และแล้วท่าน “บิ๊กตู่” ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย เป็นไปตามผลของความปรารถนา เป้าหมายชีวิต หรือการดิ้นรนเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งนี้ตั้งแต่วัยเยาว์ หรือเป็นเพราะสถานการณ์พาไปจนแผ่นดินนี้ได้ผู้นำคนใหม่ ก็สุดแล้วแต่ก้นบึ้งในใจของท่าน ไม่มีใครรู้ลึกเจาะไชเข้าไปพิสูจน์ได้ หรือเป็นเพราะชะตากรรมของชาติ
เมื่อเป็นผู้นำประเทศมีอำนาจเต็ม จะทำอะไร นำพาบ้านเมืองไปสู่อะไร ประชาชนจะอยู่ดีมีความสุขแท้จริงหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องอนาคตของ “บิ๊กตู่” หมอดูแม่นๆ ไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้ แม้แต่การได้เป็นนายกฯ ก็ไม่เคยมีโหรคนไหนทำนายไว้
ก่อนที่สภานิติบัญญัติจะเลือก ยังไม่มีความแน่นอนเต็มร้อยด้วยซ้ำ เพราะการเป็นนายกฯ นั้น ไม่ยากนัก แต่จะอยู่อย่างไรให้ประชาชนรัก เชื่อมั่น ไว้ใจ ศรัทธา ว่าเป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต เห็นแก่ประโยชน์ของปวงชนเป็นที่ตั้งต่างหาก คือเรื่องสำคัญ
เมื่อได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นธรรมเนียมของผู้นำคนใหม่ที่ต้องกล่าวถึงพันธกิจที่ตัวเองจะต้องกระทำการให้สำเร็จ ไม่ต่างจากผู้นำประเทศคนก่อน หลังจากนั้น จะบรรลุพันธกิจน่าพอใจ หรือเป็นเพียงราคาคุยโวตามประสานักการเมือง ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
อันที่จริง ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบ “บิ๊กตู่” ได้ร่ายยาวสารพัดเรื่อง ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำนั่นนี่โน่นทุกหัวค่ำวันศุกร์ จนชาวบ้านหายตื่นเต้น ไม่ได้จำว่าคำประกาศอาสาทำงานเพื่อชาตินั้นมีอะไรบ้าง ทำอะไรได้สำเร็จแล้ว
เพราะประชาชนมักไม่ค่อยจดจำคำสัญญาหาเสียงของนักการเมืองนี่แหละที่ทำให้นักการเมืองอยู่มาได้ตลอด พร้อมคิดลีลาลวดลายใหม่ๆ หลอกล่อให้คนกาเบอร์ ทำให้การเมืองไทยเป็นวงจรอุบาทว์ คนดีไม่มีโอกาส ปล่อยให้คนชั่วสุมหัวโกงบ้านกินเมือง
ระยะเวลา 1 ปีนั้นสั้นนัก ยิ่งมีรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้อยู่ยาวได้ พวกคนรู้ทันเตรียมทำใจว่าอย่างไรคณะรัฐบาลย่อมต้องการอยู่ยาวครบ 4 ปีแน่ เพื่อให้คุ้มค่าเหนื่อย เห็นภารกิจยาวเหยียด ถ้าไม่มองโลกสวยก็ต้องเชื่อว่าเสร็จได้ 10 เปอร์เซ็นต์ก็บุญแล้ว
พันธกิจที่ “บิ๊กตู่” ประกาศทั้งเก่าและใหม่ ถือว่าเป็นภารกิจครอบจักรวาล ทุกสาขาที่มีปัญหาในแผ่นดิน ยิ่งสไตล์การพูดเร็วรัวเหมือนปืนกลด้วยแล้ว ทำให้ชาวบ้านจำได้ยากว่าอะไรที่ตัวเองหวัง อยากได้ และอยู่ในลำดับเท่าไหร่ที่ท่านจะทำให้สมหวัง
ที่แน่ๆ คือ คงมีชาวบ้านกินข้าวไม่กี่คนที่เชื่อว่าทุกภารกิจที่ท่านอาสาทำนั้นจะเสร็จสิ้นภายใน 1 ปี เป็นไปโลดแบบแหม็บๆ ที่ประกาศไว้อย่างโอ่อ่าสง่างาม เพราะดูตามสภาพ 3 เดือนที่ผ่านมา ปัญหาที่แก้ไปแล้วต้องมาสางกันใหม่เพราะไม่สะเด็ดน้ำ
