ASTVผู้จัดการรายวัน- สนช.ไม่มีแตกแถว โหวต "ประยุทธ์" นั่งนายกฯ คนที่ 29 ด้วยคะแนนเสียง 191 เสียง "พรเพชร"นำขึ้นทูลเกล้าฯทันที ขณะที่ "บิ๊กตู่"ไปรอฟังผลที่ชลบุรี พร้อมเป็นประธานงานสถาปนาครบรอบ 64 ปี ร. 21 รอ. ยันไม่กังวลกับการทำหน้าที่นายกฯ ส่วนเรื่องการตั้งครม. เป็นไปตามโรดแมป "ครูหยุย" มั่นใจ หัวหน้าคสช.นั่งควบนายกฯไม่ขัดรธน. ครูวัดนวลฯ สุดปลื้ม ศิษย์ได้เป็นนายกฯ การันตีเป็นคนใจซื่อสัตย์ มือสะอาด และ สุขุม แถมหล่อที่สุดในห้อง
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (21 ส.ค.) มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เป็นประธานการประชุม ซึ่งมีวาระสำคัญคือ การเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตาม มาตรา 19 วรรค 1 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 โดยมีสมาชิกมาร่วมประชุม 194 คน
หลังเปิดการประชุม นายพรเพชร ได้กำชับสมาชิกให้ตระหนักถึงความสำคัญของการเข้าร่วมประชุม ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 บัญญัติว่า หากสมาชิกไม่แสดงตนในที่ประชุมเกินกำหนด จะส่งผลให้สถานะสิ้นสุดลง จึงขอให้สมาชิกเข้าร่วมการประชุม และแสดงตนทุกครั้งในการลงมติ พร้อมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจกับสมาชิก ถึงขั้นตอนการคัดเลือกบุคคลที่สมควรดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมติที่ประชุมวิป ที่กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการคัดเลือกดังกล่าว
จากนั้น นายตวง อันทะไชย สนช. เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีสมาชิกยกมือรับรอง 188 คน ถูกต้องตามเกณฑ์ที่ต้องมีผู้รับรอง 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิก สนช.ทั้งหมด 197 คน หลังจากนั้นไม่มีการเสนอชื่อคนอื่นเพิ่มเติม นายพรเพชร จึงปิดการเสนอชื่อ และให้มีการลงมติโดยการขานชื่อสมาชิกแต่ละคนตามลำดับตัวอักษร เพื่อให้ออกเสียงว่าเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ โดยมีสมาชิกเข้าประชุมแสดงตัวเพื่อลงมติจำนวน 194 คน
หลังจากใช้เวลาประมาณ 30 นาที การออกเสียงจึงเสร็จสิ้น นายพรเพชร ได้ประกาศผลการลงคะแนนออกเสียงมีผู้เห็นชอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี 191 เสียง เท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ของประเทศไทย โดยมีสมาชิกงดออกเสียง 3 เสียง คือ นายพรเพชร ในฐาะนประธาน สนช. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย และ นายพีระศักดิ์ พอจิตร รองประธาน สนช. นอกจากนี้ยังมีสมาชิกลาป่วย 3 คน ประกอบด้วย นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ คุณพรทิพย์ จาละ และ พล.อ.สุรวัช บุตรวงษ์ และนัดวันประชุมทุกวันพฤหัสบดี และวันศุกร์ โดยจะเริ่มประชุมอย่างเป็นทางการ ในวันพฤหัสบดีที่ 28 ส.ค. จากนั้นได้สั่งปิดประชุม เมื่อเวลา 10.55 น.
นายพรเพชร เปิดเผยก่อนการประชุม สนช.เพื่อเลือกนายกฯ ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน โดยหลังจากลงมติและได้ชื่อนายกรัฐมนตรีแล้ว จะนำรายชื่อส่งสำนักราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ และนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายตามขั้นตอน คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในวันนี้
ขณะที่ พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 และ สนช.ในฐานะที่เป็นน้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่า จะลงมติเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี โดยบอกเพียงสั้นๆ ว่า “แล้วแต่มติของที่ประชุม”
สำหรับนายตวง อันทะไชย สนช. ผู้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นคนแรกที่มารายงานตัวเป็นสนช.เมื่อวันที่ 1 ส.ค. หลังจากได้รับการแต่งตั้ง และเคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549 ด้วย
** "บิ๊กตู่" รอฟังผลที่ค่ายนวมินทราชินี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.21 น. วันเดียวกันนี้ ที่ค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางมายังค่ายนวมินทราชินี ด้วยเฮลิคอบเตอร์ รุ่น AW 139 ที่เพิ่งเข้าประจำการในกองทัพบก เพื่อเป็นประธานวันสถาปนาครบรอบปีที่ 64 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นแท่นรับแถวกองทหารเกียรติยศ ก่อนจะกราบสักการะพระพุทธชินราช และถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พร้อมเข้าร่วมพิธีสงฆ์ และ มอบรางวัลการแข่งขันยิงปืน ทุนการศึกษา 80 ทุน โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยมีอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูง และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นทหารในกรมหารราบที่ 21 รักษาพระองค์มาร่วมงาน เช่น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยได้ทักท้าข้าราชการทหาร และครอบครัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเป็นกันเองตลอดแถวที่มารอรับ ก่อนที่จะเข้าไปในอาคารเพื่อทำพิธีสงฆ์ ก่อนจะลงมาถ่ายภาพร่วมกับผู้บังคับบัญชาระดับสูง
**เผยครม.