เห็นท่านประธานคสช.และนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ออกทีวีทุกวันศุกร์ร่ายยาวปัญหาของประเทศไทยในแทบทุกเรื่องแล้วก็น่าชื่นชมตรงที่ท่านสามารถให้ภาพรวมของปัญหาของประเทศได้รอบด้านและทั่วถึงค่อนช้างมากทีเดียว คือถ้าเป็นภาพเขียนก็กล่าวได้ว่ามีเรื่องราวเต็มไปหมดแทบทุกพื้นที่ และเป็นเรื่องราวที่เหมือนจะมีความสำคัญพอ ๆ กันทั้งนั้น
เพียงแต่มองภาพเขียนภาพนี้แล้วยังมองไม่เห็น “โฟกัส” ในทันที
การรู้และเข้าใจปัญหาของประเทศทุกเรื่องก็ดีมากอยู่ แต่ระยะเวลาในขั้นตอนที่ 1 และ 2 ประมาณ 18 เดือนของคสช.ไม่สามารถแก้ไขได้ทุกเรื่องแน่นอน และในขั้นตอนที่ 3 หลังเลือกตั้งทั่วไปก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลใหม่จะเป็นใครแน่และจะเข้ามาแก้ไขแนวทางที่คสช.พยายามวางไว้ในขั้นตอนที่ 1 และ 2 หรือไม่
จึงขออนุญาตเสนอความเห็นมา ณ ทึ่นี้ว่าในขั้นตอนที่ 1 และโดยเฉพาะ 2 นี้คสช.ควรจะต้อง “โฟกัส” แก้ปัญหาสำคัญที่สุดให้ได้ เพื่อที่อย่างน้อยที่สุดเมื่อถึงขั้นตอนที่ 3 ก็จะเริ่มต้นเดินหน้าโครงสร้างยุคใหม่ของประเทศไปได้โดยไม่ต้องกังวลมากนักว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล และเป็นการเริ่มต้นเดินหน้าโดยมีหลักประกันพอสมควรว่าประเทศจะไม่ย้อนกลับไปสู่วัฏจักรอุบาทว์ก่อนรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 อีก
จะต้อง “โฟกัส” ไปที่การปฏิรูปการเมือง
และต้องเป็นการปฏิรูปการเมืองที่ “โฟกัส” ไปที่เป้าหมายชัดเจนหนึ่งเดียว
“ทำลายระบบเผด็จการของพรรคการเมืองนายทุนในระบบรัฐสภาประเทศแรกและประเทศเดียวในโลก”
หาก “โฟกัส” ได้ชัดว่าภายใน 18 เดือนคสช.จะปฏิบัติภารกิจสำคัญที่สุดให้ลุล่วง คือทำลายรากฐานของระบบเผด็จการของพรรคการเมืองนายทุนในระบบรัฐสภาประเทศแรกและประเทศเดียวในโลกลงให้ได้ ก็ไม่ต้องใส่ใจกับกระแสวิพากษ์รัฐประหาร เพราะสามารถชี้แจงตอบโต้ได้อย่างองอาจผึ่งผายและสง่างามว่า...
