สารวัตรทหารบุกรวบตัว ปธ.สภากทม."พิพัฒน์ ลาภปรารถนา" สก.เขตบางรัก อดีตสังกัดปชป. พร้อมที่ปรึกษา หลังผู้ค้าแผงลอยวัดหัวลำโพง ร้องเรียนถูกเรียกเก็บค่าคุ้มครองรายวัน เจ้าตัวปฏิเสธลั่นถูกฝ่ายเสียผลประโยชน์กลั่นแกล้ง ก่อนถูกนำไปควบคุมตัวในค่ายทหาร ตามกฏอัยการศึก ตร.ยังไม่ตั้งข้อหารอผลสอบสวนอีกครั้ง ขณะที่ โฆษก ปชป. เผยถูกขับออกจากพรรคนานแล้ว เหตุฝ่าฝืนมติพรรค
วานนี้ ( 14 ส.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.และเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารได้เชิญตัว นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ประธานสภากรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) เขตบางรัก พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายประเสริฐ พรมมิ เลขานุการมูลนิธิอุปถัมป์บางรัก และที่ปรึกษาของนายพิพัฒน์ ส่งมอบให้ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. หลังจากทั้งสองถูกผู้ค้าบริเวณหน้าทางเข้าวัดหัวลำโพง สามย่าน แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กทม.ร้องเรียนว่ามีการเรียกรับเงินเป็นค่าคุ้มครอง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าบริเวณแผงค้าริมทางเท้าด้านหน้าทางเข้าวัดหัวลำโพง เข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ทหารว่า ได้จ่ายเงินค่าคุ้มครองเพื่อวางแผงขายสินค้าให้กับนายกฤชวัฎ หรือศุภชัย หรือกุ๊บ วงศ์ธีรานุภาพ ผู้ค้าแผงขายน้ำส้มในบริเวณเดียวกันเป็นรวมแผงค้าทั้งหมด 17 ราย โดยจ่ายเป็นรายวัน รายสัปดาห์ ในอัตราตารางเมตรละ 200 บาทต่อวัน และคิดค่าไฟฟ้าดวงละ 20 บาทต่อวัน หากเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือมีการจัดงานที่วัดหัวลำโพง ก็จะถูกบวกเพิ่มค่าวางแผงค้าอีกตารางเมตรละ 100 บาท เพื่อไม่ให้ถูกเจ้าหน้าที่เทศกิจ สำนักงานเขตบางรัก มาจับกุมดำเนินคดี นอกจากนี้ยังไม่มีการกำหนดจุดผ่อนผันบนทางเท้าบริเวณดังกล่าวด้วย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหาร จึงลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกระทั่งพบข้อมูลว่า นายกฤชวัฎ ได้นำเงินไปมอบให้กับ นายประเสริฐ ก่อนส่งมอบให้กับ นายพิพัฒน์ จึงรวบรวมพยานหลักฐา ก่อนจะเชิญตัวนายพิพัฒน์ ไปควบคุมตัวที่ พล.ม.2 รอ. และกักตัวนายประเสริฐ ไว้ที่ห้องขัง บก.ป.โดยเบื้องต้นพบว่าการกระทำของบุคคลทั้งสอง เข้าข่ายฝ่าฝืนนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนขอปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหและเชื่อว่าเป็นการใส่ร้ายกัน ลองไปถามชาวบ้านในพื้นที่ดูได้เลยว่าที่ผ่านมาตนไม่ใช่เป็นคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้เลย ก็ยังงงๆ อยู่นับตั้งแต่มีคดีของ พล.ต.เจนรณรงค์ เดชวรรณ หรือเสธ.เจมส์ ผู้ทรงคุณวุฒิประจำสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ที่พัวพันกับการเรียกรับผลประโยชน์ผู้ค้าที่ย่านพัฒน์พงศ์ ก็เหมือนมีความพยายามโยงใยมาให้ถึงตน ทั้งที่จริงแล้วตนเป็นผู้ที่พยายามจะจัดระเบียบเรื่องเหล่านี้มาตลอด
