00 ถึงอย่างไรก็ต้องยกให้เป็นนักการตลาด สร้างกระแสเรียกร้องความสนใจได้อย่างต่อเนื่อง คงเส้นคงวา สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร เพราะล่าสุดได้ใช้ช่องทางของลูกชาย คือ พานทองแท้ ชินวัตร โฆษณาปล่อยภาพยนต์การ์ตูนภาพเสมือนจริงของเขาออกมาเผยแพร่อัตชีวะประวัติของตัวเองในชื่อเรื่องว่า "ตาดูดาว เท้าติดดิน" มีการแย้มเรียกน้ำย่อยแบบหัวม้วนออกมาก่อน ส่วนเนื้อหาเต็มๆ ต้องรออีกวันสองวัน ซึ่งแค่นี้เดี๋ยวก็มีการติดตามนำเสนอออกมากันอย่างคึกคัก
00 ไม่อยากพูดถึงเนื้อหาไปมากกว่านี้ เอาเป็นว่าในแง่ของการตลาดรับรองว่าสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ยังใช้ได้ผลอยู่ และคราวนี้ก็เช่นเดียวกัน การใช้จังหวะแบบนี้ปล่อย"ของ" ออกมามันก็ต้องมีเป้าหมาย อย่างน้อยก็สามารถ "ชิงพื้นที่ข่าว" กลับมา เพราะเป็นการประกบดึงความสนใจกลับมาจากช่วงที่ รัฐบาล "ประยุทธ์1" นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าทำเนียบฯ เป็นวันแรกพอดี อย่างไรก็ดี ในเรื่องของ "ข่าว" ถือว่าได้ผล ส่วนจะออกมาแบบบวก หรือลบ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง
00 ที่ผ่านมาหลังจากมี คสช. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดขึ้น ความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว ก็เบาบางลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีเจตนาให้เป็นแบบนั้น นอกเสียจากต้องการส่งสัญญาณบางอย่างกลับมา ก็จะมีการเคลื่อนไหวออกมา และที่สำคัญการ "เงียบ" เป็นครั้งคราวดังกล่าวก็เพื่อ "รอ" กลับมา เพราะคสช. และรัฐบาลทหารสัญญาประชาคมไปแล้วว่า ใช้เวลาประมาณปีเศษเท่านั้น และที่เป็น "เงื่อนไข" ให้อยู่นิ่งๆ ก็คือ "ไม่แตะต้อง" พวกเขาเลย ทุกอย่างยังอยู่ดีมีสุข อาจจะแลกกับการ "ไม่เป่านกหวีดป่วน" ก็เป็นได้
00 ดังนั้นหากพิจารณาจากเจตนาการเผยแพร่การ์ตูนดังกล่าว เป็นเพียงเรียกร้องความสนใจ ชิงพื้นที่ข่าว "ไม่ให้ลืม" เท่านั้น แต่ไม่ใช่หวังผลทางการเมืองโดยตรง เพราะอย่างที่บอกนั่นคือ กำลังอยู่ในช่วง "รอกลับมา" เท่านั้น อย่างไรก็ดี หากมองในมุมลบ ผลที่สะท้อนกลับมาอาจเป็นตรงข้าม เพราะฝ่ายที่ "เกลียดเข้าใส้" มันก็เกิดอาการ"ปรี๊ด" ขึ้นมาอีก หลังจากก่อนหน้านี้เริ่มลืมๆ กันไปบ้างแล้ว ยิ่งเห็นภาพ เห็นความเคลื่อนไหว ก็หงุดหงิด มองได้สองมุม แม้ว่าในเนื้อหาการ์ตูนดังกล่าวจะเน้นเสนอเรื่องการ "ต่อสู้ดิ้นรนแบบไม่ยอมแพ้" ทางหนึ่งอาจเป็นการบอกกล่าวไปถึงบรรดาสาวก แต่สำหรับฝ่ายตรงข้ามแล้ว ก็คงไม่ยอมแพ้และต้องขับไล่จนถึงที่สุดเช่นเดียวกัน เพราะเชื่อว่า "ความขัดแย้งรอบใหม่" คงจะเกิดขึ้นอีกไม่นาน หาก คสช.และ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังวางเฉยในเรื่องแบบนี้อยู่ต่อไป !!
