**คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้ทำการปฏิวัติรัฐประหารประเทศไทยตั้งแต่ 22 พ.ค. 2 เดือนครึ่งผ่านมาเป็นอย่างไร ทุกคนได้เห็นผ่านตา ได้ฟังผ่านหูไปแล้ว สำหรับการบริหารประเทศภายใต้คสช.
โรดแมปขั้นแรกตามที่คสช.ระบุไว้ เป็นการสะสาง กวาดขยะ ล้างเศษตะกอนที่เหลือทิ้งไว้ โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองที่บริหารประเทศมายาวนาน มีดีบ้างเลวบ้างตามประสา แต่ คสช.มองว่าเลวมากกว่าดี จึงอาศัยกำลังทหารเข้ามายึดไปทำเอง
เสียงโจษจันวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงต้น ถือว่าน้อยมาก เนื่องเพราะ คสช.เองกดเอาไว้ กฎอัยการศึก ยังคงใช้อยู่อย่างยาวนาน จนหลายคนรู้สึกว่านานเกินไปแล้ว ซึ่งไม่ส่งผลในทางที่ดีกับประเทศแน่ โดยเฉพาะสายตาของชาวต่างชาติ ถึง คสช.จะอธิบายเหตุผลความจำเป็นจนน้ำลายหมดไป 3 ปี๊บ ก็ดูเหมือนจะเปล่าดายเสียมากกว่า เพราะเขาดูที่การกระทำ มากกว่าคำพูด
อีกประการหนึ่งที่เสียงวิจารณ์น้อย เพราะเห็นว่าในเมื่อคสช. บอกว่าจะตั้งใจจริงในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงประเทศ ก็ลองปล่อยให้ทำไปก่อน รอดูก่อน เอาให้เต็มที่ ถ้าไปได้ไม่สวยค่อยออกมาวิจารณ์ยังทันเวลา เพราะคสช.ประกาศแล้ว จะอยู่ในอำนาจอย่างน้อยๆ ก็ 1-2 ปี
**นับจากนี้ไปถือว่า เข้าสู่โรดแมป ระยะที่ 2 ความเข้มข้นท้าทาย จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวสำหรับคสช. ในฐานะนักการบริหารมือใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องถอดเครื่องแบบผู้นำทหาร มานำการบริหารบ้านเมือง และการเมือง ต้องเจออุปสรรค ความท้าทาย และแรงเสียดทาน มากขึ้นแน่นอน
อย่างที่บอกไป โรดแมปขั้นแรก ยังเป็นแค่การแนะนำตัว ทุกคนให้โอกาสรอดูก่อน มาถึงขั้นที่ 2 ทุกคนเตรียมพร้อมชำแหละ หลังจากรู้หน้าไพ่ของคสช.หมดแล้ว ว่ามีอะไรบ้าง ใครเป็นใคร รู้หน้าตักของ พล.อ.ประยุทธ์ หมดแล้ว พร้อมทั้งประเมินว่า“ไม่มีอะไรมาก”
ล่าสุด “เดอะปึ้ง”สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ จากพรรคเพื่อไทย ออกมางับคสช. ดักคอกันไว้แต่เนิ่นๆ การตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) รวมทั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องเอาคนมีความรู้ความสามารถ อย่าเอาแต่ทหารเข้ามาแล้วทำงานไม่ได้ เสียของ ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าได้คนที่ไม่ได้ใกล้ชิดประชาชนจริง จะสะท้อนปัญหาของประเทศชาติ ประชาชนได้อย่างไร !!!
คสช.ได้ฟังแล้วระคายหู แต่น่าจะเอาข้อเท็จจริงไปไตร่ตรองดูบ้าง เพราะการตั้ง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนนินทา หมาดูถูก ให้ขรมเมือง ตั้งกันมากากี่นั้ง ทหารมากกว่าครึ่ง หวั่นใจว่าพอถึงเวลาทำงานเข้าจริงๆ อาจไม่เป็นโล้เป็นพาย ตัวขับเคลื่อนข้อกฎหายจริงๆแล้วมีไม่กี่คนเท่านั้น นี่น่ะหรือโฉมหน้าคนที่จะมาผลักดันพิจารณากฎหมายสำคัญๆ ของประเทศ !!!