คสช.ไม่ได้หยุดประชาธิปไตยไทย
คสช.หยุดเผด็จการของพรรคการเมืองนายทุนในระบบรัฐสภาไทยประเทศแรกและประเทศเดียวในโลก
ประเทศประชาธิปไตยตะวันตกอย่างอียูและสหรัฐ รวมทั้งนักวิชาการเสรีนิยมทั้งเทศและไทย เขาวิพากษ์คสช.ว่าทำลายประชาธิปไตย ขอให้คืนประชาธิปไตยโดยเร็ว ให้จัดการเลือกตั้งทั่วไปโดยเร็วที่สุด หากเรามีธงในการชี้แจงเพียงว่าต้องหยุดประชาธิปไตยไว้ชั่วคราว เพราะมีวิกฤตความขัดแย้งรุนแรง ประเทศเดินหน้าไม่ได้ในทุกด้าน ขอเวลาให้คสช.เข้ามาแก้ปัญหาสักระยะแล้วจะคืนประชาธิปไตยให้ตามโร้ดแม้ป ทำนองเดียวกับที่ปรากฎในคำปรารภรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557
ด้านหนึ่ง เป็นการตอบไม่ตรงคำถาม ทั้งยังกึ่งยอมรับว่าระบอบการเมืองก่อน 22 พฤษภาคม 2557 คือประชาธิปไตย และการรัฐประหารคือการหยุดประชาธิปไตย
อีกด้านหนึ่ง ถ้าตอบไปเพียงแค่นี้ ก็จะต้องเตรียมตอบอีกคำถามใหญ่ในเร็ว ๆ นี้เมื่อว่าที่รัฐธรรมนูญถาวร 2558 มีเนื้อหาแตกต่างไปจากก่อน 22 พฤษภาคม 2557 เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะแนวโน้มการตัดสิทธินักการเมืองกลุ่มใหญ่ ตามที่รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 มาตรา 35 บังคับไว้ 10 ประการ โดยเฉพาะมาตรา 35 (4) ซึ่งก็จะกล่าวหาว่าไม่เป็นประชาธิปไตยอีก ถูกกล่าวหาว่าขัดหลักสากลที่เพิ่มโทษรุนแรงย้อนหลัง และถูกกล่าวหาว่าเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร ถึงตอนนั้นสถานการณ์ต่าง ๆ จะทำให้คำถามเหล่านี้ดังมาก และคำตอบแต่เพียงว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทย ๆ อาจจะไม่ดังพอ
ทำไมคสช.ไม่ตอบอย่างแข็งขัน มั่นใจ และองอาจ ไปเลยตั้งแต่วันนี้ล่ะว่าไม่ได้หยุดประชาธิปไตย
เพียงแต่หยุดเผด็จการรัฐสภา
เพียงแต่กำลังจะปฏิรูปประเทศเหมือนที่ยุโรป โดยเฉพาะฝรั่งเศสและเยอรมนี รวมทั้งประเทศประชาธิปไตยในภูมิภาคอื่น ทำมาแล้วในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และที่สหรัฐอเมริกาก็มีประสบการณ์มาแล้วในตอนต้นคริสตศตวรรษที่ 19 ช่วงผจญกับระบบ spoils system ที่เกิดจากการเข้าใจสารัตถะของประชาธิปไตยผิด ๆ ว่านักการเมืองพรรคการเมืองชนะการเลือกตั้งเข้ามาแล้วสามารถทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง
สามารถยกรูปธรรมให้โลกเห็นได้เลยว่าบทบัญญัติพิสดารของระบอบการปกครองก่อนหน้า 22 พฤษภาคม 2557 ขัดหลักการประชาธิปไตยพื้นฐานอย่างไร
ยกรูปธรรมให้โลกเห็นได้เลยว่าไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนในโลกแมัแต่ประเทศเดียวมีบทบัญญัติพิสดารเหมือนระบอบการปกครองของประเทศไทยก่อนหน้า 22 พฤษภาคม 2557
ถามไปเลยว่าสหรัฐอเมริกาเอ๋ยคุณบังคับให้ผู้สมัครส.ส.ต้องสังกัดพรรคหรือไม่ คุณบังคับว่าส.ส.