xs
xsm
sm
md
lg

จ่อฟันหมออุ้มบุญอีก3 โบ้ยตร.เช็กบิลคลินิก ปูดมีขบวนการขวางกม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (17 ส.ค.) นายชาตรี พินใย นิติกรชำนาญการพิเศษ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การตรวจสอบสถานบริการอีก 8 แห่งที่ให้บริการอุ้มบุญนั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยสบส.เข้าร่วม คาดว่าจะเริ่มตรวจสอบในสัปดาห์หน้า ส่วนรายชื่อแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญ ก่อนหน้านี้ได้ส่งไปยังแพทยสภา 2 ราย และล่าสุดได้ส่งไปอีก 1 ราย ซึ่งเป็นกรณีคลินิก “ออลไอวีเอฟ” ที่ปิดตัวหลบหนีในวันที่เข้าดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว เพราะมีการเปิดสถานพยาบาลเพิ่มเติมโดยไม่ขออนุญาต ส่วนรายชื่อแพทย์คนอื่นๆ ขณะนี้ต้องรอกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการเเพทยสภา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนชุดพิเศษกรณีอุ้มบุญ กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนแพทย์เพื่อให้ความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว ว่า ขณะนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบจริยธรรมแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญ เบื้องต้นต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน เนื่องจากมีขั้นตอนต่างๆ เพื่อความเป็นธรรมทุกฝ่าย ส่วนรายชื่อแพทย์อื่นๆ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องรอข้อมูลจากทางตำรวจ และสบส. ส่งมายังแพทยสภา คาดว่าจะมีความคืบหน้าและได้รับรายงานเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า
**ปูดมีขบวนการขวาง "ก.ม.อุ้มบุญ"
นพ.แท้จริง ศิริพานิช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า ในขณะนี้สังคมไทยมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาอุ้มบุญมากมายว่า ปัญหาเรื่องนี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง เพียงแต่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ที่มีการนำเทคโนโลยีมาเกี่ยวข้องด้วย หากมองถึงผลที่จะเกิด ซึ่งมีทั้งทางบวกและลบ หากนำไปใช้ถูกต้องก็เกิดประโยชน์ แต่หากนำไปใช้ไม่ถูกต้องก็ก่อให้เกิดผลลบ
ทั้งนี้ ประเด็นที่มีความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องอุ้มบุญ และทำให้เกิดปัญหาในทุกวันนี้คือเรื่อง "เทคโนโลยี" ที่มาเกี่ยวข้องกับ "ชีวิตมนุษย์" โดยสามารถนำมาสร้างชีวิตคนขึ้นมาได้ "ถ้าหากครอบครัวไหนมีบุตรยาก สามารถใช้เทคโนโลยีทำให้ชีวิตครอบครัวสมบูรณ์ ในทางกลับกัน ถ้านำมาทำการค้าก็หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรม เพราะมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน คล้ายๆ กับการค้ามนุษย์ คือ ไปซื้อเด็กมาเพื่อนำไปทำอะไรสักอย่าง เช่น แรงงานเด็ก ทาส ถ้าหากเป็นเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้เลย ถ้าเราไม่มีการควบคุม ปัญหานี้ก็คงจะวุ่นวายอย่างยิ่ง