เป็นไปตามโรดแมป
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนสั้นๆ ภายหลังจากสมาชิกสภานิติบัญญัติ มีมติเลือกให้เป็นนายกฯ ว่า ยังไม่ทราบ เมื่อถามว่า มีการทาบทามล่วงหน้าหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี เมื่อถามย้ำว่า พร้อมนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าก่อนก็แล้วกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีอะไรพูดกับประชาชนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังเป็น ผบ.ทบ.อยู่ รอให้โปรดเกล้าฯ ก่อน ส่วน ครม.จะเแล้วเสร็จเมื่อไหร่นั้น เป็นไปตามโรดแมป
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ เพราะคนที่ต้องมารับหน้าที่เป็นนายกฯ ต้องทำงานหนักมาก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่กังวลอะไร
ใน ขณะเดียวกัน ข้าราชการทหาร กลุ่มแม่บ้านทหารบก และประชาชนรอบค่ายนวมินทราชินี ประมาณ 200 คน ได้ร้องเพลง "คืนความสุขให้ประชาชน" เพื่อให้กำลังใจก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ถือกำเนิดจากหน่วย กรมผสมที่ 21 จัดตั้งโดยสมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรทพระชัยนาทนเรนทร มีหน้าที่เตรียมกำลัง การฝึกและจัดกำลังสนับสนุนสหประชาชาติ ในการยับยั้งการรุกรานฝ่ายคอมมิวนิสต์ ประเทศเกาหลี และทำหน้าที่ปกป้องชายแดน เป็นการสร้างวีรกรรม จนได้รับสมญาว่า "พยัคฆ์น้อย" คือ ทหารไทยตัวเล็กแต่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บ น่าเกรงขามต่อศัตรู แต่อย่างไรก็ตามได้มีการปรับเปลี่ยนและย้ายที่ตั้ง พร้อมปรับสภาพจาก กรมผสมที่ 21 มาเป็น กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระองค์ท่านทรงดำรงตำแหน่งองค์ผู้บังคับการพิเศษ และหน่วยได้รับพระราชทานสมญานามว่า "กรมทหารเสือนวมินทราชินี"
ในอดีตมีนายทหารคนสำคัญเริ่มต้นรับราชการ และเติบโตที่นี่ เช่น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์
สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ เริ่มต้นรับราชการที่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือ ร. 21 รอ. ตั้งแต่เป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ จนเติบโตขึ้นเป็นผู้บังคับการกรมตามลำดับ ก่อนจะย้ายมาเป็นรองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) และเป็นผู้บัญชาการกองพล จากนั้นได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพภาคที่ 1 ในสมัยที่ พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา (ยศในขณะนั้น) เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนจะเข้าสู่เส้นทาง 5 เสือทบ. เริ่มจากเสนาธิการทหารบก ต่อมาเป็นรองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารบกในปัจจุบัน
**"ตวง"ปัดเป็นคนทาบทาม"บิ๊กตู่"
นายตวง อันทะไชย สมาชิกสนช. กล่าวภายหลังที่ประชุม สนช.มีมติเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช เป็นนายกรัฐมนตรีว่า สาเหตุที่ตนเป็นผู้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากว่าได้รับมอบหมายจากทาง วิป สนช.ซึ่งถือว่าเป็นมติของที่ประชุมวิปวานนี้ (20 ส.ค.)และก็เป็นการเสนอตามบทรัฐธรรมนูญมาตรา 19 อยู่แล้วซึ่งตนไม่ได้เป็นคนไปทาบทาม พล.อ.ประยุทธ์ แต่อย่างใด โดยความชัดเจนทั้งหมดต้องสอบถามจากทางนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานวิป ว่ามีการประสานกับ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่
นายตวง กล่าวต่อว่า ในช่วงเวลาของการทำงานมาตนเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารบ้านเมืองและสังคมได้ เมื่อทางวิปประสานมาให้ตนเสนอ ตนก็ไม่มีปัญหา ถ้าจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ
“วันนี้บ้านเมืองถึงเวลาที่จะต้องเอาประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง ต้องเดินไปข้างหน้าให้ได้ ทุกคนคงเห็นตรงกันว่าถ้าเรายึดมั่นผลประโยชน์ของประเทศ โดยไม่ต้องเลือกว่าพวกใด ประเทศก็จะเดินไปข้างหน้าได้ได้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีความเหมาะสมที่จะเข้ามารับหน้าที่ตรงนี้ สะท้อนจากผลสำรวจของทุกสำนัก และการทำหน้าที่ของท่านในช่วง 2- 3 เดือนที่ผ่านมา พวกเรา สนช.ก็เห็นตรงกันว่า ในสถานการณ์และเงือนไขของประเทศที่จะต้องได้รับการนำพาให้ผ่านพ้นวิกฤตของประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะเหมาะสมที่จะนำพาประเทศของเราก้าวพ้นไปได้
