาว่าปัญญาของแผ่นดิน แต่การที่ ศ.นพ.รัชตะ ไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งอธิการบดี กำลังจะกลายเป็นปัญหาของแผ่นดิน เพราะการนั่งควบทั้งสองตำแหน่งอาจเป็นเรื่องของการมีผลประโยชน์ทับซ้อน และยังเป็นเรื่องของสามัญสำนึกของคนที่เป็นครู อาจารย์
"ถามเรื่องความมีสามัญสำนึกผมคิดว่าอธิการบดี ควรจะต้องลาออก เพราะในฐานะคนทำงานควรจะนั่งทำงานให้เต็มที่ในที่ใดที่หนึ่ง ผมเองก็ทำงานที่นี่เต็มเวลา ผมก็อยากได้อธิการบดีที่ทำงานเต็มเวลา ไม่ใช่ผมทำเต็มเวลา แต่อธิการทำไม่เต็ม แบ่งไปทำงานอื่น แบบนี้ก็ไม่แฟร์ ซึ่งผมเองก็เชื่อว่า สาธารณสุขก็อยากได้ รมว.สาธารณสุข ที่ทำงานเต็มเวลาเช่นเดียวกัน ซึ่งครั้งนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับใคร และไม่ได้มีการพูดคุยกับคณบดีคนอื่น ๆ ซึ่ง มม.มีคณบดีทั้งหมด 33 คณะคงไม่สามารถตอบแทนใครได้”รศ.ดร.สุกรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (10 ก.ย.) ที่ห้องประชุมอาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาทิ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี นายยุงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าถวายสักการะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปฺญโญ) ผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสเข้ามาทำงานบริหารประเทศ โดยมีนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถวายรายงานเบิกตัว
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถวายรายงาน มีใจความว่า มีความปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ โปรดมีเมตตาให้เกล้ากระผมและ ครม. เข้าถวายสักการะ และหากมีความประสงค์ให้ดำเนินการในเรื่องใดๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ก็พร้อมที่จะดำเนินการให้ตามความประสงค์
ขณะที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ได้มอบสัมโมทนียกถา ใจความว่า ขอบใจที่นายกรัฐมนตีสักการะกรรมการมหาเถรสมาคมก่อนเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ และทราบว่ามีความตั้งใจเข้ามาบริหารประเทศชาติให้บังเกิดความสงบสุข มีความตั้งใจดูแลพระพุทธศาสนา ขออ้างอำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ตลอดถึงพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวง์ทุกพระองค์ ได้โปรดประทานพรให้ท่านนายกรัฐมนตรี และครม. ได้บริหารประเทศชาติได้ประสบความรุ่งเรือง ทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข มีคุณธรรม และขอให้ท่านทั้งหลายจงถึงความเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ มีความเจริญก้าวหน้าโดยทั่วกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาด้วยรถเบนซ์สปรินเตอร์ หมายเลขทะเบียนอย.6436 กรุงเทพฯ ขณะที่ครม. คนอื่นๆ ได้นั่งรถบัสของกองทัพบก โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้สวมชุดผ้าไหมไทยทรงพระราชทานสีเหลืองทอง และมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมทักทายข้าราชการที่มารอให้การต้อนรับ
** เผยสมเด็จฯ ฝากดูแลน้ำ-ป่า
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าสักการะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ว่า สมเด็จฯ ได้กำชับ และได้ฝากเรื่องการอนุรักษ์ป่า อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งตรงกับนโยบายการทำงานของรัฐบาลอยู่แล้ว โดยการบริหารจัดการน้ำ ทั้งแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน จะทำอย่างไรไม่ให้บ่าท่วมภาคกลาง เรื่องปลูกป่า ได้มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปวางแผนดำเนินการให้พระสงฆ์มีส่วนช่วยในการดูแลป่า ส่วนเรื่องหมู่บ้านรักษาศีล 5 รัฐบาลจะเดินหน้าให้ครบทุกหมู่บ้าน