ดังนั้น กฎ กติกา และกฎหมาย รวมถึงองค์กรที่รับผิดชอบตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นแพทยสภา สมาคมแพทย์ ตำรวจ ต้องบังคับใช้อย่างเข้มงวดและเข้มแข็ง เพราะอย่างที่ทราบกันว่าไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีการละเมิดกฎกติกาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการคอร์รัปชัน จึงทำให้มีความเป็นห่วงเรื่องอุ้มบุญ
"ควรจะเขียนไว้ในกฎกติกาว่า สิ่งใดทำได้ สิ่งใดทำไม่ได้ รวมทั้งบทลงโทษต้องสูง ไม่ใช่ปรับห้าพันบาท แต่ตอนทำรับค่าจ้างเป็นล้าน และหากมีการกระทำผิดเกิดขึ้น ไม่ควรมีการละเว้น เพราะที่ผ่านมา การลงโทษบางครั้งมักจะมีข้อยกเว้นให้กับบุคคลบางคน"
นพ.แท้จริง กล่าวต่อว่า ในการบังคับใช้กฎกติกาอย่างเข้มแข็งและเข้มงวดนั้นก็ต้องมีความจริงจัง และโปร่งใสในทุกขั้นตอนหรือกระบวนการขออนุญาตทำเด็กหลอดแก้วด้วย เพราะเรื่องของมนุษย์ มนุษยธรรม และศีลธรรมมีโอกาสเสี่ยงกระทำผิดสูง ซึ่งไทยสุ่มเสี่ยงมาก เพราะเงินสามารถซื้อคนได้ ฉะนั้นควรทำให้ยากไว้ก่อน
นพ.แท้จริง กล่าวว่า สำหรับครอบครัวที่มีใบสมรส และมีความจำเป็นต้องทำ คงตรวจสอบได้ไม่ยาก แต่ที่ยากคือจะทำอย่างไรที่จะกันคนไม่จำเป็น เช่น ไม่ได้สมรสกัน อยู่ตัวคนเดียวแต่อยากมีลูก ซึ่งต้องมีเหตุผล อย่างประเทศอื่นๆ ที่ทำได้ก็จะมีกฎหมายควบคุมจริงๆ ไม่เช่นนั้นก็อาจจะทะลักมาประเทศไทยหรือไม่ เพราะประเทศไทยไม่ใช่ประเทศแรกที่ทำ มีประเทศอื่นๆ ที่ทำ แต่ก็มีกฎหมายควบคุมอย่างเข้มงวด
ดังนั้นจึงย้อนกลับมาที่ว่าเราต้องทำให้ "โปร่งใส" ก็จะเป็นการป้องกันปัญหานี้ได้ดีที่สุดถึงแม้ว่าจะป้องกันปัญหาดังกล่าวไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม
"ปัญหาเด็กหลอดแก้วมีมานานแล้ว แต่แค่ไม่ออกมาสู่สังคม ปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้เกิดจากการเรียกร้องฟ้องร้องขึ้นจึงออกมาที่สื่อ แต่เมื่อก่อนมีปัญหาก็มีการพูดคุย จ่ายเงินกัน การแก้ไขปัญหาก็จบกันไป"
กรรมการสิทธิมนุษยชนผู้นี้ มองว่า ปัญหาอุ้มบุญนี้มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะการอุ้มบุญเฟื่องฟูมากในขณะนี้ แต่เหตุใดกฎหมายที่ควรจะออก ถึงเพิ่งจะมาออก
เขาเห็นว่า ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้มีกฎหมาย แต่มีกระบวนการที่ไม่อยากให้ออก ถึงขั้นมีอดีตรัฐมนตรีบางคนถูกพาดพิงถึงด้วย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเขามองโอกาสทำเงินมากกว่าเรื่องศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม
"เขาคำนึงแต่ธุรกิจอย่างเดียว พอเขารู้ว่าหากกฎหมายนี้ออกก็อาจจะทำให้ธุรกิจของเขาซบเซา จึงมีความพยายามดึงเรื่องกฎหมายนี้ไว้"
ดังนั้นปัญหาลักลอบอุ้มบุญที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ก็เพราะการนำเอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง ส่วนคุณธรรม จริยธรรม ไม่ต้องพูดถึง จะเอาเงินอย่างเดียว เพราะเขารู้ว่า คนอยากมีลูกให้ยอมจ่ายเท่าไหร่ก็ยอม จึงเกิดธุรกิจอุ้มบุญขึ้นมา หากเป็นเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากการนำเอามนุษย์มาค้าขาย.
กำลังโหลดความคิดเห็น