ตำรวจควบคุมตัวแม่น้องเกดและญาติผู้เสียชีวิตจากการสลายม็อบเมื่อปี 53 ก่อนปล่อยกลับบ้านในช่วงเย็น หลังโปรยใบปลิว “คำฟ้องของศาลประชาชน" ย่านบีทีเอสหมอชิต ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เจ้าตัวเผยไม่ได้ประท้วงและไม่ได้หมิ่นศาล แต่เรียกร้องความเป็นธรรมแก่ผู้เสียชีวิต
วานนี้ (31 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณลานจอดรถสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของน.ส.กมลเกด อัคฮาค หรือน้องเกด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม พร้อมด้วย นายณัทพัช อัคฮาด น้องชายของน้องเกด และนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดาของนายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือน้องเฌอ ผู้เสียชีวิตที่ถูกยิงภายในซอยรางน้ำ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ได้ทำการโปรยใบปลิวเป็นกระดาษเอ4 ตกเกลื่อนอยู่เต็มพื้นถนน โดยโปรยจากทางฝั่งสะพานลอยและฝั่งทางสวนจตุจักร ซึ่งข้อความในใบปลิวระบุว่า “คำฟ้องของศาลประชาชน คดีหมายเลขดำที่ 1/2557 วันที่ 31 สิงหาคม 2557 ระหว่างญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมือง เม.ย.-พ.ค. 53 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,นายสุเทพ เทือกสุบรรณ , พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา , พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา และ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในข้อหาร่วมกันฆ่าประชาชนโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อนและความผิดต่อเสรีภาพฯ”
ต่อมา พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.ศ. ช่วยราชการ บช.น. พ.ต.อ.เศกสิทธิ์ สุภาอ้วน ผกก.สน.บางซื่อ พ.ต.ท.วาสุเทพ คงกล่อม รองผกก.สส. สน.บางซื่อ พ.ต.ท.สิทธิชัย ธัญญาบาล สว.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน จึงได้ทำการจับกุมตัวจำเลยไปสอบสวนที่ สน.บางซื่อ โดยมีนายอานนท์ นำพา ทนายความเดินทางตามไปด้วย ซึ่งเมื่อมาถึงที่สน.บางซื่อแล้ว ทั้ง3คนถูกนำตัวแยกไปสอบสวนคนละห้องกัน
นางพะเยาว์ กล่าวว่า ที่ตนมาในวันนี้ ไม่ได้เป็นการประท้วง หรือ คัดค้านคำพิพากษาของศาลอาญา แต่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ซึ่งคดีนี้ไม่ใช่คดีการเมือง ไม่ควรไปอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่เป็นคดีอาญา เพราะเป็นการสั่งฆ่าประชาชน 99 ศพ ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ศาลอาญา ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ก็เคยย้ำตลอดว่ายินดีเข้าสู้กระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่าจะไม่ใช้เอกสิทธิ์ หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จึงอยากให้ผู้มีอำนาจให้ความเป็นธรรมเรื่องนี้ด้วย
นางพะเยาว์ กล่าวอีกว่า สำหรับเอกสารที่ตนนำมาเปิดเผยก็เป็นเพียงรายชื่อของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งสลายการชุมนุมในครั้งนั้น ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่สำเนาหมายศาล หรือ คำพิพากษาศาลมาแต่อย่างใด และยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาหมิ่นศาล เพียงแต่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตเท่านั้น
ด้าน พล.ต.ต.อำนวย กล่าวภายหลังการสอบสวนว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ได้ทำการจับกุมนางพะเยาว์พร้อมพวกจาก กรณีการโปรยใบปลิวดังกล่าว ซึ่งมีรายชื่อบุคคลที่เป็นจำเลยรวม 5 คน ทั้งที่ความจริงแล้วคดีดังกล่าวมีผู้เกี่ยวข้องเพียง 2 คนเท่านั้น จึงแจ้งข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสารต่อหน้าเจ้าพนักงาน ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นอาญาแผ่นดินและจะต้องนำตัวผู้ต้องหาขึ้นศาลอาญาเพื่อพิจารณาต่อไป โดยหลังจากนี้พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อจะทำการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนเรื่องการประกันตัวนั้นหากทางเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วว่า ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ก็สามารถให้ประกันตัวได้
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวอีกว่า สำหรับคดีดังกล่าวนั้นตนขอชี้แจงให้ญาติผู้เสียชีวิตคนอื่นๆทราบว่า ศาลอาญาไม่ได้ยกคำร้อง แต่ศาลไม่รับคดีไว้พิจารณา เนื่องจากไม่มีอำนาจ เพราะจำเลย 2คนในคดีนี้ คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี โดยศาลมีคำสั่งว่าคดีอยู่ในอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ต่อมาเมื่อเวลา 17.30 น.ที่สน.บางซื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่าทั้งหมดถูกปล่อยตัวให้กลับบ้านโดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากับนายพันธ์ศักดิ์ ฐานผิดพ.ร.บ.การรักษาความสะอาดและรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 พร้อมเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 5,000 บาท ภายหลัง นายพันธ์ศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้โปรยใบปลิวดังกล่าวเพียงคนเดียว ขณะที่นางพะเยาว์และนายณัทพัช ไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ส่วนเรื่องข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หรือใช้เอกสารกล่าวหาเจ้าหน้าที่ต้องรอให้ผู้เสียหายในใบปลิวเข้ามาแจ้งความถึงจะสามารถดำเนินคดีได้
ด้านนางพะเยาว์กล่าวย้ำว่า ตนไม่ได้ออกมาคัดค้าน คสช. หรือมาเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ออกมาเรียกร้องเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับตนเอง หลังจากต้องสูญเสียลูกสาว จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ซึ่งตนเองยังรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ตนเองยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับความยุติธรรมถึงแม้จะติดคุกก็ตาม.