เมื่อถามว่า จะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบอุทกภัย อ.กงไกรราศ จ.สุโขทัยในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย. หลังแถลงนโยบายต่อ สนช. ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ กล่าวว่า จะเดินทางไป แต่คงไปหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลเรียบร้อยก่อน เพื่อให้เป็นรัฐมนตรี และเป็นรัฐบาลที่สมบูรณ์
เมื่อถามว่า มีความพร้อมที่จะแถลงนโยบาย ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างหนักแน่นว่า พร้อมซิ ต้องพร้อม ผมมีความพร้อม ที่จะแถลงนโยบายในวันที่ 12 ก.ย.นี้ แน่นอน และจะเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลในสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าถวายสักการะ และรายงานต่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์นั้น สมเด็จฯ ได้ กล่าวฝากให้นายกฯ ช่วยแก้ปัญหา 2 เรื่อง คือเรื่องน้ำ และเรื่องป่า โดยเรื่องน้ำ ขอให้ระวังผลกระทบที่จะตามมา ซึ่งจะมีประชาชน มาเดินขบวนคัดค้าน เพราะไม่ต้องการให้มีการขุดลอกคลอง เพราะจะกระทบความเป็นอยู่ของประชาชน และเกิดตลิ่งพัง ส่วนเรื่องป่า ปัจจุบันมีภูเขาหัวโล้นจำนวนมาก โดยได้เสนอความคิดให้ที่ดินแก่พระสงฆ์รูปละ 100 ไร่ เพื่อเข้าไปอยู่อาศัย โดยทำสัญญาว่า 5 ปี ต้องปลูกป่าให้เต็มพื้นที่ ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวให้อาศัยเพื่อทำการปลูกป่าเท่านั้น ไม่ได้ให้เป็นกรรมสิทธิ์
**"บิ๊กตู่" ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมสุโขทัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดการจะลงพื้นที่ อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย เพื่อตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย.นี้ โดยภายหลังการแถลงนโยบายต่อ สนช. เวลาประมาณ 13.00 น. นายกฯ และคณะจะเดินทางไปที่กองการบิน กรมการขนส่งทางบก (ขส.ทบ.) ดอนเมือง ขึ้นเครื่อง Embrear ของกองทัพบก ไปลงที่ท่าอากาศยานสุโขทัย และเดินทางต่อด้วยรถยนต์ ไปยังวัดกงไกรลาศ หมู่ 10 ต.กง อ.กงไกรลาศ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์และการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จากผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย และรับฟังรายงานสรุปสถานการณ์ และการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจากนายอำเภอกงไกรลาศ
โอกาสนี้นายกฯ จะพบปะเยี่ยมเยียนประชาชน และมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจำนวน 1,000 ราย ขณะที่คณะเดินทางจะลงเรือไปมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยคณะของนายกฯ จะเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ในเวลา 17.30 น. ทั้งนี้ การลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมที่ จ.สุโขทัย ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรก ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
** "ยงยุทธ"เผยแบ่งงานรองนายกฯแล้ว
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เข้าสักการะพระพรหม ที่ประดิษฐานอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า และสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตา ศาลยาย ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ โดยนายยงยุทธ ให้สัมภาษณ์ถึงการแบ่งงานรองนายกฯ ว่า ในที่ประชุม ครม. อย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้แบ่งงานให้รองนายกฯ ดูแลรับผิดชอบ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมอบหมายให้ตน ดูแลงานด้านสังคม มีอยู่ 4 กระทรวง คือ กระทรวงศึกษาธิการ สาธารณสุข วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ดูแลด้านความมั่นคง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านเศรษฐกิจ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ดูแลด้านต่างประเทศ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ดูแลเรื่องกฎหมาย ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะดูแลภาพใหญ่ มีกระทรวงและหน่วยงานขึ้นตรงจำนวนมาก อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งงานทั้งหมด จะต้องมีเอกภาพ