00 ส่วนรัฐบาล "ประยุทธ์1" เบิกฤกษ์อาจจะสมบูรณ์แบบกว่านี้ หากไม่มีเรื่องอื้อฉาว "ไมโครโฟนตัวละแสนสี่หมื่น"ออกมาเสียก่อน และงานนี้ทำเอาคนที่เสียรังวัดไปอีกโขก็คือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมฯ แม้ว่าในระยะหลังจะพยายามชิ่งหายออกไป แต่ในฐานะแม่งานมาตั้งแต่ต้น มันก็เลี่ยงไม่ออก อีกคนก็คือ มล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่เคยคุยโวเรื่องเทคโนโลยีระดับทำเนียบขาว ก็ต้องตกเป็นขี้ปาก แม้ว่าจะพยายามโบ้ยไปให้อธิบดีกรมโยธาฯ มณฑล สุดประเสริฐ ก็ตาม แต่ถึงอย่างไร เรื่องนี้ต้องเคลียร์ เพราะดูแล้วมันขัดความรู้สึก ทั้งในเรื่องความพอเพียง และเรื่องป้องกันทุจริต ตามเจตนาที่ประกาศเอาไว้ตั้งแต่ต้น !!
00 กำหนดชัดเจนแล้วว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย.ซึ่งดูตามรูปการณ์แล้วก็ต้องฟังกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะมีการกำหนดเวลาเอาไว้แค่ 1 วันเต็ม ซึ่งก็ไม่ต้องซักถามให้มากเรื่อง เริ่มทำงานกันเลยดีกว่า อย่างไรก็ดีเมื่อเป็นรัฐบาล เป็นรมต. สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ก็คือ การแจ้ง "บัญชีทรัพย์สิน" คราวนี้แหละจะได้เห็นกันบ้างว่า ใครมีเท่าไหร่ อาจร้องอู้ฮู ออกมาก็ได้ !!
00 หลังจากลดบทบาทกลับไปอยู่แนวหลังอยู่พักใหญ่ หลังจากเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม ปี 53 "เสธ.ไก่อู" พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ก็ได้เวลาออกมาหน้าจออีกครั้ง คราวนี้มาในทีมโฆษกรัฐบาล ก็ต้องถือว่าใช้ได้ และยินดีด้วย กับบทบาทใหม่ และงานที่เหมาะกับบทบาท !!
00 ไม่อยากพูดถึงเนื้อหาไปมากกว่านี้ เอาเป็นว่าในแง่ของการตลาดรับรองว่าสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ยังใช้ได้ผลอยู่ และคราวนี้ก็เช่นเดียวกัน การใช้จังหวะแบบนี้ปล่อย"ของ" ออกมามันก็ต้องมีเป้าหมาย อย่างน้อยก็สามารถ "ชิงพื้นที่ข่าว" กลับมา เพราะเป็นการประกบดึงความสนใจกลับมาจากช่วงที่ รัฐบาล "ประยุทธ์1" นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าทำเนียบฯ เป็นวันแรกพอดี อย่างไรก็ดี ในเรื่องของ "ข่าว" ถือว่าได้ผล ส่วนจะออกมาแบบบวก หรือลบ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง
00 ที่ผ่านมาหลังจากมี คสช. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดขึ้น ความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว ก็เบาบางลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีเจตนาให้เป็นแบบนั้น นอกเสียจากต้องการส่งสัญญาณบางอย่างกลับมา ก็จะมีการเคลื่อนไหวออกมา และที่สำคัญการ "เงียบ" เป็นครั้งคราวดังกล่าวก็เพื่อ "รอ" กลับมา เพราะคสช. และรัฐบาลทหารสัญญาประชาคมไปแล้วว่า ใช้เวลาประมาณปีเศษเท่านั้น และที่เป็น "เงื่อนไข" ให้อยู่นิ่งๆ ก็คือ "ไม่แตะต้อง" พวกเขาเลย ทุกอย่างยังอยู่ดีมีสุข อาจจะแลกกับการ "ไม่เป่านกหวีดป่วน" ก็เป็นได้