ต้องปฏิบัติตามมติพรรคหรือไม่ ถามฝรั่งเศสและเยอรมนีด้วยคำถามเดียวกัน หรือจะยกรูปธรรมนิด ๆ ถามด้วยเลยก็ได้ว่าประเทศพวกคุณปล่อยให้คน ๆ เดียวสามารถบงการพรรคการเมืองได้หรือไม่ บอกเขาไปเลยว่าประเทศไทย 20 ปีมานี้ก็ตกที่นั่งเดียวกับฝรั่งเศสและเยอรมนีช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นแหละที่ระบบรัฐสภาอ่อนแอและถูกบิดเบือน และตกที่นั่งเดียวกับสหรัฐอเมริกายุคต้นครสิตศตวรรษที่ 19 ที่พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งอ้างว่าสามารถทำได้ทุกอย่าง พวกคุณเคยเจ็บปวดกับระบบดี ๆ ที่ถูกทำให้เสียหายอย่างนี้มาแล้ว คุณไม่เห็นใจประเทศไทยเลยหรือ จะให้จมปลักอยู่กับประชาธิปไตยแต่เพียงรูปแบบผิวเผินทว่าเนื้อหาเป็นเผด็จการอย่างนี้หรือ พวดคุณเคยลุกขึ้นปฏิรูปประเทศปฏิรูปการเมืองกันมาแล้วอย่างไร วันนี้ประเทศไทยก็กำลังพยายามทำแบบเดียวกัน
คสช.จึงไม่ได้หยุดประชาธิปไตย
คมช.เพียงแต่หยุดเผด็จการรัฐสภา หรือหยุดเผด็จการของพรรคการเมืองนายทุนในระบบรัฐสภาประเทศแรกและประเทศเดียวในโลก
คสช.หวังว่าจะเริ่มสร้างประชาธิปไตยที่แม้จริงขึ้นมาให้ได้ในช่วง 18 เดือนบวกลบ
ยังสามารถมีของแถมด้วยการรุกกลับไปเลยว่าถ้าประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกาจริงใจ ก็ขอให้ช่วยเหลือประเทศไทยในทางวิชาการ โดยฝรั่งเศสและเยอรมนีช่วยส่งนักวิชาการกฎหมายมหาชนที่เชี่ยวชาญประสบการณ์ในช่วงปฏิรูปการเมืองช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และสหรัฐอเมริกาช่วยส่งนักวิชาการที่เชี่ยวชาญประสบการณ์ช่วงแก้ปัญหา spoils system ต้นคริสตศตวรรษที่ 19 มาบรรยายพิเศษเป็นวิทยาทานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคณะคสช. สภาปฏิรูปแห่งชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
จะเป็นการ “โฟกัส” ตรงเป้าเข้าประเด็นมากกว่าหรือไม่ ?
ภาพเขียนที่งดงามหากมี “โฟกัส” จะเป็นภาพที่ผู้คนจดจำไปได้นานเท่านาน
เพียงแต่มองภาพเขียนภาพนี้แล้วยังมองไม่เห็น “โฟกัส” ในทันที
การรู้และเข้าใจปัญหาของประเทศทุกเรื่องก็ดีมากอยู่ แต่ระยะเวลาในขั้นตอนที่ 1 และ 2 ประมาณ 18 เดือนของคสช.ไม่สามารถแก้ไขได้ทุกเรื่องแน่นอน และในขั้นตอนที่ 3 หลังเลือกตั้งทั่วไปก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลใหม่จะเป็นใครแน่และจะเข้ามาแก้ไขแนวทางที่คสช.พยายามวางไว้ในขั้นตอนที่ 1 และ 2 หรือไม่
จึงขออนุญาตเสนอความเห็นมา ณ ทึ่นี้ว่าในขั้นตอนที่ 1 และโดยเฉพาะ 2 นี้คสช.ควรจะต้อง “โฟกัส” แก้ปัญหาสำคัญที่สุดให้ได้ เพื่อที่อย่างน้อยที่สุดเมื่อถึงขั้นตอนที่ 3 ก็จะเริ่มต้นเดินหน้าโครงสร้างยุคใหม่ของประเทศไปได้โดยไม่ต้องกังวลมากนักว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล และเป็นการเริ่มต้นเดินหน้าโดยมีหลักประกันพอสมควรว่าประเทศจะไม่ย้อนกลับไปสู่วัฏจักรอุบาทว์ก่อนรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 อีก
จะต้อง “โฟกัส” ไปที่การปฏิรูปการเมือง
และต้องเป็นการปฏิรูปการเมืองที่ “โฟกัส” ไปที่เป้าหมายชัดเจนหนึ่งเดียว
“ทำลายระบบเผด็จการของพรรคการเมืองนายทุนในระบบรัฐสภาประเทศแรกและประเทศเดียวในโลก”
หาก “โฟกัส” ได้ชัดว่าภายใน 18 เดือนคสช.จะปฏิบัติภารกิจสำคัญที่สุดให้ลุล่วง คือทำลายรากฐานของระบบเผด็จการของพรรคการเมืองนายทุนในระบบรัฐสภาประเทศแรกและประเทศเดียวในโลกลงให้ได้ ก็ไม่ต้องใส่ใจกับกระแสวิพากษ์รัฐประหาร เพราะสามารถชี้แจงตอบโต้ได้อย่างองอาจผึ่งผายและสง่างามว่า...
