00 เรียกว่าราบเรียบจนไร้ความตื่นเต้น สำหรับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คนที่ 29 ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เนื่องจากเป็นลักษณะพิธีกรรมในการรับรอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียมากกว่า ทั้งการเสนอชื่อ การลงคะแนน ทุกอย่างมาในแบบ "เอกฉันท์" ไม่มีแตกแถว หรืออภิปรายหาเสียงออกทีวีน่ารำคาญเหมือนแต่ก่อน ด้วยคะแนนท่วมท้น 191 เสียง (ประธาน และรองประธานรวม 3 คน งดออกเสียง) ก็ส่งให้ "น้องเล็ก" จากทีม"บูรพาพยัคฆ์" เดินเข้าสู่ทำเนียบฯ ได้อย่างมั่นคง
00 แน่นอนว่าไม่ได้เหนือความคาดหมายที่ออกมาแบบนี้ เนื่องจากทุกอย่างวางไว้ล่วงหน้าตามขั้นตอน ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปสักองศาเดียว ถ้านายกฯไม่ใช่เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นสิแปลก อีกทั้งกระแสเรียกร้องจากรอบข้างทั้งในและภายนอก สนับสนุนกันเต็มเหนี่ยว หลากหลายอารมณ์ มีทั้งประเภท "ไม่อยากให้เสียของ" ไหนๆก็ยึดอำนาจมาแล้ว ก็ใช้อำนาจให้เต็มที่ไปเสียเลย ทำตาม "สัญญาประชาคม" ในระยะเวลา 1 ปี มันก็ไม่นานเกินไป ดังนั้นด้วยระยะเวลาที่ไม่นานเกินไป ประกอบกับคำสัญญาเรื่อง "ปฏิรูปทุกภาคส่วน" ก่อนการเลือกตั้ง นี่สิมันท้าทาย และเป็นความหวัง สิ่งเหล่านี้แหละที่เป็นเหตุผลสนับสนุนให้เขาต้อง "รวบอำนาจ" แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพียงผู้เดียว ทั้งหัวหน้า คสช. ที่ "คับฟ้า" อยู่แล้วบวกกับตำแหน่งนายกฯเข้าไปอีก ลองนึกดูแล้วกันว่า"แค่ไหน"
00 อย่างไรก็ดี นาทีนี้คงไม่บังอาจเตือนเรื่องใช้อำนาจ เพียงแต่เชื่อว่าหลายคนกำลังจับตามองอนาคตข้างหน้าว่าจะทำตามสัญญาหรือเปล่า อีกด้านหนึ่งมันก็ท้าทายกดดันหนักอยู่เหมือนกัน ในเมื่อทุกอย่างอยู่ในมือ สั่งซ้ายหันขวาหันได้ ทั้งรัฐบาล คสช. สนช. และในอนาคตยังมี สปช. กองทัพ สตช. องค์ประกอบพร้อม สังคมก็หนุนให้กำลังใจ แบบนี้ถ้าพลาดก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว
00 ในความเป็นจริง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าเป็นตัวแทนของ "กลุ่มอำนาจใหม่" ที่ใช้อำนาจผ่านกองทัพ ในนาม "สามสิงห์บูรพาพยัคฆ์" ที่มี "พี่ใหญ่-พี่รอง" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แท็กทีมกันขับเคลื่อน และแน่นอนว่า ที่ผ่านรวมทั้งในอนาคตพวกเขาจะร่วมกันมีบทบาททั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังต่อไป !!
00 หลายคนกำลังจับตามองว่า เส้นทางข้างหน้าในทางเปิดเผยของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะไปทางไหน จะมีบทบาทตรงจุดไหนในรัฐบาลใหม่ ระดับนี้คงไม่เหมาะกับเก้าอี้รัฐมนตรี แต่ให้จับตาตำแหน่ง "ประธานที่ปรึกษานายกฯ" เอาไว้ให้ดี หลังจากปัจจุบันรั้งเก้าอี้ "ประธานที่ปรึกษาคสช." อันน่าเกรงขามมาแล้ว ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ยังเดาทางยาก ยังเป็นไปได้ที่จะมานั่งเก้าอี้ในครม. ทั้งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม น่าลุ้นเหมือนกัน
00 ส่วนรัฐมนตรีรายอื่นที่มาจาก คสช. หลักๆ ที่เป็นผบ.เหล่าทัพ ที่ต้องเกษียณฯพร้อมกันในปลายเดือนก.ย. ก็ต้องมีตำแหน่ง รมต.รองรับกันทุกคนอยู่แล้ว ที่เด่นๆ ก็มี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รวมไปถึงคนที่ยังอยู่ในกองทัพอย่าง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา และ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เหล่านี้คือสายตรง พลาดไม่ได้อยู่แล้ว
00 อ้อ เกือบลืมไป แม้ว่าตามกม.ไม่อาจบังคับให้ คสช. ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. แต่เมื่อมีการยืนยันตรงกันออกมาแล้วว่า เมื่อใดก็ตามที่ คนใน คสช.ไปนั่งเก้าอี้เป็น รมต. ก็ต้องแสดงบัญชีให้ได้ทราบทั่วกัน นั่นก็หมายความว่า อีกไม่นานชาวบ้านจะได้รับทราบกันแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีทรัพย์สินเท่าไหร่ มีเงินสด มีหนี้สินหรือไม่ รวมทั้งระดับบิ๊กทั้งหลายอีกหลายคน แฮ่ม !!
00 แน่นอนว่าไม่ได้เหนือความคาดหมายที่ออกมาแบบนี้ เนื่องจากทุกอย่างวางไว้ล่วงหน้าตามขั้นตอน ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปสักองศาเดียว ถ้านายกฯไม่ใช่เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นสิแปลก อีกทั้งกระแสเรียกร้องจากรอบข้างทั้งในและภายนอก สนับสนุนกันเต็มเหนี่ยว หลากหลายอารมณ์ มีทั้งประเภท "ไม่อยากให้เสียของ" ไหนๆก็ยึดอำนาจมาแล้ว ก็ใช้อำนาจให้เต็มที่ไปเสียเลย ทำตาม "สัญญาประชาคม" ในระยะเวลา 1 ปี มันก็ไม่นานเกินไป ดังนั้นด้วยระยะเวลาที่ไม่นานเกินไป ประกอบกับคำสัญญาเรื่อง "ปฏิรูปทุกภาคส่วน" ก่อนการเลือกตั้ง นี่สิมันท้าทาย และเป็นความหวัง สิ่งเหล่านี้แหละที่เป็นเหตุผลสนับสนุนให้เขาต้อง "รวบอำนาจ" แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพียงผู้เดียว ทั้งหัวหน้า คสช. ที่ "คับฟ้า" อยู่แล้วบวกกับตำแหน่งนายกฯเข้าไปอีก ลองนึกดูแล้วกันว่า"แค่ไหน"
00 อย่างไรก็ดี นาทีนี้คงไม่บังอาจเตือนเรื่องใช้อำนาจ เพียงแต่เชื่อว่าหลายคนกำลังจับตามองอนาคตข้างหน้าว่าจะทำตามสัญญาหรือเปล่า อีกด้านหนึ่งมันก็ท้าทายกดดันหนักอยู่เหมือนกัน ในเมื่อทุกอย่างอยู่ในมือ สั่งซ้ายหันขวาหันได้ ทั้งรัฐบาล คสช. สนช. และในอนาคตยังมี สปช. กองทัพ สตช. องค์ประกอบพร้อม สังคมก็หนุนให้กำลังใจ แบบนี้ถ้าพลาดก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว
00 ในความเป็นจริง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าเป็นตัวแทนของ "กลุ่มอำนาจใหม่" ที่ใช้อำนาจผ่านกองทัพ ในนาม "สามสิงห์บูรพาพยัคฆ์" ที่มี "พี่ใหญ่-พี่รอง" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แท็กทีมกันขับเคลื่อน และแน่นอนว่า ที่ผ่านรวมทั้งในอนาคตพวกเขาจะร่วมกันมีบทบาททั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังต่อไป !!
00 หลายคนกำลังจับตามองว่า เส้นทางข้างหน้าในทางเปิดเผยของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะไปทางไหน จะมีบทบาทตรงจุดไหนในรัฐบาลใหม่ ระดับนี้คงไม่เหมาะกับเก้าอี้รัฐมนตรี แต่ให้จับตาตำแหน่ง "ประธานที่ปรึกษานายกฯ" เอาไว้ให้ดี หลังจากปัจจุบันรั้งเก้าอี้ "ประธานที่ปรึกษาคสช." อันน่าเกรงขามมาแล้ว ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ยังเดาทางยาก ยังเป็นไปได้ที่จะมานั่งเก้าอี้ในครม. ทั้งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม น่าลุ้นเหมือนกัน
00 ส่วนรัฐมนตรีรายอื่นที่มาจาก คสช. หลักๆ ที่เป็นผบ.เหล่าทัพ ที่ต้องเกษียณฯพร้อมกันในปลายเดือนก.ย. ก็ต้องมีตำแหน่ง รมต.รองรับกันทุกคนอยู่แล้ว ที่เด่นๆ ก็มี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รวมไปถึงคนที่ยังอยู่ในกองทัพอย่าง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา และ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เหล่านี้คือสายตรง พลาดไม่ได้อยู่แล้ว
00 อ้อ เกือบลืมไป แม้ว่าตามกม.ไม่อาจบังคับให้ คสช. ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. แต่เมื่อมีการยืนยันตรงกันออกมาแล้วว่า เมื่อใดก็ตามที่ คนใน คสช.ไปนั่งเก้าอี้เป็น รมต. ก็ต้องแสดงบัญชีให้ได้ทราบทั่วกัน นั่นก็หมายความว่า อีกไม่นานชาวบ้านจะได้รับทราบกันแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีทรัพย์สินเท่าไหร่ มีเงินสด มีหนี้สินหรือไม่ รวมทั้งระดับบิ๊กทั้งหลายอีกหลายคน แฮ่ม !!