**ทูลเกล้าฯชื่อ"ประยุทธ์"ทันที
นายพรเพชร กล่าวว่า หลังจากที่ สนช. ลงมติเห็นชอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ แล้ว ขั้นตอนต่อไป เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการทางธุระการมีหนังสือกราบบังคมทูล ไปยังสำนักราชเลขาธิการ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการต่อไป เบื้องต้นคาดว่าหนังสือดังกล่าวจะส่งไปยังสำนักราชเลขาธิการได้ภายในวันเดียวกันนี้ (21 ส.ค.) และเมื่อมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แล้วขั้นตอนต่อไป นายกฯ จัดตั้งคณะรัฐมนตรี โดยเป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องจัดตั้งคณะรัฐบาลขึ้นมา ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีรัฐมนตรีจำนวน 35 คน และเมื่อได้รายชื่อแล้ว ต้องนำความกราบบังคมทูลฯ ขั้นตอนสำคัญหลังจากได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ครม. แล้ว ก่อนที่ครม.จะเข้าทำหน้าที่ ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ก่อนเข้ารับหน้าที่ แต่กรอบเวลาการสรรหา ครม .ในรัฐธรรมนูญ ไม่ได้กำหนดไว้ รวมถึงการแถลงนโยบายต่อสภาด้วย แต่เข้าใจว่า ครม. คงจะแถลงนโยบายตามธรรมเนียม ประเพณี
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่เป็นประมุข สนช. มองว่าฝ่ายบริหาร ควรให้ความสำคัญต่อกระบวนการในสภา เช่น การถามกระทู้อย่างไร นายพรเพชร กล่าว่า ปัญหานี้ยังไม่เกิดขึ้น ไว้รอดูก่อน เมื่อถามถึงประเด็นการตรวจสอบนายกฯ ในอนาคต ประธานสนช. กล่าวว่า สนช. ก็ตรวจสอบตามกระบวนการ ของรัฐธรรมนูญ เช่น ตั้งกระทู้ถาม แต่ สนช. ไม่มีอำนาจลงมติไม่ไว้วางใจ ถามต่อ ว่าส่วนตัวกังวลกับคำครหาที่ สนช. ถูกมองว่าถูกจัดตั้งมาแล้ว ทำให้การเลือกนายกฯไม่มีความหลากหลาย ประธาน สนช. กล่าวว่า ตนไม่ตอบ ขอให้คอยดูต่อไปบทบาทของสนช. ต่อไป
**ไฟไหม้รถถ่ายทอดสด NBT
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.) เพื่อสรรหานายกรัฐมนตรี ได้เกิดเหตุระทึก เมื่อรถส่งสัญญาณถ่ายทอดสดของสถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ที่จอดอยู่ภายในรัฐสภา เพื่อถ่ายทอดการประชุมสนช. ระบบภายในรถขัดข้อง เกิดประกายไฟขึ้นใต้ท้องรถ ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำรถแตกตื่น จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำถังดับเพลิงเข้าควบคุมเพลิง เบื้องต้นได้รับความเสียหายเล็กน้อย และไม่สามารถใช้งานได้ ทั้งนี้รถถ่ายทอดสดของสถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย มีมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท
**ไม่เซอร์ไพร์ส "บิ๊กตู่" นั่งนายกฯ
นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงว่า การที่สนช.) ลงมติเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯนั้น ไม่ผิดไปจากที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ โดยส่วนตัวเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะเหมาะกับการทำหน้าที่หัวหน้า คสช. แต่สำหรับตำแหน่งนายกฯ นั้นยังมีคำถามอยู่มากมาย อีกทั้งการทำหน้าที่หัวหน้า คสช. ก็ดูจะเหมาะสมกว่ากับภารกิจที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช.วางเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องลงมาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยตนเองในตอนนี้ อีกทั้งการที่หัวหน้า คสช. มาควบตำแหน่งนายกฯ นั้น ก็ทำให้เกิดคำถาม และความเคลือบแคลงสงสัยว่า จะมีรัฐบาลทหาร เหมือนเช่นในอดีตหรือไม่ ดูได้จาก สนช. ก็มีทหารเข้ามาร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลกับความสง่างาม และความเชื่อมั่น ที่ประชาชนเคยมีให้
"ที่เห็นต่างว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรมาควบเป็นนายกฯ เพราะเกรงว่าจะมีรัฐบาลทหารเหมือนในอดีตอีก จะทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมายทั้งในสังคมไทย และ ต่างชาติ อีกทั้งการเข้ามาเป็นายกฯ แบบที่ไปถามคนในสภาฯว่า ใครมีปัญหาอะไรอีกไหม ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไรนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อท่านได้รับความไว้วางใจแล้ว ก็ขอให้ท่านนำกระบวนการเข้าสู่การเลือกตั้งให้ได้ ภายในปี 2558 ตามที่เคยประกาศไว้ด้วย" นายอุเทน กล่าว
** "หอการค้า-ชาวนา"ขานรับนายกฯใหม่
นายอิสสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าไทย และ สมาชิกสนช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงมติให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความเหมาะสมเป็นนายกฯ มีความรู้ความสามารถ และเข้าใจปัญหาเศรษฐกิจเป็นอย่างดี เชื่อว่าจะเข้ามาขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจไปข้างหน้าได้
ด้านนายกิตติศักดิ์ รัตนะวราหะ สนช. และประธานเครือข่ายชาวนาภาคเหนือ กล่าวว่า ชาวนาทุกคนรู้สึกดีใจที่เห็น พล.อ.ประยุทธ์ ลงมาเป็นนายกฯ เพราะท่านรู้ และเข้าใจปัญหาของชาวนาเป็นอย่างดี เพราะเคยลงมาแก้ปัญหาให้ชาวนาชื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหา ชาวนาไม่ได้เงินจากจำนำข้าว ชาวนาจึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ เป็นนายกฯ ไปนานๆ