คสช.ไม่ได้หยุดประชาธิปไตยไทย
คสช.หยุดเผด็จการของพรรคการเมืองนายทุนในระบบรัฐสภาไทยประเทศแรกและประเทศเดียวในโลก
ประเทศประชาธิปไตยตะวันตกอย่างอียูและสหรัฐ รวมทั้งนักวิชาการเสรีนิยมทั้งเทศและไทย เขาวิพากษ์คสช.ว่าทำลายประชาธิปไตย ขอให้คืนประชาธิปไตยโดยเร็ว ให้จัดการเลือกตั้งทั่วไปโดยเร็วที่สุด หากเรามีธงในการชี้แจงเพียงว่าต้องหยุดประชาธิปไตยไว้ชั่วคราว เพราะมีวิกฤตความขัดแย้งรุนแรง ประเทศเดินหน้าไม่ได้ในทุกด้าน ขอเวลาให้คสช.เข้ามาแก้ปัญหาสักระยะแล้วจะคืนประชาธิปไตยให้ตามโร้ดแม้ป ทำนองเดียวกับที่ปรากฎในคำปรารภรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557
ด้านหนึ่ง เป็นการตอบไม่ตรงคำถาม ทั้งยังกึ่งยอมรับว่าระบอบการเมืองก่อน 22 พฤษภาคม 2557 คือประชาธิปไตย และการรัฐประหารคือการหยุดประชาธิปไตย
อีกด้านหนึ่ง ถ้าตอบไปเพียงแค่นี้ ก็จะต้องเตรียมตอบอีกคำถามใหญ่ในเร็ว ๆ นี้เมื่อว่าที่รัฐธรรมนูญถาวร 2558 มีเนื้อหาแตกต่างไปจากก่อน 22 พฤษภาคม 2557 เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะแนวโน้มการตัดสิทธินักการเมืองกลุ่มใหญ่ ตามที่รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 มาตรา 35 บังคับไว้ 10 ประการ โดยเฉพาะมาตรา 35 (4) ซึ่งก็จะกล่าวหาว่าไม่เป็นประชาธิปไตยอีก ถูกกล่าวหาว่าขัดหลักสากลที่เพิ่มโทษรุนแรงย้อนหลัง และถูกกล่าวหาว่าเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร ถึงตอนนั้นสถานการณ์ต่าง ๆ จะทำให้คำถามเหล่านี้ดังมาก และคำตอบแต่เพียงว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทย ๆ อาจจะไม่ดังพอ
ทำไมคสช.ไม่ตอบอย่างแข็งขัน มั่นใจ และองอาจ ไปเลยตั้งแต่วันนี้ล่ะว่าไม่ได้หยุดประชาธิปไตย
เพียงแต่หยุดเผด็จการรัฐสภา
เพียงแต่กำลังจะปฏิรูปประเทศเหมือนที่ยุโรป โดยเฉพาะฝรั่งเศสและเยอรมนี รวมทั้งประเทศประชาธิปไตยในภูมิภาคอื่น ทำมาแล้วในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และที่สหรัฐอเมริกาก็มีประสบการณ์มาแล้วในตอนต้นคริสตศตวรรษที่ 19 ช่วงผจญกับระบบ spoils system ที่เกิดจากการเข้าใจสารัตถะของประชาธิปไตยผิด ๆ ว่านักการเมืองพรรคการเมืองชนะการเลือกตั้งเข้ามาแล้วสามารถทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง
สามารถยกรูปธรรมให้โลกเห็นได้เลยว่าบทบัญญัติพิสดารของระบอบการปกครองก่อนหน้า 22 พฤษภาคม 2557 ขัดหลักการประชาธิปไตยพื้นฐานอย่างไร