“ผมเคยแนะนำในที่ประชุมร่วมกับทางสำนักงานเขตบางรัก หรือแม้กระทั่งในการปฏิบัติหน้าที่ในสภา กทม.ว่าเรื่องพวกนี้ควรจะต้องจัดการอย่างเป็นระบบ ควรจะคืนทางเท้าให้กับประชาชนใช้สัญจรบ้าง แต่กลายเป็นว่าไปกระทบกับกลุ่มคนที่เคยได้รับผลประโยชน์ ก็เลยพยายามจะหาเรื่องผม มันน่าจะมีขบวนการอะไรก็ไม่รู้ ผมเป็นแค่ สก.มีหน้าที่แค่ดูแลพื้นที่ให้ประชาชน แต่การดำเนินการทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของเขต เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้จะพูดยังไง” นายพิพัฒน์ กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ตนรู้สึกผิดหวังที่ดำเนินการเรื่องพวกนี้ กลับมาโดนเสียเอง รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ต่อไปคนที่จะทำเรื่องนี้ขึ้นมาก็ต้องโดนไปด้วยแล้วใครจะกล้าทำ ใครจะกล้าไปยุ่งเรื่องพวกนี้ ตนเป็น สก.เขตบางรัก มาแล้ว 4 สมัย ตลอดระยะเวลา 16 ปี คิดดูว่าจะทำเรื่องพวกนี้ไปทำไม ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเรื่องพวกนี้เลย ถ้าตนทำแบบนี้แล้วพี่น้องประชาชนคงไม่เลือกตนเข้ามา จึงต้องขออธิบายขอชี้แจงเพราะตนมีแต่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านในพื้นที่ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เชื่อว่าทุกท่านทราบดี พื้นที่ทางเท้าของ กทม.ถูกทำประโยชน์แบบนี้ มีแทบทุกเขตถึงขนาดมีการขายพื้นที่กันด้วยซ้ำ กรุงเทพมหานครก็รู้นะ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายประเสริฐ อ้างตัวว่าเป็นที่ปรึกษาของ สก.เขตบางรัก นั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนเป็น สก.ใครๆ ก็รู้จักตนดี แต่ยืนยันว่าไม่เคยตั้งใครเป็นที่ปรึกษา แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายประเสริฐ และได้เป็นที่ปรึกษาให้กับมูลนิธิซึ่งนายประเสริฐ เป็นเลขานุการ อยู่ เพราะเคยมาหยิบยืมเงินไปสร้างมูลนิธิ ตนก็เคยสอบถามว่าทำอะไรบ้าง เงินที่จะได้รับบริจาคต้องมาใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องโปร่งใส เช่น นำไปซื้อเครื่องมือแทพย์มอบให้กับทาง รพ.นำไปมอบเป็นทุนการศึกษากับนักเรียน นักศึกษา หรือแม้แต่นำไปใช้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ภัยพิบัติต่างๆ ตนก็เป็นแค่ที่ปรึกษาและให้คำแนะนำได้
นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ภารกิจและงานของตนมากอยู่แล้ว จึงไม่ได้รับที่จะเป็นประธานของมูลนิธิดังกล่าว ที่ผ่านมา ตนต้องลงพื้นที่กับทางสำนักงานเขตตลอดเวลา ตนไปทุกวัน แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เกิดจากสาเหตุใด และอยากให้ผู้ใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ได้จัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจัง ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น แม้ว่าตนจะต้องถูกกล่าวหาแบบนี้ แต่ก็ยินดีจะไปต่อสู้ในชั้นศาล ตนมีความคิดว่าขบวนการที่ทำ ถ้าสืบกันลึกๆ ก็น่าจะรู้ว่ามีใครบ้าง อย่าง เสธ.เจมส์ ตนก็บอกตามตรงว่าไม่รู้จักเลย ไม่รู้ว่ามีเหตุอะไรที่พัฒน์พงศ์ บ้าง ถามจาก ผอ.เขตหลายท่านที่เคยทำงานกับตนก็ได้