**"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯไม่ขัดรธน.
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. กล่าวถึงกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เตรียมยื่นร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถึงกรณีที่ สนช.เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ว่า ก็เป็นสิทธิในฐานะประชาชนที่จะยื่นร้องให้วินิจฉัยได้อยู่แล้ว ส่วนจะส่งต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ตนคิดว่า การที่สมาชิกสนช. มีมติเลือกพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯนั้น คงไม่ใช่เป็นการกระทำที่ขัด หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่เป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ให้ที่ประชุม สนช. ดำเนินการมากกว่า เพราะการเลือกบุคคลเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว ฉบับปี 2557 เป็นหน้าที่ของ สนช. ที่ต้องดำเนินการ อีกทั้งกระบวนการ หรือขั้นตอนของการเลือกในที่ประชุม ไม่ว่าการเสนอชื่อ ที่มีจำนวนผู้รับรองถูกต้อง หรือ การลงมติ ก็ออกเสียงโดยเปิดเผยนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องทุกประการแล้ว ดังนั้น หากอ่าน และตีความรัฐธรรมนูญตามตัวอักษร ก็คงไม่น่าจะมีปัญหา
**ครูสุดปลื้ม!"ประยุทธ์"เป็นนายกฯ
นางธานี คุ้มชนะ อดีตครูวิชาภาษาไทยและสังคม วัย 74 ปี และอดีตหัวหน้าหมวดวิชาภาษาไทย โรงเรียนวัดนวลนรดิศ ซึ่งเคยสอน พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ว่าที่ นายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ของประเทศไทย กล่าวว่า ตนเคยเป็นครูสอนวิชาสังคมให้ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นนักเรียนรุ่นที่ 77 ของโรงเรียน โดยรุ่นนี้มีคนเก่งหลายคน นอกจากพล.อ.ประยุทธ์ แล้วยังมีศาสตราจารย์อีก 2 คน ได้แก่ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงค์เวช อดีตรมว.ศึกษาธิการ และ ศ.ดร.สิทธิชัย ขุนทองแก้ว คณบดีคณะทันตแพทย์ศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งค่อนข้างสนิทสนมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนสุขุมมาตั้งแต่เด็ก พูดน้อย เดาใจยาก และเรียนเก่ง มุมานะ และเอาใจใส่การเรียนอย่างสม่ำเสมอ
"ไม่เคยคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะได้เป็นถึงนายกฯ เมื่อตอนที่ท่านจะขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก็รู้สึกชื่นชม ในตอนนั้นสามี ซึ่งเคยเป็นครูสอนวิชาช่างให้ท่าน ถึงกับไปบนบานขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็น ผบ.ทบ. เพราะท่านเป็นคนใจซื่อ มือสะอาด โปร่งใส และมีความซื่อสัตย์ ซึ่งฉายแสงมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้น พอรู้ว่าท่านได้เป็นนายกฯ คนที่ 29 ของประเทศไทย รู้สึกปลื้มใจ ดีใจมาก และเชื่อว่าจะบริหารด้วยความโปร่งใส แม้อาจจะมีคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นในการบริหารงาน แต่ความซื่อสัตย์ และบุคลิกที่ทำให้ผู้ร่วมงานเกรงใจ จะทำให้การบริหารงานราบรื่น จึงอยากให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะสื่อมวลชน อย่าพึ่งด่วนตัดสิน ให้เวลาท่านทำงานก่อน” อดีตครูฯ กล่าว และว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนมีน้ำใจ และรักโรงเรียนมาก นับแต่เริ่มรับราชการทหาร ก็ให้ความช่วยเหลือโรงเรียนเท่าที่จะทำได้มาตลอด
ด้านนายประเสริฐ ผุดผ่อง ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดนวลนรดิศ กล่าวว่า ได้ข้อมูลจากเพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าตัวพล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนเงียบๆ เรียนเก่ง ชอบอ่านหนังสือ และเอาจริงเอาจังตั้งแต่ยังเป็นเด็ก อีกทั้งยังเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬาฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ
"เพื่อนร่วมรุ่นฯ บอกว่า ท่านเป็นคนที่หล่อที่สุดในห้องเรียน และอายุน้อยที่สุดในห้องด้วย คนอื่นๆ จะเป็นเด็กรุ่น พ.ศ.2495-2496 แต่ท่านเกิดใน พ.ศ. 2597 อย่างไรก็ตาม ที่ผมสัมผัสได้ คือท่านเป็นคนรักโรงเรียน อย่างวันเกิดโรงเรียนเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เชิญท่านมาร่วมงานด้วย ท่านติดภารกิจ มาร่วมงานไม่ได้ แต่ก็ได้มอบเงินช่วยเหลือโรงเรียนมาสองแสนบาท" นายประเสริฐ กล่าว
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (21 ส.ค.) มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เป็นประธานการประชุม ซึ่งมีวาระสำคัญคือ การเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตาม มาตรา 19 วรรค 1 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 โดยมีสมาชิกมาร่วมประชุม 194 คน
หลังเปิดการประชุม นายพรเพชร ได้กำชับสมาชิกให้ตระหนักถึงความสำคัญของการเข้าร่วมประชุม ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 บัญญัติว่า หากสมาชิกไม่แสดงตนในที่ประชุมเกินกำหนด จะส่งผลให้สถานะสิ้นสุดลง จึงขอให้สมาชิกเข้าร่วมการประชุม และแสดงตนทุกครั้งในการลงมติ พร้อมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจกับสมาชิก ถึงขั้นตอนการคัดเลือกบุคคลที่สมควรดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมติที่ประชุมวิป ที่กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการคัดเลือกดังกล่าว
จากนั้น นายตวง อันทะไชย สนช. เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีสมาชิกยกมือรับรอง 188 คน ถูกต้องตามเกณฑ์ที่ต้องมีผู้รับรอง 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิก สนช.ทั้งหมด 197 คน หลังจากนั้นไม่มีการเสนอชื่อคนอื่นเพิ่มเติม นายพรเพชร จึงปิดการเสนอชื่อ และให้มีการลงมติโดยการขานชื่อสมาชิกแต่ละคนตามลำดับตัวอักษร เพื่อให้ออกเสียงว่าเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ โดยมีสมาชิกเข้าประชุมแสดงตัวเพื่อลงมติจำนวน 194 คน
หลังจากใช้เวลาประมาณ 30 นาที การออกเสียงจึงเสร็จสิ้น นายพรเพชร ได้ประกาศผลการลงคะแนนออกเสียงมีผู้เห็นชอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี 191 เสียง เท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ของประเทศไทย โดยมีสมาชิกงดออกเสียง 3 เสียง คือ นายพรเพชร ในฐาะนประธาน สนช. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย และ นายพีระศักดิ์ พอจิตร รองประธาน สนช. นอกจากนี้ยังมีสมาชิกลาป่วย 3 คน ประกอบด้วย นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ คุณพรทิพย์ จาละ และ พล.อ.สุรวัช บุตรวงษ์ และนัดวันประชุมทุกวันพฤหัสบดี และวันศุกร์ โดยจะเริ่มประชุมอย่างเป็นทางการ ในวันพฤหัสบดีที่ 28 ส.ค. จากนั้นได้สั่งปิดประชุม เมื่อเวลา 10.55 น.
นายพรเพชร เปิดเผยก่อนการประชุม สนช.เพื่อเลือกนายกฯ ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน โดยหลังจากลงมติและได้ชื่อนายกรัฐมนตรีแล้ว จะนำรายชื่อส่งสำนักราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ และนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายตามขั้นตอน คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในวันนี้
ขณะที่ พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 และ สนช.ในฐานะที่เป็นน้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่า จะลงมติเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี โดยบอกเพียงสั้นๆ ว่า “แล้วแต่มติของที่ประชุม”
สำหรับนายตวง อันทะไชย สนช. ผู้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นคนแรกที่มารายงานตัวเป็นสนช.เมื่อวันที่ 1 ส.ค. หลังจากได้รับการแต่งตั้ง และเคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549 ด้วย
** "บิ๊กตู่" รอฟังผลที่ค่ายนวมินทราชินี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.21 น. วันเดียวกันนี้ ที่ค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางมายังค่ายนวมินทราชินี ด้วยเฮลิคอบเตอร์ รุ่น AW 139 ที่เพิ่งเข้าประจำการในกองทัพบก เพื่อเป็นประธานวันสถาปนาครบรอบปีที่ 64 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นแท่นรับแถวกองทหารเกียรติยศ ก่อนจะกราบสักการะพระพุทธชินราช และถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พร้อมเข้าร่วมพิธีสงฆ์ และ มอบรางวัลการแข่งขันยิงปืน ทุนการศึกษา 80 ทุน โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยมีอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูง และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นทหารในกรมหารราบที่ 21 รักษาพระองค์มาร่วมงาน เช่น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยได้ทักท้าข้าราชการทหาร และครอบครัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเป็นกันเองตลอดแถวที่มารอรับ ก่อนที่จะเข้าไปในอาคารเพื่อทำพิธีสงฆ์ ก่อนจะลงมาถ่ายภาพร่วมกับผู้บังคับบัญชาระดับสูง
**เผยครม.เป็นไปตามโรดแมป
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนสั้นๆ ภายหลังจากสมาชิกสภานิติบัญญัติ มีมติเลือกให้เป็นนายกฯ ว่า ยังไม่ทราบ เมื่อถามว่า มีการทาบทามล่วงหน้าหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี เมื่อถามย้ำว่า พร้อมนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าก่อนก็แล้วกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีอะไรพูดกับประชาชนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังเป็น ผบ.ทบ.อยู่ รอให้โปรดเกล้าฯ ก่อน ส่วน ครม.จะเแล้วเสร็จเมื่อไหร่นั้น เป็นไปตามโรดแมป
