ปลัด กต. เผยผลการประชุมร่วม รมต.อาเซียน - ยุโรป แจงรัฐประหารไม่ได้ล้มประชาธิปไตย แต่ประคับประคองให้ก้าวหน้า กำลังดำเนินตามโรดแมป ใช้เวลาไม่นานแค่ 15 เดือน ยันอียูมองไทยเป็นมิตรประเทศ ถ้าท่าทีดีขึ้นอาจจะทบทวนมาตรการลง
วันนี้ (23 ก.ค.) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีอาเซียน - สหภาพยุโรป (อียู) ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ระหว่างวันที่ 22 - 23 ก.ค. ได้หารือกับปลัดกระทรวงต่างประเทศอียู รับประทานอาหารกลางวัน และหารือกับสมาชิกรัฐสภายุโรป จากนั้นได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ นายโจส มานัวล์ บาร์โรโซ (Jose Manuel Barroso) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่รัฐมนตรีอาเซียนที่เดินทางมาเข้าร่วมประชุม
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า การเดินทางมาร่วมประชุมครั้งนี้มีความสำคัญ เพราะเป็นครั้งแรกที่ตนเดินทางเยือนยุโรป ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีท่าทีค่อนข้างแรงต่อไทยหลังเหตุการณ์วันที่ 22 พ.ค. และมีโอกาสได้พบกับทั้งฝ่ายอียูที่เป็นผู้นำเสนอนโยบาย รวมถึงพบปะกับสมาชิกอียูแต่ละประเทศไปพร้อมๆ กัน ในส่วนของไทยก็เป็นเช่นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยพูดไว้ คือ เราเข้าใจได้ว่าเขาต้องยึดหลักการและมีบรรทัดฐานในการดำเนินความสัมพันธ์ แต่ก็อยากให้เขาเข้าใจ ให้เวลาและให้พื้นที่กับไทยในการแก้ไขปัญหาภายในของเราเองด้วย เพราะไม่มีใครจะแก้ไขปัญหาภายในของไทยได้นอกจากคนไทยด้วยกันเอง
ทั้งนี้ ในการพูดคุยกับปลัดกระทรวงต่างประเทศอียู มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างตรงไปตรงมา ว่า เขาคิดและมองไทยอย่างไร ซึ่งตนได้ชี้แจงไปว่าจะมองโดยเอาหลักการเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องมีความเข้าใจที่แท้จริงด้วยว่าสถานการณ์ในแต่ละประเทศเป็นอย่างไร เรายึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตย แต่เส้นทางประชาธิปไตยของแต่ละประเทศไม่ใช่เส้นตรงเสมอไป ดังนั้น จะใช้บรรทัดฐานหรือมองด้วยอุดมคติที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของแต่ละประเทศไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นในไทยไม่ใช่การล้มประชาธิปไตย แต่เป็นการประคับประคองประชาธิปไตยในไทยให้ก้าวหน้าต่อไปได้ ขณะนี้ไทยกำลังมุ่งมั่นเดินตามโรดแมปที่ได้ประกาศไว้ มีการประกาศใช้ธรรมนูญชั่วคราว และจะเดินหน้าตามขั้นตอนอื่นๆ ต่อไป จึงไม่อยากให้ด่วนสรุปแต่ให้ดูตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อให้ไทยกลับสู่การมีประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืน โรดแมปของไทยที่ใช้เวลา 15 เดือนไม่ใช่เวลานานไปหากเราทำให้ประชาธิปไตยไทยยั่งยืนได้
“เป็นเรื่องดีที่อย่างน้อยเขาเปิดกว้างที่จะรับฟังความเห็น ที่สำคัญเขาบอกว่าเห็นความสำคัญของไทยที่เป็นหุ้นส่วนสำคัญของอียูในภูมิภาค อียูยืนยันว่ามองไทยเป็นมิตรประเทศ โดยท่าทีที่ผ่านมาของเขาถือว่าถือว่าเบาบางที่สุด และไม่ได้มีอะไรที่ถือเป็นการคว่ำบาตร ทั้งยังตระหนักดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันต้องเดินหน้าต่อไป แต่ภายใต้กฎหมายเขามีข้อจำกัดว่าจะต้องดำเนินความสัมพันธ์ในระดับใด เขาจะพยามมองไปข้างหน้า และคาดหวังว่าไทยจะกลับสู่ประชาธิปไตยและมีการเลือกตั้งโดยเร็ว และอยากเห็นกระบวนการที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม โดยจะติดตามมาตรการต่างๆ ของไทยหากมีท่าทีดีขึ้นก็จะทบทวนมาตรการต่างๆ ของเขา” นายสีหศักดิ์กล่าว
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการหารือกับสมาชิกรัฐสภายุโรป ทุกท่านเป็นผู้ที่ดูแลและติดตามความสัมพันธ์กับอาเซียนอยู่แล้ว จึงเข้าใจถึงความซับซ้อนของสถานการณ์ในไทยเป็นอย่างดี มีการสอบถามถึงบทบาทขององค์กรอิสระ บางท่านบอกว่าทราบดีว่าก่อนเกิดเหตุการณ์วันที่ 22 พ.ค. ทางเลือกมีไม่มาก และเขามองไทยเป็นหุ้นส่วนสำคัญสำหรับอียูจึงได้ขอให้เขาช่วยอธิบายให้สมาชิกรัฐสภายุโรปได้เข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงในไทยด้วย
ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ประธานกรรมาธิการยุโรปจัดขึ้น ได้ถือโอกาสชี้แจงสถานการณ์ในไทยโดยย้ำว่าสถานการณ์ในประเทศ บีบบังคับให้เกิดเหตุการณ์วันที่ 22 พ.ค. ขึ้น ไม่เช่นนั้นอาจจะพัฒนาไปสู่ความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภูมิภาคโดยรวม และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วจึงควรมองไปข้างหน้า โดยย้ำว่าไทยมุ่งมั่นเดินหน้ากลับสู่ประชาธิปไตย เห็นได้จากที่มีการประกาศธรรมนูญการปกครองแล้ว แม้หลายประเทศตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดไทยไม่จัดการเลือกตั้งให้เร็วขึ้น แต่ปัญหาของไทยไม่ได้แก้ไขด้วยการเลือกตั้งเท่านั้น แต่อยู่ที่ทำอย่างไรให้ประชาธิปไตยของไทยเข้มแข็งขึ้น ปัจจุบันเศรษฐกิจที่ชะงักงันมาหลายเดือนก็ค่อยๆ คลี่คลาย ที่สุดแล้วผลประโยชน์ระยะยาวของอียูจึงอยู่ที่การที่ไทยกลับสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน เพราะจะอย่างไรไทยก็ไม่หยุดนิ่งในการขับเคลื่อนและแสดงบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ และเราก็ยังเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาค