00 อีกนิดเดียวไม่กี่อึดใจเราก็จะได้นายกฯ คนใหม่ คนที่ 29 กันแล้ว จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากล็อกเอาไว้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยสภานิติบัญญัติฯ จะเสนอชื่อและโหวตเป็นเอกฉันท์ในวันนี้ ( 21 ส.ค.) ที่สำคัญจะเป็นการนั่งควบเก้าอี้หัวหน้าคสช. อันใหญ่โตเบ้อเริ่มเทิ่ม เรียกว่า "ซุปเปอร์อำนาจ" ชนิดที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้เลย แต่ที่น่าจับตาต่อไปก็คือ เขาจะใช้อำนาจที่มีอยู่ในมืออย่างไร สำเร็จตามความมุ่งหมายของ "มวลมหาประชาชน" หรือเปล่า นี่คือคำถาม
00 ก็จะไม่เป็นเอกฉันท์ได้อย่างไร เพราะสัญญาณที่ส่งตรงผ่านทาง ประธานสนช. พรเพชร วิชิตชลชัย แย้มออกมาล่วงหน้าแล้วว่า จะมีการเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้โหวตเป็นนายกฯ เพียงชื่อเดียว เมื่อเป็นแบบนี้มันไม่มีทางพลิกเป็นอย่างอื่นหรอก และที่สำคัญมันพลิกไม่ได้เสียด้วยซีพี่น้อง แต่ในทางการใช้อำนาจบริหารถือว่า "เบ็ดเสร็จ" เด็ดขาดที่สุด เพราะเมื่อควบทั้งหัวหน้าคสช. และนายกฯ ทำให้ทุกอย่างเดินหน้าได้รวดเร็วทันใจ มองอีกด้านหนึ่งมันก็เหมาะสำหรับ "ภาวะเฉพาะกาล" ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงแบบมีผลสัมฤทธิ์
00 อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือจะสามารถ "ควบคุมอารมณ์" ได้แค่ไหน ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละ นอกจากนี้ ยังมีตัวแปรสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ก็คือ "คนแวดล้อมรอบข้าง" คนพวกนี้ต้องระวังให้จงหนัก เพราะประเภท "ไม่มีปัญหา ดีครับท่าน ใช่ครับนาย" รวมทั้งพวก "พี่ๆ" ที่เคารพนับถือจนปฏิเสธไม่ได้ ระวังจะเสียหาย แม้ว่าจะมีอำนาจเต็มมือ แต่หากคนส่วนใหญ่ไม่แฮปปี้ตามเพลงที่เปิดให้ฟังทุกวัน มันก็เดินหน้าลำบากเหมือนกัน ไม่บังอาจเตือน แต่อยากให้ย้อนดูประวัติเก่าๆ แม้ว่าจะถูกปิดกั้น แต่ช่องทางการสื่อสารของชาวบ้านมันปิดกั้นไม่ได้ ตรงกันข้ามกลับรวดเร็วเป็นไฟลามทุ่งเสียด้วยซี
00 ที่น่าจับตาก็คือ เริ่มมีแรงเขย่าจากบรรดานักการเมืองออกมามากขึ้น แม้ว่าจะเป็นลักษณะท้วงติงตามหลักการ แต่เมื่ออิงแอบกับความจริงที่ปรากฏให้เห็น มันก็ทำให้เกิดอารมณ์ได้ไม่ยาก เช่น การยกตัวอย่างเรื่องบรรยากาศการรับสมัครคัดเลือกเป็น สปช. ที่ผ่านมาร่วมสัปดาห์แล้วยังมีคนเข้ามาสมัครทั่วประเทศไม่ถึงพันคน เพราะข่าวคราวเรื่อง "ล็อกสเปก" มาในแบบ "ผลัดกันเกาหลัง" อย่างที่ อดีต ส.ส.นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ จาก ปชป. เหน็บแนม รวมทั้งคนอื่นก็พูดในทำนองเดียวกัน ซึ่งในความเป็นจริงมันก็เป็นแบบนั้นเสียด้วย เมื่อบรรยากาศไม่เปิดกว้าง มันก็ทำให้คนที่ตั้งใจเข้ามา
ร่วมปฏิรูปออกแบบบ้านเมืองต้องชักเท้ากลับ กลายเป็นว่า คิดเอง ทำเอง กันในกลุ่มคนกันเอง ถ้ายังแก้ไขความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ มันก็น่าเป็นห่วงว่าจะเสียเวลาเปล่า
00 พูดก็พูดเถอะ ชาวบ้านเขารู้สึกสะดุดมาตั้งแต่ตั้งคณะกรรมการสรรหาสปช. แต่ละด้านล้วนจำกัดอยู่ในแวดวงคนกันเอง ในคอนเนกชั่น คสช. มากันแบบ "เพื่อนพ้องน้องพี่" แทนที่งานปฏิรูปต้องใช้คนนอก มีความเชี่ยวชาญหลากหลายเข้ามา เท่าที่เห็นมันไม่น่าเชื่อถือ ไม่ใช่ไม่เชื่อถือในความรู้ความสามารถ เพียงแต่ไม่เชื่อว่าจะปฏิรูปเพื่อคนส่วนใหญ่ หรือจะกระจายอำนาจมากกว่า รวบอำนาจ !!