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ เพราะคนที่ต้องมารับหน้าที่เป็นนายกฯ ต้องทำงานหนักมาก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่กังวลอะไร
ใน ขณะเดียวกัน ข้าราชการทหาร กลุ่มแม่บ้านทหารบก และประชาชนรอบค่ายนวมินทราชินี ประมาณ 200 คน ได้ร้องเพลง "คืนความสุขให้ประชาชน" เพื่อให้กำลังใจก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ถือกำเนิดจากหน่วย กรมผสมที่ 21 จัดตั้งโดยสมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรทพระชัยนาทนเรนทร มีหน้าที่เตรียมกำลัง การฝึกและจัดกำลังสนับสนุนสหประชาชาติ ในการยับยั้งการรุกรานฝ่ายคอมมิวนิสต์ ประเทศเกาหลี และทำหน้าที่ปกป้องชายแดน เป็นการสร้างวีรกรรม จนได้รับสมญาว่า "พยัคฆ์น้อย" คือ ทหารไทยตัวเล็กแต่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บ น่าเกรงขามต่อศัตรู แต่อย่างไรก็ตามได้มีการปรับเปลี่ยนและย้ายที่ตั้ง พร้อมปรับสภาพจาก กรมผสมที่ 21 มาเป็น กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระองค์ท่านทรงดำรงตำแหน่งองค์ผู้บังคับการพิเศษ และหน่วยได้รับพระราชทานสมญานามว่า "กรมทหารเสือนวมินทราชินี"
ในอดีตมีนายทหารคนสำคัญเริ่มต้นรับราชการ และเติบโตที่นี่ เช่น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์
สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ เริ่มต้นรับราชการที่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือ ร. 21 รอ. ตั้งแต่เป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ จนเติบโตขึ้นเป็นผู้บังคับการกรมตามลำดับ ก่อนจะย้ายมาเป็นรองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) และเป็นผู้บัญชาการกองพล จากนั้นได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพภาคที่ 1 ในสมัยที่ พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา (ยศในขณะนั้น) เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนจะเข้าสู่เส้นทาง 5 เสือทบ. เริ่มจากเสนาธิการทหารบก ต่อมาเป็นรองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารบกในปัจจุบัน
**"ตวง"ปัดเป็นคนทาบทาม"บิ๊กตู่"
นายตวง อันทะไชย สมาชิกสนช. กล่าวภายหลังที่ประชุม สนช.มีมติเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช เป็นนายกรัฐมนตรีว่า สาเหตุที่ตนเป็นผู้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากว่าได้รับมอบหมายจากทาง วิป สนช.ซึ่งถือว่าเป็นมติของที่ประชุมวิปวานนี้ (20 ส.ค.)และก็เป็นการเสนอตามบทรัฐธรรมนูญมาตรา 19 อยู่แล้วซึ่งตนไม่ได้เป็นคนไปทาบทาม พล.อ.ประยุทธ์ แต่อย่างใด โดยความชัดเจนทั้งหมดต้องสอบถามจากทางนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานวิป ว่ามีการประสานกับ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่
นายตวง กล่าวต่อว่า ในช่วงเวลาของการทำงานมาตนเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารบ้านเมืองและสังคมได้ เมื่อทางวิปประสานมาให้ตนเสนอ ตนก็ไม่มีปัญหา ถ้าจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ
“วันนี้บ้านเมืองถึงเวลาที่จะต้องเอาประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง ต้องเดินไปข้างหน้าให้ได้ ทุกคนคงเห็นตรงกันว่าถ้าเรายึดมั่นผลประโยชน์ของประเทศ โดยไม่ต้องเลือกว่าพวกใด ประเทศก็จะเดินไปข้างหน้าได้ได้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีความเหมาะสมที่จะเข้ามารับหน้าที่ตรงนี้ สะท้อนจากผลสำรวจของทุกสำนัก และการทำหน้าที่ของท่านในช่วง 2- 3 เดือนที่ผ่านมา พวกเรา สนช.ก็เห็นตรงกันว่า ในสถานการณ์และเงือนไขของประเทศที่จะต้องได้รับการนำพาให้ผ่านพ้นวิกฤตของประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะเหมาะสมที่จะนำพาประเทศของเราก้าวพ้นไปได้
