ณ เรือนจำคลองเปรม
วันที่ 15 สิงหาคม 2557 เวลา 13.00 น.
ถึง คุณสนธิจากใจทนายปุย
วันนี้ปุยและคุณสุวัตรได้ไปเยี่ยมคุณสนธิที่เรือนจำคลองเปรม เขียนคำร้องเสร็จเดินผ่านเข้าไปข้างในบรรยากาศก็รู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อย ไปเยี่ยมในฐานะทนายความ นั่งรออยู่ประมาณ 30 นาที คุณสนธิเดินออกมามีลูกกรงเหล็กสีขาวและมีกระจกใสกั้น คุณสนธิเดินมาหยิบโทรศัพท์ คุณสุวัตรก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยกัน แว็บแรกที่ปุยเห็นสนธิมันรู้สึกบอกไม่ถูก ไม่กล้ามองหน้า ไม่กล้าสบตา คุณสุวัตรพูดรายงานความคืบหน้าให้คุณสนธิทราบว่าทำอะไรไปบ้าง ตอนนี้ถึงขั้นตอนไหนและจะทำอะไรต่อไป สักพักน้ำตาก็ค่อยๆ ไหล ต้องนั่งหันหลังให้คุณสนธิ นั่งมองออกไปข้างนอกไม่กล้าหันกลับมา คุณสุวัตรถามคุณสนธิว่าคุยกับปุยไหม ปุยจึงหันกลับไปแต่ก็พูดไม่ออก เลยบอกว่าปุยไม่พูดนะ คุณสุวัตรจึงคุยกับคุณสนธิต่อ ปุยก็รู้ว่าอาทิตย์ที่ผ่านมา คุณสุวัตรเป็นห่วงคุณสนธิเหมือนที่ทุกคนห่วงแต่ในฐานะทนายต้องช่วยคุณสนธิให้ออกมาเร็วที่สุด ในวันที่ฟังคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พอฟังเสร็จเกือบเที่ยง คุณสุวัตรก็รีบกลับมาสำนักงานเพื่อเขียนฎีกา คำร้องขอให้ผู้พิพากษารับรองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว แล้วยื่นในบ่ายวันนั้นเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งคำร้องให้ศาลฎีกาสั่ง รุ่งขึ้นวันที่ 8 ประมาณ 4 โมงเย็น ศาลฎีกามีคำสั่งลงมาว่าไม่ให้ประกันเนื่องจากยังไม่มีผู้พิพากษาคนใดรับรองให้ฎีกาได้ ระหว่างนั้นก็ติดวันหยุดยาว ช่วงวันที่ 9-12 สิงหาคม เปิดทำการวันพุธที่ 13 คุณสุวัตรก็ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้ส่งคำร้องรับรองฎีกาโดยเร็วด้วย 3 วิธี ศาลท่านอนุญาตให้ส่งด้วยการส่งไปรษณีย์ด่วนพิเศษ
วันนี้วันศุกร์ที่ 15 คุณสุวัตรจึงพบคุณสนธิเพื่อแจ้งให้ทราบและจะได้เยี่ยมด้วย เพราะช่วงที่ผ่านมาก็พยายามคิดจะทำอย่างไร ที่จะให้คุณสนธิได้รับการประกันตัวโดยเร็วที่สุด เพราะเราได้ยื่นฎีกาไปแล้ว ปุยไม่คิดว่าทนายคนไหนจะทำได้ที่เมื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสร็จ ก็ยื่นฎีกาได้ภายในวันเดียว คุณสุวัตรพูดเสมอว่าคุณสนธิ คือ เพื่อน รู้จักคุณสนธิมากว่า 30 ปี ที่ผ่านมาคุณสนธิสู้กับพวกทรราชย์ เราก็ยืนหยัดสู้มาตลอด ไม่เคยกลัว ไม่เคยยอมแพ้ เราเชื่อในความดี ช่วงที่เริ่มต้นสู้มาปี 2548 