00 นี่ก็เริ่มทะแม่งอยู่เหมือนกันกับความพยายาม "เบรก" วีระ สมความคิด ไม่ให้เคลื่อนไหวหลายครั้ง ทั้งเรื่องการเลี้ยงต้อนรับหลังจากพ้นคุกเขมร จนต้องเรียกเข้ารายงานตัวทำความเข้าใจ ขอร้องกัน ถัดมาก็ปรามผ่านทีวีพูล ห้ามวิจารณ์ "ฮุนเซน" ผู้นำเขมร อ้างว่าเกรงกระทบความสัมพันธ์ ล่าสุดก็มีทหารบุกเข้าไปเตือนถึงสถานที่แถลงข่าวการคัดค้านวิธีการให้ ปตท. แยกกิจการท่อก๊าซมาตั้งเป็นบริษัทใหม่ ตามที่คสช.เห็นชอบวิธีการไปแล้ว เรื่องแบบนี้มันน่าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ในอนาคต เพราะถือว่าเป็นจุดอ่อนไหวที่สำคัญ ประมาทไม่ได้ เป็นอันขาด !!
00 ในที่สุด "ระบบอาวุโส" ก็ไม่ใช่เป็นหลักยึดสูงสุดอีกต่อไป แม้ว่าจะมีคำสั่งคสช. ออกมาก่อนหน้านี้ ที่ให้เน้นในเรื่องลำดับอาวุโสในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ถึงขนาดที่ว่า มีการเทียบเคียงการครองยศ ไล่ลงไปเรื่อยๆ แต่มาวันนี้ในการเคาะชื่อ ผบ.ตร. คนใหม่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานกตช. เรียบร้อยแบบไม่พลิก นั่นคือ ได้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. อาวุโสอันดับสาม ขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.คนใหม่เรียบร้อย แม้จะมีเสียงวิจารณ์เรื่องร่ำรวย เรื่อง"นักเลงหุ้น" ก็เคลียร์ได้ไม่มีปัญหา เอาเป็นว่าสายนี้เขาแนบแน่นกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องรักของ "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไงล่ะ ยินดีด้วย !!
00 อีกเรื่องที่น่าจับตาก็คือ ข่าวลือข่าวปล่อย เด้งปลัดมหาดไทย วิบูลย์ สงวนพงศ์ มาช่วยราชการสำนักนายกฯ ข่าวนี้ทำเอาเจ้าตัวควันออกหู ตามสืบจนพบต้นตอว่า น่าจะลอยลมจาก"ขาใหญ" แถวๆ บุรีรัมย์ งานนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือลือให้หัวเสีย แต่ก็ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะทั้งคู่ต่างก็ถือว่าเป็น "มนุษย์พันธุ์พิเศษ" ต้องมีเรื่องสนุกตามมาแน่ !!
00 ก็จะไม่เป็นเอกฉันท์ได้อย่างไร เพราะสัญญาณที่ส่งตรงผ่านทาง ประธานสนช. พรเพชร วิชิตชลชัย แย้มออกมาล่วงหน้าแล้วว่า จะมีการเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้โหวตเป็นนายกฯ เพียงชื่อเดียว เมื่อเป็นแบบนี้มันไม่มีทางพลิกเป็นอย่างอื่นหรอก และที่สำคัญมันพลิกไม่ได้เสียด้วยซีพี่น้อง แต่ในทางการใช้อำนาจบริหารถือว่า "เบ็ดเสร็จ" เด็ดขาดที่สุด เพราะเมื่อควบทั้งหัวหน้าคสช. และนายกฯ ทำให้ทุกอย่างเดินหน้าได้รวดเร็วทันใจ มองอีกด้านหนึ่งมันก็เหมาะสำหรับ "ภาวะเฉพาะกาล" ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงแบบมีผลสัมฤทธิ์
00 อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือจะสามารถ "ควบคุมอารมณ์" ได้แค่ไหน ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละ นอกจากนี้ ยังมีตัวแปรสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ก็คือ "คนแวดล้อมรอบข้าง" คนพวกนี้ต้องระวังให้จงหนัก เพราะประเภท "ไม่มีปัญหา ดีครับท่าน ใช่ครับนาย" รวมทั้งพวก "พี่ๆ" ที่เคารพนับถือจนปฏิเสธไม่ได้ ระวังจะเสียหาย แม้ว่าจะมีอำนาจเต็มมือ แต่หากคนส่วนใหญ่ไม่แฮปปี้ตามเพลงที่เปิดให้ฟังทุกวัน มันก็เดินหน้าลำบากเหมือนกัน ไม่บังอาจเตือน แต่อยากให้ย้อนดูประวัติเก่าๆ แม้ว่าจะถูกปิดกั้น แต่ช่องทางการสื่อสารของชาวบ้านมันปิดกั้นไม่ได้ ตรงกันข้ามกลับรวดเร็วเป็นไฟลามทุ่งเสียด้วยซี