ผู้สื่อข่าวถามต่อ ทราบเรื่องการเก็บเงินค่าคุ้มครองจากแผงค้าต่างๆ ในเขตบางรัก หรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ไม่ทราบและไม่เคยยุ่งเกี่ยว แต่คิดว่าผู้ที่รู้เรื่องนี้ดีทุกท่านก็ทราบดีอยู่แล้ว เราก็ได้แต่ขอร้องให้พวกคุณคืนพื้นที่ทางเท้าบ้าง ก็ได้แต่ลมปาก บอกไปผู้บริหาร กทม.ท่านใดเคยทำได้บ้าง หรือบางทีทำไป แต่ไม่นานแบบผักชีโรยหน้า ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ตนก็ไม่รู้จะทำอะไรได้บ้างในฐานะ สก.คนหนึ่ง
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับ นายพิพัฒน์ และนายประเสริฐ เป็นแต่เพียงมีการควบคุมตัวตามอำนาจ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มีกำหนดเวลา 7 วัน เมื่อมีการซักถามและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ไว้แล้ว ทางทหารก็จะมีหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษมาถึงพนักงานสอบสวนอีกครั้ง ว่าจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาใดบ้าง โดยทั้งสองสามารถที่จะชี้แจงและนำข้อมูลหลักฐานต่างๆ มาให้กับพนักงานสอบสวน ซึ่งยืนยันว่าพร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
***'พิพัฒน์"' ถูกขับออกจากปชป.นานแล้ว
นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุตย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ประธานสภากรุงเทพมหานคร และ สก.เขตบางรัก ถูกทหารคุมตัวกรณี มีส่วนพัวพันเก็บส่วยพ่อค้าแม่ค้าย่านวัดหัวลำโพง ว่า ตนคงไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆได้ เพราะนายพิพัฒน์ ไม่ใช่สมาชิกพรรค เนื่องจากถูกขับออกจากพรรคไปนานแล้ว กรณีฝ่าฝืนมติพรรคลงสมัครเป็นประธานสภากทม. เมื่อปี 2555 ซึ่งในขณะนั้น พรรคมี มติส่ง นายสมชาย เวสารัชตระกูล สก.เขตสายไหม ลงสมัคร
วานนี้ ( 14 ส.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.และเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารได้เชิญตัว นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ประธานสภากรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) เขตบางรัก พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายประเสริฐ พรมมิ เลขานุการมูลนิธิอุปถัมป์บางรัก และที่ปรึกษาของนายพิพัฒน์ ส่งมอบให้ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. หลังจากทั้งสองถูกผู้ค้าบริเวณหน้าทางเข้าวัดหัวลำโพง สามย่าน แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กทม.ร้องเรียนว่ามีการเรียกรับเงินเป็นค่าคุ้มครอง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าบริเวณแผงค้าริมทางเท้าด้านหน้าทางเข้าวัดหัวลำโพง เข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ทหารว่า ได้จ่ายเงินค่าคุ้มครองเพื่อวางแผงขายสินค้าให้กับนายกฤชวัฎ หรือศุภชัย หรือกุ๊บ วงศ์ธีรานุภาพ ผู้ค้าแผงขายน้ำส้มในบริเวณเดียวกันเป็นรวมแผงค้าทั้งหมด 17 ราย โดยจ่ายเป็นรายวัน รายสัปดาห์ ในอัตราตารางเมตรละ 200 บาทต่อวัน และคิดค่าไฟฟ้าดวงละ 20 บาทต่อวัน หากเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือมีการจัดงานที่วัดหัวลำโพง