สถานีเอเอสทีวี ก็ถูกสั่งปิด เราก็สู้ จนต่อมาศาลปกครองมีคำสั่งให้กรมประชาสัมพันธ์จ่ายค่าเสียหาย นอกจากนี้คุณสนธิก็ถูกแจ้งความ ฟ้องคดีเป็นร้อยๆคดีทั่วประเทศ แกนนำพันธมิตรทุกคนก็ยากลำบากในการเดินทางไปขึ้นศาลทั่วประเทศ จนทุกวันนี้ก็ยังมีคดีให้ต้องต่อสู้ วันเกิดคุณสนธิ ปุยเคยบอกว่า ขอให้คุณสนธิมีความสุขนะคะ ขออย่าให้คุณสนธิมีคดีเพิ่มนะคะ คุณสนธิก็จะหัวเราะและพูดว่า ขอได้ด้วยเหรอ เพราะคงไม่มีใครในประเทศนี้ที่ขึ้นเดินขึ้นโรงขึ้นศาลมากเท่าคุณสนธิ คุณสุวัตรพูดเสมอว่า เพื่อนลุงไม่ได้โกงชาติ ไม่ได้โกงบ้านโกงเมือง มันสู้เพื่อชาติ ยังไงลุงก็ต้องช่วยสนธิ
คดีนี้ในการต่อสู้คดีคุณสนธิก็นำสืบว่า บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูก ได้เข้าไปค้ำประกันเงินกู้ของบริษัท เดอะเอ็ม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ขณะนั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 หากไม่เข้าไปค้ำประกันบริษัทก็ต้องเจ๊ง พนักงาน ลูกน้อง อีกเป็นพันชีวิตต้องตกงาน คุณสนธิก็ยอมรับว่าการเข้าค้ำประกันครั้งนั้นไม่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ แต่ถามว่าธนาคารเสียหายไหม ธนาคารก็ไม่เสียหายเพราะมีหลักทรัพย์ค้ำประกันและคุ้มกับวงเงินกู้ และไม่มีผู้ถือหุ้นหรือผู้เสียหายคนใดเข้าร้องทุกข์หรือแจ้งความดำเนินคดีเลย
ถามว่าคุณสนธิทำเพื่อตนเองหรือไม่ โกงใครหรือไม่ ก็ไม่เลย ก็ใช้หนี้จนหมด ปุยและคุณสุวัตรไปฟังคำพิพากษากับคุณสนธิมาหลายคดี หลายครั้งที่ฟังคำพิพากษาบางครั้งก็ยกฟ้อง บางครั้งก็ไปนั่งรอคุณสนธิประกันตัว ในระหว่างรอประกันตัวคุณสนธิก็นั่งอ่านหนังสือที่เตรียมไปด้วยทุกครั้ง และคุณสนธิก็จะให้กำลังใจคุณสุวัตรว่า ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวเราก็อุทธรณ์ ฎีกาต่อ ก่อนไปฟังคำพิพากษาคดีนี้คุณ สุวัตรก็โทรศัพท์ไปถามคุณสนธิว่า “ธิ พรุ่งนี้พร้อมไหม ฟังแน่นะ” คุณสนธิตอบกลับมาว่า “ ฟังสิพี่ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ผมพร้อม” ตั้งแต่ทำคดีให้คุณสนธิร่วมกับคุณสุวัตร คุณสนธิไม่เคยบอกว่า พี่ผมไม่พร้อม คุณสนธิบอกเสมอ ผมจะสู้ ผมไม่กลัว เราต้องยอมรับกระบวนการยุติธรรม ถ้าจะเดินเข้าคุก ผมก็จะเดิน วันนี้คุณสนธิพิสูจน์ให้เห็นว่า สิ่งที่คุณสนธิพูดทุกอย่างเป็นความจริง คุณสนธิไม่เคยกลัว ไม่เคยคิดหนี
ปุยภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นทนายให้คุณสนธิในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คุณสุวัตรไม่ต้องพูดถึง เพราะอยู่เคียงข้างคุณสนธิ ไม่เคยถอยไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร หลายวันที่คุณสุวัตรนอนไม่หลับ กังวล เป็นห่วง
ก่อนกลับคุณสนธิบอกคุณสุวัตรว่าขอคุยกับปุยหน่อย แค่นี้ปุยก็น้ำตาไหลพราก พูดไม่ออก ได้แต่มองหน้า แววตาของคุณสนธิให้กำลังใจ คุณสนธิพูดว่า คนพัทลุงจะร้องไห้ทำไม ไม่ร้อง ผมหัวใจนักเลงแล้วชี้ไปที่หน้าอก ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง ปุยต้องเข้มแข็ง ปุยมองตาคุณสนธิเห็นแววตาที่มีความเมตตา เป็นห่วง และให้กำลังใจ ปุยยอมรับว่า หัวใจของผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งกว่าลูกกรงเหล็กสีขาวที่กั้นอยู่ข้างหน้ามาก
วันนี้ปุยรู้สึกว่าปุยคิดไม่ผิด ที่ปุยรู้สึกรักและศรัทธาในความดีและการกระทำของผู้ชายที่ชื่อ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ปุยรู้สึกว่าคุณสนธิเป็นเหมือน “เทียนแห่งธรรม” แม้จะมีพายุโหมกระหน่ำแต่เทียนเล่มนี้ก็ยังคงมีเปลวเทียนที่ส่องสว่างตลอดเวลา และไม่สงสัยเลยว่าทำไม ลูกน้อง คนใกล้ชิด พนักงานเอเอสทีวี และพี่น้องพันธมิตร จึงรักคุณสนธิ และเชื่อในสิ่งที่คุณสนธิทำ
อัจฉรา แสงขาว (ปุย)
วันที่ 15 สิงหาคม 2557 เวลา 13.00 น.
ถึง คุณสนธิจากใจทนายปุย
วันนี้ปุยและคุณสุวัตรได้ไปเยี่ยมคุณสนธิที่เรือนจำคลองเปรม เขียนคำร้องเสร็จเดินผ่านเข้าไปข้างในบรรยากาศก็รู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อย ไปเยี่ยมในฐานะทนายความ นั่งรออยู่ประมาณ 30 นาที คุณสนธิเดินออกมามีลูกกรงเหล็กสีขาวและมีกระจกใสกั้น คุณสนธิเดินมาหยิบโทรศัพท์ คุณสุวัตรก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยกัน แว็บแรกที่ปุยเห็นสนธิมันรู้สึกบอกไม่ถูก ไม่กล้ามองหน้า ไม่กล้าสบตา คุณสุวัตรพูดรายงานความคืบหน้าให้คุณสนธิทราบว่าทำอะไรไปบ้าง ตอนนี้ถึงขั้นตอนไหนและจะทำอะไรต่อไป สักพักน้ำตาก็ค่อยๆ ไหล ต้องนั่งหันหลังให้คุณสนธิ นั่งมองออกไปข้างนอกไม่กล้าหันกลับมา คุณสุวัตรถามคุณสนธิว่าคุยกับปุยไหม ปุยจึงหันกลับไปแต่ก็พูดไม่ออก เลยบอกว่าปุยไม่พูดนะ คุณสุวัตรจึงคุยกับคุณสนธิต่อ ปุยก็รู้ว่าอาทิตย์ที่ผ่านมา คุณสุวัตรเป็นห่วงคุณสนธิเหมือนที่ทุกคนห่วงแต่ในฐานะทนายต้องช่วยคุณสนธิให้ออกมาเร็วที่สุด ในวันที่ฟังคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พอฟังเสร็จเกือบเที่ยง คุณสุวัตรก็รีบกลับมาสำนักงานเพื่อเขียนฎีกา