** เอาล่ะไม่อยากติเรือทั้งโกลน ก็ขอรอดูการทำงานไปก่อน ปรามาสไว้เยอะๆ อาจทำได้ดีกว่าที่คาดก็ได้ กระนั้นก็ตาม คงต้องฝากฝังให้คสช.พิจารณาจัดตั้งคนมาเป็น สปช. และ ครม. ให้สวยงามกว่า สนช. ที่มีปัญหาในเรื่องของความศรัทธา อีกทั้งยังเลือกมาแบบบิดๆ เบี้ยวๆ ถูกยื่นถอดถอนตามมาอีกวุ่นวาย
สำคัญเหนืออื่นใด คสช.ต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ก่อน
ไม่ใช่เอาแต่เล่นพรรคเล่นพวก ไม่ใช่เห็นคนดีคนเก่งแต่อยู่คนละขั้ว คนละฝ่าย ก็หลับตาทำเมินเสียอย่างนั้น ตรรกะแนวคิดแบบนี้ไม่ดีแน่ ไม่สมกับที่บอกว่าจะมาทำเพื่อบ้านเมือง ถ้าทำอย่างนั้นต้องไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ต้องเอาคนดีคนเก่งมาใช้ ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนก็ตาม
ตัวแทนที่เปิดหน้าไพ่ออกมาของ คสช. ล้วนแล้วแต่เป็นบูรพาพยัคฆ์ ถือเป็นจุดอ่อนเปิดคางให้ทิ่มหมัดวิจารณ์ ดูแล้วไม่มีอะไรมาก ถือไพ่ตัวไม่ใหญ่ จากนี้คงจะถูกเกทับไปเรื่อยๆ
วันนี้สำรวจตรวจตราองคาพยพรอบด้านแล้ว ก็เห็นจะมีเพียงฝ่ายทหาร ข้าราชการประจำ และเครือข่ายอีกเล็กน้อยเท่านั้น ที่พร้อมเดินไปเคียงข้างกัน แต่เหลือบมองไปดูฝ่ายการเมืองและแนวร่วมต่างๆ เขาไม่เอาด้วย อย่างพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายคนเสื้อแดงนั้นชัดเจน ทางใครทางมัน เดินเป็นคู่ขนานไม่มีทางบรรจบกันได้อยู่แล้ว จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านไปตลอดปี สองปีนี้
ขณะที่ฝ่ายพันธมิตรฯ กปปส. ชักเริ่มแปลกแปล่ง ขัดแย้งภายใน ไม่ลงรอยกินเส้นกับ คสช. ฟากฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ ก็เหมือนถูกคสช. กันไว้ชั้นนอก จึงอาจเปลี่ยนบทเล่น จากเด็กดี ก็กลายมาเป็นหน่วยเฝ้าระแวง คอยจับผิด วันนี้พลิกมุมมาเล่นเรื่องข้าวแบบเต็มตัว จับเรื่องนี้เป็นหลัก ซุ่มโป่งรอดูว่า คสช. จะจัดการปัญหานี้อย่างไร จะปล่อยผู้ร้ายลอยนวล หรือสมคบคิดปล่อยตัวคนโกง หรือไม่