ยกรูปธรรมให้โลกเห็นได้เลยว่าไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนในโลกแมัแต่ประเทศเดียวมีบทบัญญัติพิสดารเหมือนระบอบการปกครองของประเทศไทยก่อนหน้า 22 พฤษภาคม 2557
ถามไปเลยว่าสหรัฐอเมริกาเอ๋ยคุณบังคับให้ผู้สมัครส.ส.ต้องสังกัดพรรคหรือไม่ คุณบังคับว่าส.ส.ต้องปฏิบัติตามมติพรรคหรือไม่ ถามฝรั่งเศสและเยอรมนีด้วยคำถามเดียวกัน หรือจะยกรูปธรรมนิด ๆ ถามด้วยเลยก็ได้ว่าประเทศพวกคุณปล่อยให้คน ๆ เดียวสามารถบงการพรรคการเมืองได้หรือไม่ บอกเขาไปเลยว่าประเทศไทย 20 ปีมานี้ก็ตกที่นั่งเดียวกับฝรั่งเศสและเยอรมนีช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นแหละที่ระบบรัฐสภาอ่อนแอและถูกบิดเบือน และตกที่นั่งเดียวกับสหรัฐอเมริกายุคต้นครสิตศตวรรษที่ 19 ที่พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งอ้างว่าสามารถทำได้ทุกอย่าง พวกคุณเคยเจ็บปวดกับระบบดี ๆ ที่ถูกทำให้เสียหายอย่างนี้มาแล้ว คุณไม่เห็นใจประเทศไทยเลยหรือ จะให้จมปลักอยู่กับประชาธิปไตยแต่เพียงรูปแบบผิวเผินทว่าเนื้อหาเป็นเผด็จการอย่างนี้หรือ พวดคุณเคยลุกขึ้นปฏิรูปประเทศปฏิรูปการเมืองกันมาแล้วอย่างไร วันนี้ประเทศไทยก็กำลังพยายามทำแบบเดียวกัน
คสช.จึงไม่ได้หยุดประชาธิปไตย
คมช.เพียงแต่หยุดเผด็จการรัฐสภา หรือหยุดเผด็จการของพรรคการเมืองนายทุนในระบบรัฐสภาประเทศแรกและประเทศเดียวในโลก
คสช.หวังว่าจะเริ่มสร้างประชาธิปไตยที่แม้จริงขึ้นมาให้ได้ในช่วง 18 เดือนบวกลบ
ยังสามารถมีของแถมด้วยการรุกกลับไปเลยว่าถ้าประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกาจริงใจ ก็ขอให้ช่วยเหลือประเทศไทยในทางวิชาการ โดยฝรั่งเศสและเยอรมนีช่วยส่งนักวิชาการกฎหมายมหาชนที่เชี่ยวชาญประสบการณ์ในช่วงปฏิรูปการเมืองช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และสหรัฐอเมริกาช่วยส่งนักวิชาการที่เชี่ยวชาญประสบการณ์ช่วงแก้ปัญหา spoils system ต้นคริสตศตวรรษที่ 19 มาบรรยายพิเศษเป็นวิทยาทานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคณะคสช. สภาปฏิรูปแห่งชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
จะเป็นการ “โฟกัส” ตรงเป้าเข้าประเด็นมากกว่าหรือไม่ ?
ภาพเขียนที่งดงามหากมี “โฟกัส” จะเป็นภาพที่ผู้คนจดจำไปได้นานเท่านาน