00 ดังนั้นหากพิจารณาจากเจตนาการเผยแพร่การ์ตูนดังกล่าว เป็นเพียงเรียกร้องความสนใจ ชิงพื้นที่ข่าว "ไม่ให้ลืม" เท่านั้น แต่ไม่ใช่หวังผลทางการเมืองโดยตรง เพราะอย่างที่บอกนั่นคือ กำลังอยู่ในช่วง "รอกลับมา" เท่านั้น อย่างไรก็ดี หากมองในมุมลบ ผลที่สะท้อนกลับมาอาจเป็นตรงข้าม เพราะฝ่ายที่ "เกลียดเข้าใส้" มันก็เกิดอาการ"ปรี๊ด" ขึ้นมาอีก หลังจากก่อนหน้านี้เริ่มลืมๆ กันไปบ้างแล้ว ยิ่งเห็นภาพ เห็นความเคลื่อนไหว ก็หงุดหงิด มองได้สองมุม แม้ว่าในเนื้อหาการ์ตูนดังกล่าวจะเน้นเสนอเรื่องการ "ต่อสู้ดิ้นรนแบบไม่ยอมแพ้" ทางหนึ่งอาจเป็นการบอกกล่าวไปถึงบรรดาสาวก แต่สำหรับฝ่ายตรงข้ามแล้ว ก็คงไม่ยอมแพ้และต้องขับไล่จนถึงที่สุดเช่นเดียวกัน เพราะเชื่อว่า "ความขัดแย้งรอบใหม่" คงจะเกิดขึ้นอีกไม่นาน หาก คสช.และ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังวางเฉยในเรื่องแบบนี้อยู่ต่อไป !!
00 ส่วนรัฐบาล "ประยุทธ์1" เบิกฤกษ์อาจจะสมบูรณ์แบบกว่านี้ หากไม่มีเรื่องอื้อฉาว "ไมโครโฟนตัวละแสนสี่หมื่น"ออกมาเสียก่อน และงานนี้ทำเอาคนที่เสียรังวัดไปอีกโขก็คือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมฯ แม้ว่าในระยะหลังจะพยายามชิ่งหายออกไป แต่ในฐานะแม่งานมาตั้งแต่ต้น มันก็เลี่ยงไม่ออก อีกคนก็คือ มล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่เคยคุยโวเรื่องเทคโนโลยีระดับทำเนียบขาว ก็ต้องตกเป็นขี้ปาก แม้ว่าจะพยายามโบ้ยไปให้อธิบดีกรมโยธาฯ มณฑล สุดประเสริฐ ก็ตาม แต่ถึงอย่างไร เรื่องนี้ต้องเคลียร์ เพราะดูแล้วมันขัดความรู้สึก ทั้งในเรื่องความพอเพียง และเรื่องป้องกันทุจริต ตามเจตนาที่ประกาศเอาไว้ตั้งแต่ต้น !!
00 กำหนดชัดเจนแล้วว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย.ซึ่งดูตามรูปการณ์แล้วก็ต้องฟังกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะมีการกำหนดเวลาเอาไว้แค่ 1 วันเต็ม ซึ่งก็ไม่ต้องซักถามให้มากเรื่อง เริ่มทำงานกันเลยดีกว่า อย่างไรก็ดีเมื่อเป็นรัฐบาล เป็นรมต. สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ก็คือ การแจ้ง "บัญชีทรัพย์สิน" คราวนี้แหละจะได้เห็นกันบ้างว่า ใครมีเท่าไหร่ อาจร้องอู้ฮู ออกมาก็ได้ !!
00 หลังจากลดบทบาทกลับไปอยู่แนวหลังอยู่พักใหญ่ หลังจากเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม ปี 53 "เสธ.ไก่อู" พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ก็ได้เวลาออกมาหน้าจออีกครั้ง คราวนี้มาในทีมโฆษกรัฐบาล ก็ต้องถือว่าใช้ได้ และยินดีด้วย กับบทบาทใหม่ และงานที่เหมาะกับบทบาท !!