วานนี้ (31 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณลานจอดรถสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของน.ส.กมลเกด อัคฮาค หรือน้องเกด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม พร้อมด้วย นายณัทพัช อัคฮาด น้องชายของน้องเกด และนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดาของนายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือน้องเฌอ ผู้เสียชีวิตที่ถูกยิงภายในซอยรางน้ำ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ได้ทำการโปรยใบปลิวเป็นกระดาษเอ4 ตกเกลื่อนอยู่เต็มพื้นถนน โดยโปรยจากทางฝั่งสะพานลอยและฝั่งทางสวนจตุจักร ซึ่งข้อความในใบปลิวระบุว่า “คำฟ้องของศาลประชาชน คดีหมายเลขดำที่ 1/2557 วันที่ 31 สิงหาคม 2557 ระหว่างญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมือง เม.ย.-พ.ค. 53 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,นายสุเทพ เทือกสุบรรณ , พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา , พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา และ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในข้อหาร่วมกันฆ่าประชาชนโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อนและความผิดต่อเสรีภาพฯ”
ต่อมา พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.ศ. ช่วยราชการ บช.น. พ.ต.อ.เศกสิทธิ์ สุภาอ้วน ผกก.สน.บางซื่อ พ.ต.ท.วาสุเทพ คงกล่อม รองผกก.สส. สน.บางซื่อ พ.ต.ท.สิทธิชัย ธัญญาบาล สว.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน จึงได้ทำการจับกุมตัวจำเลยไปสอบสวนที่ สน.บางซื่อ โดยมีนายอานนท์ นำพา ทนายความเดินทางตามไปด้วย ซึ่งเมื่อมาถึงที่สน.บางซื่อแล้ว ทั้ง3คนถูกนำตัวแยกไปสอบสวนคนละห้องกัน
นางพะเยาว์ กล่าวว่า ที่ตนมาในวันนี้ ไม่ได้เป็นการประท้วง หรือ คัดค้านคำพิพากษาของศาลอาญา แต่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ซึ่งคดีนี้ไม่ใช่คดีการเมือง ไม่ควรไปอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่เป็นคดีอาญา เพราะเป็นการสั่งฆ่าประชาชน 99 ศพ ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ศาลอาญา ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ก็เคยย้ำตลอดว่ายินดีเข้าสู้กระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่าจะไม่ใช้เอกสิทธิ์ หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จึงอยากให้ผู้มีอำนาจให้ความเป็นธรรมเรื่องนี้ด้วย
นางพะเยาว์ กล่าวอีกว่า สำหรับเอกสารที่ตนนำมาเปิดเผยก็เป็นเพียงรายชื่อของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งสลายการชุมนุมในครั้งนั้น ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่สำเนาหมายศาล หรือ คำพิพากษาศาลมาแต่อย่างใด และยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาหมิ่นศาล เพียงแต่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตเท่านั้น
ด้าน พล.ต.ต.อำนวย กล่าวภายหลังการสอบสวนว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ได้ทำการจับกุมนางพะเยาว์พร้อมพวกจาก กรณีการโปรยใบปลิวดังกล่าว ซึ่งมีรายชื่อบุคคลที่เป็นจำเลยรวม 5 คน ทั้งที่ความจริงแล้วคดีดังกล่าวมีผู้เกี่ยวข้องเพียง 2 คนเท่านั้น จึงแจ้งข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสารต่อหน้าเจ้าพนักงาน ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นอาญาแผ่นดินและจะต้องนำตัวผู้ต้องหาขึ้นศาลอาญาเพื่อพิจารณาต่อไป โดยหลังจากนี้พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อจะทำการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนเรื่องการประกันตัวนั้นหากทางเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วว่า ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ก็สามารถให้ประกันตัวได้
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวอีกว่า สำหรับคดีดังกล่าวนั้นตนขอชี้แจงให้ญาติผู้เสียชีวิตคนอื่นๆทราบว่า ศาลอาญาไม่ได้ยกคำร้อง แต่ศาลไม่รับคดีไว้พิจารณา เนื่องจากไม่มีอำนาจ เพราะจำเลย 2คนในคดีนี้ คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี โดยศาลมีคำสั่งว่าคดีอยู่ในอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ต่อมาเมื่อเวลา 17.30 น.ที่สน.บางซื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่าทั้งหมดถูกปล่อยตัวให้กลับบ้านโดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากับนายพันธ์ศักดิ์ ฐานผิดพ.ร.บ.การรักษาความสะอาดและรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 พร้อมเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 5,000 บาท ภายหลัง นายพันธ์ศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้โปรยใบปลิวดังกล่าวเพียงคนเดียว ขณะที่นางพะเยาว์และนายณัทพัช ไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ส่วนเรื่องข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หรือใช้เอกสารกล่าวหาเจ้าหน้าที่ต้องรอให้ผู้เสียหายในใบปลิวเข้ามาแจ้งความถึงจะสามารถดำเนินคดีได้
ด้านนางพะเยาว์กล่าวย้ำว่า ตนไม่ได้ออกมาคัดค้าน คสช. หรือมาเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ออกมาเรียกร้องเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับตนเอง หลังจากต้องสูญเสียลูกสาว จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ซึ่งตนเองยังรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ตนเองยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับความยุติธรรมถึงแม้จะติดคุกก็ตาม.