คำร้องขอให้ผู้พิพากษารับรองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว แล้วยื่นในบ่ายวันนั้นเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งคำร้องให้ศาลฎีกาสั่ง รุ่งขึ้นวันที่ 8 ประมาณ 4 โมงเย็น ศาลฎีกามีคำสั่งลงมาว่าไม่ให้ประกันเนื่องจากยังไม่มีผู้พิพากษาคนใดรับรองให้ฎีกาได้ ระหว่างนั้นก็ติดวันหยุดยาว ช่วงวันที่ 9-12 สิงหาคม เปิดทำการวันพุธที่ 13 คุณสุวัตรก็ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้ส่งคำร้องรับรองฎีกาโดยเร็วด้วย 3 วิธี ศาลท่านอนุญาตให้ส่งด้วยการส่งไปรษณีย์ด่วนพิเศษ
วันนี้วันศุกร์ที่ 15 คุณสุวัตรจึงพบคุณสนธิเพื่อแจ้งให้ทราบและจะได้เยี่ยมด้วย เพราะช่วงที่ผ่านมาก็พยายามคิดจะทำอย่างไร ที่จะให้คุณสนธิได้รับการประกันตัวโดยเร็วที่สุด เพราะเราได้ยื่นฎีกาไปแล้ว ปุยไม่คิดว่าทนายคนไหนจะทำได้ที่เมื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสร็จ ก็ยื่นฎีกาได้ภายในวันเดียว คุณสุวัตรพูดเสมอว่าคุณสนธิ คือ เพื่อน รู้จักคุณสนธิมากว่า 30 ปี ที่ผ่านมาคุณสนธิสู้กับพวกทรราชย์ เราก็ยืนหยัดสู้มาตลอด ไม่เคยกลัว ไม่เคยยอมแพ้ เราเชื่อในความดี ช่วงที่เริ่มต้นสู้มาปี 2548 สถานีเอเอสทีวี ก็ถูกสั่งปิด เราก็สู้ จนต่อมาศาลปกครองมีคำสั่งให้กรมประชาสัมพันธ์จ่ายค่าเสียหาย นอกจากนี้คุณสนธิก็ถูกแจ้งความ ฟ้องคดีเป็นร้อยๆคดีทั่วประเทศ แกนนำพันธมิตรทุกคนก็ยากลำบากในการเดินทางไปขึ้นศาลทั่วประเทศ จนทุกวันนี้ก็ยังมีคดีให้ต้องต่อสู้ วันเกิดคุณสนธิ ปุยเคยบอกว่า ขอให้คุณสนธิมีความสุขนะคะ ขออย่าให้คุณสนธิมีคดีเพิ่มนะคะ คุณสนธิก็จะหัวเราะและพูดว่า ขอได้ด้วยเหรอ เพราะคงไม่มีใครในประเทศนี้ที่ขึ้นเดินขึ้นโรงขึ้นศาลมากเท่าคุณสนธิ คุณสุวัตรพูดเสมอว่า เพื่อนลุงไม่ได้โกงชาติ ไม่ได้โกงบ้านโกงเมือง มันสู้เพื่อชาติ ยังไงลุงก็ต้องช่วยสนธิ
คดีนี้ในการต่อสู้คดีคุณสนธิก็นำสืบว่า บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูก ได้เข้าไปค้ำประกันเงินกู้ของบริษัท เดอะเอ็ม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ขณะนั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 หากไม่เข้าไปค้ำประกันบริษัทก็ต้องเจ๊ง พนักงาน ลูกน้อง อีกเป็นพันชีวิตต้องตกงาน คุณสนธิก็ยอมรับว่าการเข้าค้ำประกันครั้งนั้นไม่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ แต่ถามว่าธนาคารเสียหายไหม ธนาคารก็ไม่เสียหายเพราะมีหลักทรัพย์ค้ำประกันและคุ้มกับวงเงินกู้ และไม่มีผู้ถือหุ้นหรือผู้เสียหายคนใดเข้าร้องทุกข์หรือแจ้งความดำเนินคดีเลย