**ทูลเกล้าฯชื่อ"ประยุทธ์"ทันที
นายพรเพชร กล่าวว่า หลังจากที่ สนช. ลงมติเห็นชอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ แล้ว ขั้นตอนต่อไป เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการทางธุระการมีหนังสือกราบบังคมทูล ไปยังสำนักราชเลขาธิการ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการต่อไป เบื้องต้นคาดว่าหนังสือดังกล่าวจะส่งไปยังสำนักราชเลขาธิการได้ภายในวันเดียวกันนี้ (21 ส.ค.) และเมื่อมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แล้วขั้นตอนต่อไป นายกฯ จัดตั้งคณะรัฐมนตรี โดยเป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องจัดตั้งคณะรัฐบาลขึ้นมา ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีรัฐมนตรีจำนวน 35 คน และเมื่อได้รายชื่อแล้ว ต้องนำความกราบบังคมทูลฯ ขั้นตอนสำคัญหลังจากได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ครม. แล้ว ก่อนที่ครม.จะเข้าทำหน้าที่ ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ก่อนเข้ารับหน้าที่ แต่กรอบเวลาการสรรหา ครม .ในรัฐธรรมนูญ ไม่ได้กำหนดไว้ รวมถึงการแถลงนโยบายต่อสภาด้วย แต่เข้าใจว่า ครม. คงจะแถลงนโยบายตามธรรมเนียม ประเพณี
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่เป็นประมุข สนช. มองว่าฝ่ายบริหาร ควรให้ความสำคัญต่อกระบวนการในสภา เช่น การถามกระทู้อย่างไร นายพรเพชร กล่าว่า ปัญหานี้ยังไม่เกิดขึ้น ไว้รอดูก่อน เมื่อถามถึงประเด็นการตรวจสอบนายกฯ ในอนาคต ประธานสนช. กล่าวว่า สนช. ก็ตรวจสอบตามกระบวนการ ของรัฐธรรมนูญ เช่น ตั้งกระทู้ถาม แต่ สนช. ไม่มีอำนาจลงมติไม่ไว้วางใจ ถามต่อ ว่าส่วนตัวกังวลกับคำครหาที่ สนช. ถูกมองว่าถูกจัดตั้งมาแล้ว ทำให้การเลือกนายกฯไม่มีความหลากหลาย ประธาน สนช. กล่าวว่า ตนไม่ตอบ ขอให้คอยดูต่อไปบทบาทของสนช. ต่อไป
**ไฟไหม้รถถ่ายทอดสด NBT
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.) เพื่อสรรหานายกรัฐมนตรี ได้เกิดเหตุระทึก เมื่อรถส่งสัญญาณถ่ายทอดสดของสถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ที่จอดอยู่ภายในรัฐสภา เพื่อถ่ายทอดการประชุมสนช. ระบบภายในรถขัดข้อง เกิดประกายไฟขึ้นใต้ท้องรถ ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำรถแตกตื่น จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำถังดับเพลิงเข้าควบคุมเพลิง เบื้องต้นได้รับความเสียหายเล็กน้อย และไม่สามารถใช้งานได้ ทั้งนี้รถถ่ายทอดสดของสถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย มีมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท
**ไม่เซอร์ไพร์ส "บิ๊กตู่" นั่งนายกฯ
นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงว่า การที่สนช.) ลงมติเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯนั้น ไม่ผิดไปจากที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ โดยส่วนตัวเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะเหมาะกับการทำหน้าที่หัวหน้า คสช. แต่สำหรับตำแหน่งนายกฯ นั้นยังมีคำถามอยู่มากมาย อีกทั้งการทำหน้าที่หัวหน้า คสช. ก็ดูจะเหมาะสมกว่ากับภารกิจที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช.วางเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องลงมาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยตนเองในตอนนี้ อีกทั้งการที่หัวหน้า คสช. มาควบตำแหน่งนายกฯ นั้น ก็ทำให้เกิดคำถาม และความเคลือบแคลงสงสัยว่า จะมีรัฐบาลทหาร เหมือนเช่นในอดีตหรือไม่ ดูได้จาก สนช. ก็มีทหารเข้ามาร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลกับความสง่างาม และความเชื่อมั่น ที่ประชาชนเคยมีให้
"ที่เห็นต่างว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรมาควบเป็นนายกฯ เพราะเกรงว่าจะมีรัฐบาลทหารเหมือนในอดีตอีก จะทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมายทั้งในสังคมไทย และ ต่างชาติ อีกทั้งการเข้ามาเป็นายกฯ แบบที่ไปถามคนในสภาฯว่า ใครมีปัญหาอะไรอีกไหม ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไรนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อท่านได้รับความไว้วางใจแล้ว ก็ขอให้ท่านนำกระบวนการเข้าสู่การเลือกตั้งให้ได้ ภายในปี 2558 ตามที่เคยประกาศไว้ด้วย" นายอุเทน กล่าว
** "หอการค้า-ชาวนา"ขานรับนายกฯใหม่
นายอิสสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าไทย และ สมาชิกสนช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงมติให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความเหมาะสมเป็นนายกฯ มีความรู้ความสามารถ และเข้าใจปัญหาเศรษฐกิจเป็นอย่างดี เชื่อว่าจะเข้ามาขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจไปข้างหน้าได้
ด้านนายกิตติศักดิ์ รัตนะวราหะ สนช. และประธานเครือข่ายชาวนาภาคเหนือ กล่าวว่า ชาวนาทุกคนรู้สึกดีใจที่เห็น พล.อ.ประยุทธ์ ลงมาเป็นนายกฯ เพราะท่านรู้ และเข้าใจปัญหาของชาวนาเป็นอย่างดี เพราะเคยลงมาแก้ปัญหาให้ชาวนาชื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหา ชาวนาไม่ได้เงินจากจำนำข้าว ชาวนาจึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ เป็นนายกฯ ไปนานๆ