เอาเพียงปัญหาล็อตเตอรี่ขายเกินราคา แค่นี้ก็เต็มกลืนแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่า คสช.จะหาทางออกอย่างไรได้ เมื่อตกอยู่ในสภาวะเบี้ยล่างของยี่ปั๊วเงินหนา ซึ่งยึดถือหลักการที่ว่า “มีเงินจ้างผีโม่แป้งได้” และ “ทุกคนมีราคาค่าตัวต่างกัน” เล่นไม่ยากแน่
ท่าน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ ยังไม่ได้ตั้ง ครม.ซึ่งเริ่มมีทั้งโผ และโผเผโลเล แต่คงเดาได้ไม่ยากนัก และเดาไม่ยากว่าทันทีที่เริ่มงาน ปัญหาสารพัดจะประดังเข้ามาลองของ ทดสอบสติปัญญาความรู้ความสามารถของท่าน โดยเฉพาะความซื่อสัตย์สุจริต
ประกาศเป็นพันธกิจว่าจะจัดการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง เมื่อเห็นผลงานใน 3 เดือนแรก และหน้าตาประวัติบุคคลที่แต่งตั้งไปนั่งในตำแหน่งต่างๆ แล้ว คงมีเฉพาะคนมองโลกสวยเท่านั้นที่เชื่อว่าภารกิจนี้จะประสบผลสำเร็จ ไร้กังวล
มีแต่เสียงปรามาสว่า ขอเพียงอย่าโกงให้หนักเหมือนคณะคุณน้องปูก็บุญโขสำหรับประเทศแล้ว พวกมองโลกในแง่ความเป็นจริงและแง่ร้ายต่างเชื่อมั่นว่าบ้านเมืองอยู่ในสภาวะเสี่ยงกับกลุ่มเสือหิว มีศักยภาพน่าสยองขวัญในการหักดิบตีกินซึ่งหน้า
เสียงร่ำลือถึงพฤติกรรมของบางคนในคณะ เกี่ยวกับความเชี่ยวชาญในการจัดซื้อ จัดจ้าง จัดสรรแบ่งปันผลประโยชน์ รับรู้กันเพียงวงใน ทำให้ประชาชนคนรู้ทันขนหัวลุก ได้แต่หวังว่าท่าน “บิ๊กตู่” จะมีสติกำลังขวัญในการขวางมิให้พวกเสือหิวเขมือบได้ง่ายๆ
มองไปข้างหน้า ท่าน “บิ๊กตู่” ต้องยอมรับว่าเวลาแห่งการฮันนีมูนหวานชื่นนั้นสิ้นสุดลงแล้ว เกิดอาการจืดจางห่างเหินอย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่มองโลกสวย ก็ควรต้องยอมรับว่าผลงานของคณะนั่นเองเป็นเหตุ เมื่อหลายอย่างส่อแววน่าสงสัยในเจตนา
ยิ่งจากนี้ไป คสช. และรัฐบาล ต้องพยายามดิ้นรนพิสูจน์ฝีมือเพื่อให้อยู่ยาว โดยมีประกาศกฎอัยการศึกเป็นฐานค้ำบัลลังก์ อ้างว่าไม่ต้องการให้ใครขวาง คัดค้าน หรือทำให้การทำงานไม่ราบรื่น จึงเสี่ยงต่อคำครหาว่าเป็นการจำกัดสิทธิยิ่งกว่ารัฐบาลก่อนๆ
ฟังเหตุผลช่วงแรก ว่าต้องการรักษาความสงบ สร้างบรรยากาศปรองดอง คืนความสุขให้ประชาชน ก็ดูเหมือนดี น่าเชื่อถือ เมื่อผ่านไป ชาวบ้านสงสัยว่ามีเจตนาแฝงเร้นนำไปสู่การตั้งคำถาม การวิจารณ์อย่างไม่เกรงใจ เพื่อไม่ให้บ้านเมืองเสียหายหนัก
สภาพการปิดกั้นการแสดงออก คำยืนยันว่าจะไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก ก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านคนรู้ทันมองผู้มีอำนาจในเชิงลบ พร้อมความรู้สึกเชิงปฏิปักษ์ ยิ่งไม่ทำอะไรกับระบอบบักเหลี่ยมเลย ก็ยิ่งไม่เหลือความสงสัยว่าเจตนาแท้จริงนั้นเป็นเช่นใด เพื่อใคร
การลงมือสกัดการรณรงค์เพื่อปฏิรูปพลังงานโดยกลุ่มต่างๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีการเมืองแฝงทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ามีผลประโยชน์มหาศาลเกี่ยวโยงเหมือนกรณีล็อตเตอรี่ ต่อให้อธิบายแก้ตัวอย่างไร ก็หาคนเชื่อยาก เว้นแต่พวกมองโลกสวย บ้องตื้น คิดเองไม่เป็น