ถามว่าคุณสนธิทำเพื่อตนเองหรือไม่ โกงใครหรือไม่ ก็ไม่เลย ก็ใช้หนี้จนหมด ปุยและคุณสุวัตรไปฟังคำพิพากษากับคุณสนธิมาหลายคดี หลายครั้งที่ฟังคำพิพากษาบางครั้งก็ยกฟ้อง บางครั้งก็ไปนั่งรอคุณสนธิประกันตัว ในระหว่างรอประกันตัวคุณสนธิก็นั่งอ่านหนังสือที่เตรียมไปด้วยทุกครั้ง และคุณสนธิก็จะให้กำลังใจคุณสุวัตรว่า ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวเราก็อุทธรณ์ ฎีกาต่อ ก่อนไปฟังคำพิพากษาคดีนี้คุณ สุวัตรก็โทรศัพท์ไปถามคุณสนธิว่า “ธิ พรุ่งนี้พร้อมไหม ฟังแน่นะ” คุณสนธิตอบกลับมาว่า “ ฟังสิพี่ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ผมพร้อม” ตั้งแต่ทำคดีให้คุณสนธิร่วมกับคุณสุวัตร คุณสนธิไม่เคยบอกว่า พี่ผมไม่พร้อม คุณสนธิบอกเสมอ ผมจะสู้ ผมไม่กลัว เราต้องยอมรับกระบวนการยุติธรรม ถ้าจะเดินเข้าคุก ผมก็จะเดิน วันนี้คุณสนธิพิสูจน์ให้เห็นว่า สิ่งที่คุณสนธิพูดทุกอย่างเป็นความจริง คุณสนธิไม่เคยกลัว ไม่เคยคิดหนี
ปุยภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นทนายให้คุณสนธิในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คุณสุวัตรไม่ต้องพูดถึง เพราะอยู่เคียงข้างคุณสนธิ ไม่เคยถอยไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร หลายวันที่คุณสุวัตรนอนไม่หลับ กังวล เป็นห่วง
ก่อนกลับคุณสนธิบอกคุณสุวัตรว่าขอคุยกับปุยหน่อย แค่นี้ปุยก็น้ำตาไหลพราก พูดไม่ออก ได้แต่มองหน้า แววตาของคุณสนธิให้กำลังใจ คุณสนธิพูดว่า คนพัทลุงจะร้องไห้ทำไม ไม่ร้อง ผมหัวใจนักเลงแล้วชี้ไปที่หน้าอก ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง ปุยต้องเข้มแข็ง ปุยมองตาคุณสนธิเห็นแววตาที่มีความเมตตา เป็นห่วง และให้กำลังใจ ปุยยอมรับว่า หัวใจของผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งกว่าลูกกรงเหล็กสีขาวที่กั้นอยู่ข้างหน้ามาก
วันนี้ปุยรู้สึกว่าปุยคิดไม่ผิด ที่ปุยรู้สึกรักและศรัทธาในความดีและการกระทำของผู้ชายที่ชื่อ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ปุยรู้สึกว่าคุณสนธิเป็นเหมือน “เทียนแห่งธรรม” แม้จะมีพายุโหมกระหน่ำแต่เทียนเล่มนี้ก็ยังคงมีเปลวเทียนที่ส่องสว่างตลอดเวลา และไม่สงสัยเลยว่าทำไม ลูกน้อง คนใกล้ชิด พนักงานเอเอสทีวี และพี่น้องพันธมิตร จึงรักคุณสนธิ และเชื่อในสิ่งที่คุณสนธิทำ
อัจฉรา แสงขาว (ปุย)