**"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯไม่ขัดรธน.
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. กล่าวถึงกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เตรียมยื่นร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถึงกรณีที่ สนช.เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ว่า ก็เป็นสิทธิในฐานะประชาชนที่จะยื่นร้องให้วินิจฉัยได้อยู่แล้ว ส่วนจะส่งต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ตนคิดว่า การที่สมาชิกสนช. มีมติเลือกพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯนั้น คงไม่ใช่เป็นการกระทำที่ขัด หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่เป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ให้ที่ประชุม สนช. ดำเนินการมากกว่า เพราะการเลือกบุคคลเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว ฉบับปี 2557 เป็นหน้าที่ของ สนช. ที่ต้องดำเนินการ อีกทั้งกระบวนการ หรือขั้นตอนของการเลือกในที่ประชุม ไม่ว่าการเสนอชื่อ ที่มีจำนวนผู้รับรองถูกต้อง หรือ การลงมติ ก็ออกเสียงโดยเปิดเผยนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องทุกประการแล้ว ดังนั้น หากอ่าน และตีความรัฐธรรมนูญตามตัวอักษร ก็คงไม่น่าจะมีปัญหา
**ครูสุดปลื้ม!"ประยุทธ์"เป็นนายกฯ
นางธานี คุ้มชนะ อดีตครูวิชาภาษาไทยและสังคม วัย 74 ปี และอดีตหัวหน้าหมวดวิชาภาษาไทย โรงเรียนวัดนวลนรดิศ ซึ่งเคยสอน พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ว่าที่ นายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ของประเทศไทย กล่าวว่า ตนเคยเป็นครูสอนวิชาสังคมให้ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นนักเรียนรุ่นที่ 77 ของโรงเรียน โดยรุ่นนี้มีคนเก่งหลายคน นอกจากพล.อ.ประยุทธ์ แล้วยังมีศาสตราจารย์อีก 2 คน ได้แก่ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงค์เวช อดีตรมว.ศึกษาธิการ และ ศ.ดร.สิทธิชัย ขุนทองแก้ว คณบดีคณะทันตแพทย์ศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งค่อนข้างสนิทสนมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนสุขุมมาตั้งแต่เด็ก พูดน้อย เดาใจยาก และเรียนเก่ง มุมานะ และเอาใจใส่การเรียนอย่างสม่ำเสมอ
"ไม่เคยคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะได้เป็นถึงนายกฯ เมื่อตอนที่ท่านจะขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก็รู้สึกชื่นชม ในตอนนั้นสามี ซึ่งเคยเป็นครูสอนวิชาช่างให้ท่าน ถึงกับไปบนบานขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็น ผบ.ทบ. เพราะท่านเป็นคนใจซื่อ มือสะอาด โปร่งใส และมีความซื่อสัตย์ ซึ่งฉายแสงมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้น พอรู้ว่าท่านได้เป็นนายกฯ คนที่ 29 ของประเทศไทย รู้สึกปลื้มใจ ดีใจมาก และเชื่อว่าจะบริหารด้วยความโปร่งใส แม้อาจจะมีคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นในการบริหารงาน แต่ความซื่อสัตย์ และบุคลิกที่ทำให้ผู้ร่วมงานเกรงใจ จะทำให้การบริหารงานราบรื่น จึงอยากให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะสื่อมวลชน อย่าพึ่งด่วนตัดสิน ให้เวลาท่านทำงานก่อน” อดีตครูฯ กล่าว และว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนมีน้ำใจ และรักโรงเรียนมาก นับแต่เริ่มรับราชการทหาร ก็ให้ความช่วยเหลือโรงเรียนเท่าที่จะทำได้มาตลอด
ด้านนายประเสริฐ ผุดผ่อง ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดนวลนรดิศ กล่าวว่า ได้ข้อมูลจากเพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าตัวพล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนเงียบๆ เรียนเก่ง ชอบอ่านหนังสือ และเอาจริงเอาจังตั้งแต่ยังเป็นเด็ก อีกทั้งยังเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬาฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ
"เพื่อนร่วมรุ่นฯ บอกว่า ท่านเป็นคนที่หล่อที่สุดในห้องเรียน และอายุน้อยที่สุดในห้องด้วย คนอื่นๆ จะเป็นเด็กรุ่น พ.ศ.2495-2496 แต่ท่านเกิดใน พ.ศ. 2597 อย่างไรก็ตาม ที่ผมสัมผัสได้ คือท่านเป็นคนรักโรงเรียน อย่างวันเกิดโรงเรียนเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เชิญท่านมาร่วมงานด้วย ท่านติดภารกิจ มาร่วมงานไม่ได้ แต่ก็ได้มอบเงินช่วยเหลือโรงเรียนมาสองแสนบาท" นายประเสริฐ กล่าว