**กำลังดูว่า จะมีการเคลียปัญหาให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือเปล่า ?
หันไปดูภาคธุรกิจเอกชนก็น่าหวั่นใจ เพราะระยะยาวลำบากแน่ ทำงานกับรัฐบาลประชาธิปไตย ง่ายกว่ารัฐบาลทหารเยอะ อย่างน้อยในแง่ของการลงทุน การยอมรับ การเปิดกว้างจากนานาชาติมันต่างกันชนิดหน้ามือหลังมือ แค่เอ่ยอ้างว่าประเทศอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทหาร ก็ไม่อยากมีใครคบค้าสมาคมด้วย ดังนั้นจึงเป็นโจทย์การบ้านของ คสช. ที่จะแก้ปัญหาเหลี่ยมมุมนี้อย่างไร ให้ได้รับการยอมรับจากภาคเอกชน
จากนี้ไปเป็นโรดแมป ขั้นที่2 ที่ไม่ใช่งานง่ายของคสช.อีกต่อไป หลังผ่านช่วงฮันนีมูน โรดแมป ขั้นที่ 1 พล.อ.ประยุทธ์ ได้โอกาสโชว์บทเด่น เป็นนัมเบอร์วันอย่างเต็มที่ เท่สุดๆ นับแต่นี้อาจไม่เด่นเท่าเก่า แต่ต้องเจอแรงกดดัน เสียดทานมากกว่าเก่า
**เหมือนเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ที่ผ่านด่านแรก ด่านหมูๆ มาแล้ว ก็ต้องเจอด่านที่ยากขึ้น ต้องโดดข้ามเหว ก้มหมอบหลบเท้ามากขึ้น สิ่งกีดขวางมากขึ้น ดีไม่ดีอาจโดนค้อนทุบหัวตกเหวตายไปเสียก่อนที่จะได้ไปต่อด่านต่อไป หรือโรดแมป ขั้นที่ 3
เรื่องบริหารประเทศไม่ใช่งานง่าย เหมือนอย่างที่คิด บางคนคิดได้ จะทำนู่นนี่นั่น สวยงามวิมานในอากาศ แต่ครั้นมาลงมือทำจริงๆ กลายเป็นคนละเรื่อง จากดอกเตอร์ อาจกลายเป็นเด็กอมมือ ฉะนั้นจึงย้ำว่า ในระยะที่บ้านเมืองต้องการความเปลี่ยนแปลงแบบเร่งด่วน เวลาแค่ปี สองปี จำเป็นต้องใช้คนดี คนเก่ง มีประสบการณ์ มาประคับประคอง
** ถ้ายังมีเรื่องของความเกรงใจ เรื่องผลประโยชน์มาซ้อนทับ ก็ยากจะเดินไปสู่จุดหมาย หนำซ้ำจะถูกค่อนแคะให้เสียกำลังใจ การใหญ่จะไม่สำเร็จ ดังนั้นต้องแน่วแน่ ตั้งใจจริง ยึดประโยชน์ประเทศชาติ ประชาชนเหนืออื่นใด ทุกคนจึงจะพอฝากความหวังได้ และเป็นกำลังใจ เอาใจช่วย คสช. ต้องแสดงให้เห็นจุดนี้อย่างต่อเนื่อง มั่นคง
โรดแมปขั้นแรกตามที่คสช.ระบุไว้ เป็นการสะสาง กวาดขยะ ล้างเศษตะกอนที่เหลือทิ้งไว้ โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองที่บริหารประเทศมายาวนาน มีดีบ้างเลวบ้างตามประสา แต่ คสช.มองว่าเลวมากกว่าดี จึงอาศัยกำลังทหารเข้ามายึดไปทำเอง
เสียงโจษจันวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงต้น ถือว่าน้อยมาก เนื่องเพราะ คสช.เองกดเอาไว้ กฎอัยการศึก ยังคงใช้อยู่อย่างยาวนาน จนหลายคนรู้สึกว่านานเกินไปแล้ว ซึ่งไม่ส่งผลในทางที่ดีกับประเทศแน่ โดยเฉพาะสายตาของชาวต่างชาติ ถึง คสช.จะอธิบายเหตุผลความจำเป็นจนน้ำลายหมดไป 3 ปี๊บ ก็ดูเหมือนจะเปล่าดายเสียมากกว่า เพราะเขาดูที่การกระทำ มากกว่าคำพูด
อีกประการหนึ่งที่เสียงวิจารณ์น้อย เพราะเห็นว่าในเมื่อคสช. บอกว่าจะตั้งใจจริงในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงประเทศ ก็ลองปล่อยให้ทำไปก่อน รอดูก่อน เอาให้เต็มที่ ถ้าไปได้ไม่สวยค่อยออกมาวิจารณ์ยังทันเวลา เพราะคสช.ประกาศแล้ว จะอยู่ในอำนาจอย่างน้อยๆ ก็ 1-2 ปี
**นับจากนี้ไปถือว่า เข้าสู่โรดแมป ระยะที่ 2 ความเข้มข้นท้าทาย จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวสำหรับคสช. ในฐานะนักการบริหารมือใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องถอดเครื่องแบบผู้นำทหาร มานำการบริหารบ้านเมือง และการเมือง ต้องเจออุปสรรค ความท้าทาย และแรงเสียดทาน มากขึ้นแน่นอน
อย่างที่บอกไป โรดแมปขั้นแรก ยังเป็นแค่การแนะนำตัว ทุกคนให้โอกาสรอดูก่อน มาถึงขั้นที่ 2 ทุกคนเตรียมพร้อมชำแหละ หลังจากรู้หน้าไพ่ของคสช.หมดแล้ว ว่ามีอะไรบ้าง ใครเป็นใคร รู้หน้าตักของ พล.อ.ประยุทธ์ หมดแล้ว พร้อมทั้งประเมินว่า“ไม่มีอะไรมาก”
ล่าสุด “เดอะปึ้ง”สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ จากพรรคเพื่อไทย ออกมางับคสช. ดักคอกันไว้แต่เนิ่นๆ การตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) รวมทั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องเอาคนมีความรู้ความสามารถ อย่าเอาแต่ทหารเข้ามาแล้วทำงานไม่ได้ เสียของ ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าได้คนที่ไม่ได้ใกล้ชิดประชาชนจริง จะสะท้อนปัญหาของประเทศชาติ ประชาชนได้อย่างไร !!!
คสช.ได้ฟังแล้วระคายหู แต่น่าจะเอาข้อเท็จจริงไปไตร่ตรองดูบ้าง เพราะการตั้ง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนนินทา หมาดูถูก ให้ขรมเมือง ตั้งกันมากากี่นั้ง ทหารมากกว่าครึ่ง หวั่นใจว่าพอถึงเวลาทำงานเข้าจริงๆ อาจไม่เป็นโล้เป็นพาย ตัวขับเคลื่อนข้อกฎหายจริงๆแล้วมีไม่กี่คนเท่านั้น นี่น่ะหรือโฉมหน้าคนที่จะมาผลักดันพิจารณากฎหมายสำคัญๆ ของประเทศ !!!