ก็จะถูกบวกเพิ่มค่าวางแผงค้าอีกตารางเมตรละ 100 บาท เพื่อไม่ให้ถูกเจ้าหน้าที่เทศกิจ สำนักงานเขตบางรัก มาจับกุมดำเนินคดี นอกจากนี้ยังไม่มีการกำหนดจุดผ่อนผันบนทางเท้าบริเวณดังกล่าวด้วย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหาร จึงลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกระทั่งพบข้อมูลว่า นายกฤชวัฎ ได้นำเงินไปมอบให้กับ นายประเสริฐ ก่อนส่งมอบให้กับ นายพิพัฒน์ จึงรวบรวมพยานหลักฐา ก่อนจะเชิญตัวนายพิพัฒน์ ไปควบคุมตัวที่ พล.ม.2 รอ. และกักตัวนายประเสริฐ ไว้ที่ห้องขัง บก.ป.โดยเบื้องต้นพบว่าการกระทำของบุคคลทั้งสอง เข้าข่ายฝ่าฝืนนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนขอปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหและเชื่อว่าเป็นการใส่ร้ายกัน ลองไปถามชาวบ้านในพื้นที่ดูได้เลยว่าที่ผ่านมาตนไม่ใช่เป็นคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้เลย ก็ยังงงๆ อยู่นับตั้งแต่มีคดีของ พล.ต.เจนรณรงค์ เดชวรรณ หรือเสธ.เจมส์ ผู้ทรงคุณวุฒิประจำสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ที่พัวพันกับการเรียกรับผลประโยชน์ผู้ค้าที่ย่านพัฒน์พงศ์ ก็เหมือนมีความพยายามโยงใยมาให้ถึงตน ทั้งที่จริงแล้วตนเป็นผู้ที่พยายามจะจัดระเบียบเรื่องเหล่านี้มาตลอด
“ผมเคยแนะนำในที่ประชุมร่วมกับทางสำนักงานเขตบางรัก หรือแม้กระทั่งในการปฏิบัติหน้าที่ในสภา กทม.ว่าเรื่องพวกนี้ควรจะต้องจัดการอย่างเป็นระบบ ควรจะคืนทางเท้าให้กับประชาชนใช้สัญจรบ้าง แต่กลายเป็นว่าไปกระทบกับกลุ่มคนที่เคยได้รับผลประโยชน์ ก็เลยพยายามจะหาเรื่องผม มันน่าจะมีขบวนการอะไรก็ไม่รู้ ผมเป็นแค่ สก.มีหน้าที่แค่ดูแลพื้นที่ให้ประชาชน แต่การดำเนินการทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของเขต เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้จะพูดยังไง” นายพิพัฒน์ กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ตนรู้สึกผิดหวังที่ดำเนินการเรื่องพวกนี้ กลับมาโดนเสียเอง รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ต่อไปคนที่จะทำเรื่องนี้ขึ้นมาก็ต้องโดนไปด้วยแล้วใครจะกล้าทำ ใครจะกล้าไปยุ่งเรื่องพวกนี้ ตนเป็น สก.เขตบางรัก มาแล้ว 4 สมัย ตลอดระยะเวลา 16 ปี คิดดูว่าจะทำเรื่องพวกนี้ไปทำไม ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเรื่องพวกนี้เลย ถ้าตนทำแบบนี้แล้วพี่น้องประชาชนคงไม่เลือกตนเข้ามา จึงต้องขออธิบายขอชี้แจงเพราะตนมีแต่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านในพื้นที่ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เชื่อว่าทุกท่านทราบดี พื้นที่ทางเท้าของ กทม.ถูกทำประโยชน์แบบนี้ มีแทบทุกเขตถึงขนาดมีการขายพื้นที่กันด้วยซ้ำ กรุงเทพมหานครก็รู้นะ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายประเสริฐ อ้างตัวว่าเป็นที่ปรึกษาของ สก.เขตบางรัก นั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนเป็น สก.