00 ที่น่าจับตาก็คือ เริ่มมีแรงเขย่าจากบรรดานักการเมืองออกมามากขึ้น แม้ว่าจะเป็นลักษณะท้วงติงตามหลักการ แต่เมื่ออิงแอบกับความจริงที่ปรากฏให้เห็น มันก็ทำให้เกิดอารมณ์ได้ไม่ยาก เช่น การยกตัวอย่างเรื่องบรรยากาศการรับสมัครคัดเลือกเป็น สปช. ที่ผ่านมาร่วมสัปดาห์แล้วยังมีคนเข้ามาสมัครทั่วประเทศไม่ถึงพันคน เพราะข่าวคราวเรื่อง "ล็อกสเปก" มาในแบบ "ผลัดกันเกาหลัง" อย่างที่ อดีต ส.ส.นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ จาก ปชป. เหน็บแนม รวมทั้งคนอื่นก็พูดในทำนองเดียวกัน ซึ่งในความเป็นจริงมันก็เป็นแบบนั้นเสียด้วย เมื่อบรรยากาศไม่เปิดกว้าง มันก็ทำให้คนที่ตั้งใจเข้ามา
ร่วมปฏิรูปออกแบบบ้านเมืองต้องชักเท้ากลับ กลายเป็นว่า คิดเอง ทำเอง กันในกลุ่มคนกันเอง ถ้ายังแก้ไขความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ มันก็น่าเป็นห่วงว่าจะเสียเวลาเปล่า
00 พูดก็พูดเถอะ ชาวบ้านเขารู้สึกสะดุดมาตั้งแต่ตั้งคณะกรรมการสรรหาสปช. แต่ละด้านล้วนจำกัดอยู่ในแวดวงคนกันเอง ในคอนเนกชั่น คสช. มากันแบบ "เพื่อนพ้องน้องพี่" แทนที่งานปฏิรูปต้องใช้คนนอก มีความเชี่ยวชาญหลากหลายเข้ามา เท่าที่เห็นมันไม่น่าเชื่อถือ ไม่ใช่ไม่เชื่อถือในความรู้ความสามารถ เพียงแต่ไม่เชื่อว่าจะปฏิรูปเพื่อคนส่วนใหญ่ หรือจะกระจายอำนาจมากกว่า รวบอำนาจ !!
00 นี่ก็เริ่มทะแม่งอยู่เหมือนกันกับความพยายาม "เบรก" วีระ สมความคิด ไม่ให้เคลื่อนไหวหลายครั้ง ทั้งเรื่องการเลี้ยงต้อนรับหลังจากพ้นคุกเขมร จนต้องเรียกเข้ารายงานตัวทำความเข้าใจ ขอร้องกัน ถัดมาก็ปรามผ่านทีวีพูล ห้ามวิจารณ์ "ฮุนเซน" ผู้นำเขมร อ้างว่าเกรงกระทบความสัมพันธ์ ล่าสุดก็มีทหารบุกเข้าไปเตือนถึงสถานที่แถลงข่าวการคัดค้านวิธีการให้ ปตท. แยกกิจการท่อก๊าซมาตั้งเป็นบริษัทใหม่ ตามที่คสช.เห็นชอบวิธีการไปแล้ว เรื่องแบบนี้มันน่าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ในอนาคต เพราะถือว่าเป็นจุดอ่อนไหวที่สำคัญ ประมาทไม่ได้ เป็นอันขาด !!
00 ในที่สุด "ระบบอาวุโส" ก็ไม่ใช่เป็นหลักยึดสูงสุดอีกต่อไป แม้ว่าจะมีคำสั่งคสช. ออกมาก่อนหน้านี้ ที่ให้เน้นในเรื่องลำดับอาวุโสในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ถึงขนาดที่ว่า มีการเทียบเคียงการครองยศ ไล่ลงไปเรื่อยๆ แต่มาวันนี้ในการเคาะชื่อ ผบ.ตร. คนใหม่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานกตช. เรียบร้อยแบบไม่พลิก นั่นคือ ได้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. อาวุโสอันดับสาม ขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.คนใหม่เรียบร้อย แม้จะมีเสียงวิจารณ์เรื่องร่ำรวย เรื่อง"นักเลงหุ้น" ก็เคลียร์ได้ไม่มีปัญหา เอาเป็นว่าสายนี้เขาแนบแน่นกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องรักของ "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไงล่ะ ยินดีด้วย !!
00 อีกเรื่องที่น่าจับตาก็คือ ข่าวลือข่าวปล่อย เด้งปลัดมหาดไทย วิบูลย์ สงวนพงศ์ มาช่วยราชการสำนักนายกฯ ข่าวนี้ทำเอาเจ้าตัวควันออกหู ตามสืบจนพบต้นตอว่า น่าจะลอยลมจาก"ขาใหญ" แถวๆ บุรีรัมย์ งานนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือลือให้หัวเสีย แต่ก็ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะทั้งคู่ต่างก็ถือว่าเป็น "มนุษย์พันธุ์พิเศษ" ต้องมีเรื่องสนุกตามมาแน่ !!