ระวัง! การมีอำนาจและใช้อำนาจกำราบประชาชนนั้นเป็นเพราะความกลัวจะสูญเสียอำนาจ ยิ่งกุมตำแหน่งสำคัญมีอำนาจมากล้นก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นความกลัวจนเสียศูนย์
เมื่อเป็นผู้นำประเทศมีอำนาจเต็ม จะทำอะไร นำพาบ้านเมืองไปสู่อะไร ประชาชนจะอยู่ดีมีความสุขแท้จริงหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องอนาคตของ “บิ๊กตู่” หมอดูแม่นๆ ไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้ แม้แต่การได้เป็นนายกฯ ก็ไม่เคยมีโหรคนไหนทำนายไว้
ก่อนที่สภานิติบัญญัติจะเลือก ยังไม่มีความแน่นอนเต็มร้อยด้วยซ้ำ เพราะการเป็นนายกฯ นั้น ไม่ยากนัก แต่จะอยู่อย่างไรให้ประชาชนรัก เชื่อมั่น ไว้ใจ ศรัทธา ว่าเป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต เห็นแก่ประโยชน์ของปวงชนเป็นที่ตั้งต่างหาก คือเรื่องสำคัญ
เมื่อได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นธรรมเนียมของผู้นำคนใหม่ที่ต้องกล่าวถึงพันธกิจที่ตัวเองจะต้องกระทำการให้สำเร็จ ไม่ต่างจากผู้นำประเทศคนก่อน หลังจากนั้น จะบรรลุพันธกิจน่าพอใจ หรือเป็นเพียงราคาคุยโวตามประสานักการเมือง ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
อันที่จริง ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบ “บิ๊กตู่” ได้ร่ายยาวสารพัดเรื่อง ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำนั่นนี่โน่นทุกหัวค่ำวันศุกร์ จนชาวบ้านหายตื่นเต้น ไม่ได้จำว่าคำประกาศอาสาทำงานเพื่อชาตินั้นมีอะไรบ้าง ทำอะไรได้สำเร็จแล้ว
เพราะประชาชนมักไม่ค่อยจดจำคำสัญญาหาเสียงของนักการเมืองนี่แหละที่ทำให้นักการเมืองอยู่มาได้ตลอด พร้อมคิดลีลาลวดลายใหม่ๆ หลอกล่อให้คนกาเบอร์ ทำให้การเมืองไทยเป็นวงจรอุบาทว์ คนดีไม่มีโอกาส ปล่อยให้คนชั่วสุมหัวโกงบ้านกินเมือง
ระยะเวลา 1 ปีนั้นสั้นนัก ยิ่งมีรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้อยู่ยาวได้ พวกคนรู้ทันเตรียมทำใจว่าอย่างไรคณะรัฐบาลย่อมต้องการอยู่ยาวครบ 4 ปีแน่ เพื่อให้คุ้มค่าเหนื่อย เห็นภารกิจยาวเหยียด ถ้าไม่มองโลกสวยก็ต้องเชื่อว่าเสร็จได้ 10 เปอร์เซ็นต์ก็บุญแล้ว
พันธกิจที่ “บิ๊กตู่” ประกาศทั้งเก่าและใหม่ ถือว่าเป็นภารกิจครอบจักรวาล ทุกสาขาที่มีปัญหาในแผ่นดิน ยิ่งสไตล์การพูดเร็วรัวเหมือนปืนกลด้วยแล้ว ทำให้ชาวบ้านจำได้ยากว่าอะไรที่ตัวเองหวัง อยากได้ และอยู่ในลำดับเท่าไหร่ที่ท่านจะทำให้สมหวัง
ที่แน่ๆ คือ คงมีชาวบ้านกินข้าวไม่กี่คนที่เชื่อว่าทุกภารกิจที่ท่านอาสาทำนั้นจะเสร็จสิ้นภายใน 1 ปี เป็นไปโลดแบบแหม็บๆ ที่ประกาศไว้อย่างโอ่อ่าสง่างาม เพราะดูตามสภาพ 3 เดือนที่ผ่านมา ปัญหาที่แก้ไปแล้วต้องมาสางกันใหม่เพราะไม่สะเด็ดน้ำ
เอาเพียงปัญหาล็อตเตอรี่ขายเกินราคา แค่นี้ก็เต็มกลืนแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่า คสช.จะหาทางออกอย่างไรได้ เมื่อตกอยู่ในสภาวะเบี้ยล่างของยี่ปั๊วเงินหนา ซึ่งยึดถือหลักการที่ว่า “มีเงินจ้างผีโม่แป้งได้” และ “ทุกคนมีราคาค่าตัวต่างกัน” เล่นไม่ยากแน่