นายยงยุทธกล่าวว่า การทำงานของตน พร้อมจะเชื่อมโยงกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงแรงงาน คลัง พาณิชย์ รวมถึงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เหมือนกับเป็นแม่น้ำหลายสายมารวมกัน ทำหน้าที่ส่งต่องาน จากที่นายกฯ มอบไปยังกระทรวงต่างๆ และงานที่กระทรวงต่างๆ จะส่งให้นายกฯ พิจารณา ซึ่งจะต้องส่งให้ตนพิจารณา
ทั้งนี้ เรื่องเร่งด่วน คือ การลดความเลื่อมล้ำ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การปฏิรูป ที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ต้องใช้เวลา แต่เราสามารถที่จะวางรากฐานให้เกิดความยั่งยืนได้
รองนายกฯ กล่าวว่า ครม.จะเริ่มงานจริง เมื่อนายกฯ ได้แถลงนโยบายต่อ สนช. ในวันที่ 12 ก.ย.แล้ว โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้แจ้งว่า หลังจากแถลงนโยบายต่อ สนช. เสร็จสิ้น จะมีการพบปะกับฝ่ายปฏิบัติ กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ตนจะเป็นพลเรือน แต่สามารถทำงานร่วมกับทหารได้ไม่มีปัญหา เพราะล้วนแต่เป็นประชาชนเหมือนกันหมด มีการพูดคุยกันอย่างดี ต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนและเรียนรู้กัน โดย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนเปิดกว้าง ไม่มีแบ่งว่าคนไหนเป็นทหาร คนไหนเป็นพลเรือน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ได้แจ้งต่อ ครม.หรือไม่ว่า จะประเมินผลการทำงานของรัฐมนตรีทุกคนอย่างไร นายยงยุทธ กล่าวว่า นายกฯ ย้ำอยู่ตลอดมาว่าให้ทำงานให้ได้ผล ไม่อย่างนั้นท่านจะปรับออก ซึ่งเป็นธรรมดา ทุกคนจะต้องรู้ตัว จะนั่งแช่กันเฉยๆ ไม่ได้ เวลามีน้อย
**ส่งร่างนโยบาย 23 หน้าให้ สนช.แล้ว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงร่างนโยบายของรัฐบาลว่า ได้มีการตรวจร่างเรียบร้อยแล้ว และส่งให้สนช.ไปแล้ว มีทั้งหมด 23 หน้า เนื้อหาครอบคลุมหมดทุกด้าน โดยนายกฯ จะเป็นผู้ชี้แจงเองเพียงคนเดียว หากสมาชิกสนช. สงสัยประเด็นใด นายกฯ ก็สามารถมอบหมายให้ รองนายกฯ หรือรัฐมนตรีที่รับผิดชอบตอบในรายละเอียดได้
สำหรับการยื่นบัญชีทรัพย์สินของ ครม. ก็ไม่มีปัญหาอะไร และเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ไม่ได้มาชี้แจงถึงวิธีการยื่นบัญชีทรัพย์สินกับ ป.ป.ช. เพราะทุกคนสามารถทำความเข้าใจเองได้ และเกือบทุกคนในครม. ชุดนี้ ก็ล้วนแต่เคยยื่นบัญชีทรัพย์สินมาแล้วทั้งนั้น ดังนั้น ไม่มีใครหนักใจ ทั้งทหาร หรือแม้แต่รัฐมนตรีที่มาจากเอกชน อย่างนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ก็เคยยื่นมาแล้ว ในฐานะ สนช.
"ไม่มีใครรอดชีวิตมาได้โดยไม่เคยยื่น จึงไม่ควรจะมีปัญหา ส่วนการหลงลืม ยื่นแล้ว ก็ลืมได้ แต่ก็สามารถยื่นตามไปได้ ป.ป.ช. เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร" รองนายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่ง 2 ทาง โดยเฉพาะกรณีของ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลด้วยนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าถามในทาง ครม. ไม่ว่าจะมาจากไหนก็เป็นได้ทั้งนั้น ไม่ห้ามเลยสักอย่าง แต่ในส่วนของสถานที่ ที่รัฐมนตรีท่านนั้นมา ก็ต้องไปดูระเบียบสถานที่นั้นเอง
เมื่อถามว่าจะมีความเหมาะสมหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบต้องไปถาม รัฐมนตรีท่านนั้นเอง
** สนช.ฟังแถลงนโยบายรัฐบาล พรุ่งนี้
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกหนังสือคำสั่งนัดประชุม สนช.ครั้งที่ 8 ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย.2557 เวลา 10.00 น. โดยมีวาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี จะเดินทางมาแถลงต่อที่ประชุมด้วยตนเอง ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นชอบร่างนโยบาย ก่อนให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สล.ค.) จัดพิมพ์ร่าง แล้วส่งให้สมาชิก สนช.ศึกษารายละเอียดก่อน
สำหรับการแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรี จะเน้นชี้แจงการแก้ปัญหา 11 ด้าน เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ การศึกษา สังคมวัฒนธรรม การสร้างความปรองดองและการปฏิรูป โดยจะแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการภายใน 1 เดือน เช่นปัญหาภัยพิบัติ ระยะกลางในกรอบระยะเวลา 1 ปี และระยะยาวในกรอบระยะเวลา 5-10 ปี เช่น โครงการรถไฟทางคู่
** "บิ๊กอ้อ" อุบนั่งเก้าอี้เลขาฯนายกฯ
นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษก คสช. ซึ่งมีชื่อเป็นทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามถึงกระแสข่าวว่า จะได้เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า "ผมไม่ทราบ" เมื่อถามว่า เรื่องของตัวเองจะไม่ทราบเชียวหรือ นพ.ยงยุทธ ยิ้ม พร้อมกล่าวว่า ไม่ทราบจริงๆ
เมื่อถามว่า พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก จะมาเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นพ.ยงยุทธ กล่าวย้ำว่า ไม่ทราบจริงๆ
ขณะที่ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี กล่าวปฏิเสธที่จะพูดถึงกระแสข่าว ที่คาดว่าจะได้รับการแต่งตั้ง เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า อย่าเพิ่งพูดอะไรในเรื่องนี้ เพราะยังไม่มีอะไรที่เป็นทางการ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันวานนี้ (10 ก.ย.) พล.อ.วิลาศ ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่คอยตรวจดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ภายในทำเนียบรัฐบาล และยังได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจในการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าถวายสักการะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ด้วย
***"สุกรี"ปี๊บคลุมหัวจี้"รัชตะ" ทิ้งเก้าอี้อธิการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.30 น. อาคารภูมิพลสังคีต วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ศาลายา รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางค์ศิลป์ ได้แถลงข่าว เรียกร้องให้ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดี มม. และรมว.สาธารณสุข ลาออกจากตำแหน่งอธิการบดี มม. เพื่อดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข เพียงตำแหน่งเดียว โดยก่อนหน้านี้ รศ.ดร.สุกรี เคยระบุว่าจะเอาปี๊บคลุมหัว ร่วมประชุมสภาคณบดี มม.และสภาคณาจารย์ มม. เพื่อเป็นการกระทำส่วนบุคคลที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ ศ.นพ.รัชตะ นั่งควบสองตำแหน่ง
รศ.ดร.สุกรีกล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยที่อธิการบดี มม. จะนั่งควบทั้งตำแหน่งอธิการบดี และตำแหน่งรมว.สาธารณสุข เนื่องจากมหาวิทยาลัยถือแหล่งบ่มเพาะปัญญา ซึ่งผู้นำควรจะต้องมีสามัญสำนึก อีกทั้ง มม.มีปรัชญาว่าปัญญาของแผ่นดิน แต่การที่ ศ.นพ.รัชตะ ไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งอธิการบดี กำลังจะกลายเป็นปัญหาของแผ่นดิน เพราะการนั่งควบทั้งสองตำแหน่งอาจเป็นเรื่องของการมีผลประโยชน์ทับซ้อน และยังเป็นเรื่องของสามัญสำนึกของคนที่เป็นครู อาจารย์
"ถามเรื่องความมีสามัญสำนึกผมคิดว่าอธิการบดี ควรจะต้องลาออก เพราะในฐานะคนทำงานควรจะนั่งทำงานให้เต็มที่ในที่ใดที่หนึ่ง ผมเองก็ทำงานที่นี่เต็มเวลา ผมก็อยากได้อธิการบดีที่ทำงานเต็มเวลา ไม่ใช่ผมทำเต็มเวลา แต่อธิการทำไม่เต็ม แบ่งไปทำงานอื่น แบบนี้ก็ไม่แฟร์ ซึ่งผมเองก็เชื่อว่า สาธารณสุขก็อยากได้ รมว.สาธารณสุข ที่ทำงานเต็มเวลาเช่นเดียวกัน ซึ่งครั้งนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับใคร และไม่ได้มีการพูดคุยกับคณบดีคนอื่น ๆ ซึ่ง มม.มีคณบดีทั้งหมด 33 คณะคงไม่สามารถตอบแทนใครได้”รศ.ดร.สุกรี กล่าว