ใครๆ ก็รู้จักตนดี แต่ยืนยันว่าไม่เคยตั้งใครเป็นที่ปรึกษา แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายประเสริฐ และได้เป็นที่ปรึกษาให้กับมูลนิธิซึ่งนายประเสริฐ เป็นเลขานุการ อยู่ เพราะเคยมาหยิบยืมเงินไปสร้างมูลนิธิ ตนก็เคยสอบถามว่าทำอะไรบ้าง เงินที่จะได้รับบริจาคต้องมาใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องโปร่งใส เช่น นำไปซื้อเครื่องมือแทพย์มอบให้กับทาง รพ.นำไปมอบเป็นทุนการศึกษากับนักเรียน นักศึกษา หรือแม้แต่นำไปใช้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ภัยพิบัติต่างๆ ตนก็เป็นแค่ที่ปรึกษาและให้คำแนะนำได้
นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ภารกิจและงานของตนมากอยู่แล้ว จึงไม่ได้รับที่จะเป็นประธานของมูลนิธิดังกล่าว ที่ผ่านมา ตนต้องลงพื้นที่กับทางสำนักงานเขตตลอดเวลา ตนไปทุกวัน แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เกิดจากสาเหตุใด และอยากให้ผู้ใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ได้จัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจัง ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น แม้ว่าตนจะต้องถูกกล่าวหาแบบนี้ แต่ก็ยินดีจะไปต่อสู้ในชั้นศาล ตนมีความคิดว่าขบวนการที่ทำ ถ้าสืบกันลึกๆ ก็น่าจะรู้ว่ามีใครบ้าง อย่าง เสธ.เจมส์ ตนก็บอกตามตรงว่าไม่รู้จักเลย ไม่รู้ว่ามีเหตุอะไรที่พัฒน์พงศ์ บ้าง ถามจาก ผอ.เขตหลายท่านที่เคยทำงานกับตนก็ได้
ผู้สื่อข่าวถามต่อ ทราบเรื่องการเก็บเงินค่าคุ้มครองจากแผงค้าต่างๆ ในเขตบางรัก หรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ไม่ทราบและไม่เคยยุ่งเกี่ยว แต่คิดว่าผู้ที่รู้เรื่องนี้ดีทุกท่านก็ทราบดีอยู่แล้ว เราก็ได้แต่ขอร้องให้พวกคุณคืนพื้นที่ทางเท้าบ้าง ก็ได้แต่ลมปาก บอกไปผู้บริหาร กทม.ท่านใดเคยทำได้บ้าง หรือบางทีทำไป แต่ไม่นานแบบผักชีโรยหน้า ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ตนก็ไม่รู้จะทำอะไรได้บ้างในฐานะ สก.คนหนึ่ง
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับ นายพิพัฒน์ และนายประเสริฐ เป็นแต่เพียงมีการควบคุมตัวตามอำนาจ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มีกำหนดเวลา 7 วัน เมื่อมีการซักถามและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ไว้แล้ว ทางทหารก็จะมีหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษมาถึงพนักงานสอบสวนอีกครั้ง ว่าจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาใดบ้าง โดยทั้งสองสามารถที่จะชี้แจงและนำข้อมูลหลักฐานต่างๆ มาให้กับพนักงานสอบสวน ซึ่งยืนยันว่าพร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
***'พิพัฒน์"' ถูกขับออกจากปชป.นานแล้ว
นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุตย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ประธานสภากรุงเทพมหานคร และ สก.เขตบางรัก ถูกทหารคุมตัวกรณี มีส่วนพัวพันเก็บส่วยพ่อค้าแม่ค้าย่านวัดหัวลำโพง ว่า ตนคงไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆได้ เพราะนายพิพัฒน์ ไม่ใช่สมาชิกพรรค เนื่องจากถูกขับออกจากพรรคไปนานแล้ว กรณีฝ่าฝืนมติพรรคลงสมัครเป็นประธานสภากทม. เมื่อปี 2555 ซึ่งในขณะนั้น พรรคมี มติส่ง นายสมชาย เวสารัชตระกูล สก.เขตสายไหม ลงสมัคร