ท่าน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ ยังไม่ได้ตั้ง ครม.ซึ่งเริ่มมีทั้งโผ และโผเผโลเล แต่คงเดาได้ไม่ยากนัก และเดาไม่ยากว่าทันทีที่เริ่มงาน ปัญหาสารพัดจะประดังเข้ามาลองของ ทดสอบสติปัญญาความรู้ความสามารถของท่าน โดยเฉพาะความซื่อสัตย์สุจริต
ประกาศเป็นพันธกิจว่าจะจัดการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง เมื่อเห็นผลงานใน 3 เดือนแรก และหน้าตาประวัติบุคคลที่แต่งตั้งไปนั่งในตำแหน่งต่างๆ แล้ว คงมีเฉพาะคนมองโลกสวยเท่านั้นที่เชื่อว่าภารกิจนี้จะประสบผลสำเร็จ ไร้กังวล
มีแต่เสียงปรามาสว่า ขอเพียงอย่าโกงให้หนักเหมือนคณะคุณน้องปูก็บุญโขสำหรับประเทศแล้ว พวกมองโลกในแง่ความเป็นจริงและแง่ร้ายต่างเชื่อมั่นว่าบ้านเมืองอยู่ในสภาวะเสี่ยงกับกลุ่มเสือหิว มีศักยภาพน่าสยองขวัญในการหักดิบตีกินซึ่งหน้า
เสียงร่ำลือถึงพฤติกรรมของบางคนในคณะ เกี่ยวกับความเชี่ยวชาญในการจัดซื้อ จัดจ้าง จัดสรรแบ่งปันผลประโยชน์ รับรู้กันเพียงวงใน ทำให้ประชาชนคนรู้ทันขนหัวลุก ได้แต่หวังว่าท่าน “บิ๊กตู่” จะมีสติกำลังขวัญในการขวางมิให้พวกเสือหิวเขมือบได้ง่ายๆ
มองไปข้างหน้า ท่าน “บิ๊กตู่” ต้องยอมรับว่าเวลาแห่งการฮันนีมูนหวานชื่นนั้นสิ้นสุดลงแล้ว เกิดอาการจืดจางห่างเหินอย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่มองโลกสวย ก็ควรต้องยอมรับว่าผลงานของคณะนั่นเองเป็นเหตุ เมื่อหลายอย่างส่อแววน่าสงสัยในเจตนา
ยิ่งจากนี้ไป คสช. และรัฐบาล ต้องพยายามดิ้นรนพิสูจน์ฝีมือเพื่อให้อยู่ยาว โดยมีประกาศกฎอัยการศึกเป็นฐานค้ำบัลลังก์ อ้างว่าไม่ต้องการให้ใครขวาง คัดค้าน หรือทำให้การทำงานไม่ราบรื่น จึงเสี่ยงต่อคำครหาว่าเป็นการจำกัดสิทธิยิ่งกว่ารัฐบาลก่อนๆ
ฟังเหตุผลช่วงแรก ว่าต้องการรักษาความสงบ สร้างบรรยากาศปรองดอง คืนความสุขให้ประชาชน ก็ดูเหมือนดี น่าเชื่อถือ เมื่อผ่านไป ชาวบ้านสงสัยว่ามีเจตนาแฝงเร้นนำไปสู่การตั้งคำถาม การวิจารณ์อย่างไม่เกรงใจ เพื่อไม่ให้บ้านเมืองเสียหายหนัก
สภาพการปิดกั้นการแสดงออก คำยืนยันว่าจะไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก ก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านคนรู้ทันมองผู้มีอำนาจในเชิงลบ พร้อมความรู้สึกเชิงปฏิปักษ์ ยิ่งไม่ทำอะไรกับระบอบบักเหลี่ยมเลย ก็ยิ่งไม่เหลือความสงสัยว่าเจตนาแท้จริงนั้นเป็นเช่นใด เพื่อใคร
การลงมือสกัดการรณรงค์เพื่อปฏิรูปพลังงานโดยกลุ่มต่างๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีการเมืองแฝงทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ามีผลประโยชน์มหาศาลเกี่ยวโยงเหมือนกรณีล็อตเตอรี่ ต่อให้อธิบายแก้ตัวอย่างไร ก็หาคนเชื่อยาก เว้นแต่พวกมองโลกสวย บ้องตื้น คิดเองไม่เป็น
ระวัง! การมีอำนาจและใช้อำนาจกำราบประชาชนนั้นเป็นเพราะความกลัวจะสูญเสียอำนาจ ยิ่งกุมตำแหน่งสำคัญมีอำนาจมากล้นก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นความกลัวจนเสียศูนย์