** เอาล่ะไม่อยากติเรือทั้งโกลน ก็ขอรอดูการทำงานไปก่อน ปรามาสไว้เยอะๆ อาจทำได้ดีกว่าที่คาดก็ได้ กระนั้นก็ตาม คงต้องฝากฝังให้คสช.พิจารณาจัดตั้งคนมาเป็น สปช. และ ครม. ให้สวยงามกว่า สนช. ที่มีปัญหาในเรื่องของความศรัทธา อีกทั้งยังเลือกมาแบบบิดๆ เบี้ยวๆ ถูกยื่นถอดถอนตามมาอีกวุ่นวาย
สำคัญเหนืออื่นใด คสช.ต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ก่อน
ไม่ใช่เอาแต่เล่นพรรคเล่นพวก ไม่ใช่เห็นคนดีคนเก่งแต่อยู่คนละขั้ว คนละฝ่าย ก็หลับตาทำเมินเสียอย่างนั้น ตรรกะแนวคิดแบบนี้ไม่ดีแน่ ไม่สมกับที่บอกว่าจะมาทำเพื่อบ้านเมือง ถ้าทำอย่างนั้นต้องไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ต้องเอาคนดีคนเก่งมาใช้ ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนก็ตาม
ตัวแทนที่เปิดหน้าไพ่ออกมาของ คสช. ล้วนแล้วแต่เป็นบูรพาพยัคฆ์ ถือเป็นจุดอ่อนเปิดคางให้ทิ่มหมัดวิจารณ์ ดูแล้วไม่มีอะไรมาก ถือไพ่ตัวไม่ใหญ่ จากนี้คงจะถูกเกทับไปเรื่อยๆ
วันนี้สำรวจตรวจตราองคาพยพรอบด้านแล้ว ก็เห็นจะมีเพียงฝ่ายทหาร ข้าราชการประจำ และเครือข่ายอีกเล็กน้อยเท่านั้น ที่พร้อมเดินไปเคียงข้างกัน แต่เหลือบมองไปดูฝ่ายการเมืองและแนวร่วมต่างๆ เขาไม่เอาด้วย อย่างพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายคนเสื้อแดงนั้นชัดเจน ทางใครทางมัน เดินเป็นคู่ขนานไม่มีทางบรรจบกันได้อยู่แล้ว จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านไปตลอดปี สองปีนี้
ขณะที่ฝ่ายพันธมิตรฯ กปปส. ชักเริ่มแปลกแปล่ง ขัดแย้งภายใน ไม่ลงรอยกินเส้นกับ คสช. ฟากฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ ก็เหมือนถูกคสช. กันไว้ชั้นนอก จึงอาจเปลี่ยนบทเล่น จากเด็กดี ก็กลายมาเป็นหน่วยเฝ้าระแวง คอยจับผิด วันนี้พลิกมุมมาเล่นเรื่องข้าวแบบเต็มตัว จับเรื่องนี้เป็นหลัก ซุ่มโป่งรอดูว่า คสช. จะจัดการปัญหานี้อย่างไร จะปล่อยผู้ร้ายลอยนวล หรือสมคบคิดปล่อยตัวคนโกง หรือไม่
**กำลังดูว่า จะมีการเคลียปัญหาให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือเปล่า ?
หันไปดูภาคธุรกิจเอกชนก็น่าหวั่นใจ เพราะระยะยาวลำบากแน่ ทำงานกับรัฐบาลประชาธิปไตย ง่ายกว่ารัฐบาลทหารเยอะ อย่างน้อยในแง่ของการลงทุน การยอมรับ การเปิดกว้างจากนานาชาติมันต่างกันชนิดหน้ามือหลังมือ แค่เอ่ยอ้างว่าประเทศอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทหาร ก็ไม่อยากมีใครคบค้าสมาคมด้วย ดังนั้นจึงเป็นโจทย์การบ้านของ คสช. ที่จะแก้ปัญหาเหลี่ยมมุมนี้อย่างไร ให้ได้รับการยอมรับจากภาคเอกชน
จากนี้ไปเป็นโรดแมป ขั้นที่2 ที่ไม่ใช่งานง่ายของคสช.อีกต่อไป หลังผ่านช่วงฮันนีมูน โรดแมป ขั้นที่ 1 พล.อ.ประยุทธ์ ได้โอกาสโชว์บทเด่น เป็นนัมเบอร์วันอย่างเต็มที่ เท่สุดๆ นับแต่นี้อาจไม่เด่นเท่าเก่า แต่ต้องเจอแรงกดดัน เสียดทานมากกว่าเก่า
**เหมือนเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ที่ผ่านด่านแรก ด่านหมูๆ มาแล้ว ก็ต้องเจอด่านที่ยากขึ้น ต้องโดดข้ามเหว ก้มหมอบหลบเท้ามากขึ้น สิ่งกีดขวางมากขึ้น ดีไม่ดีอาจโดนค้อนทุบหัวตกเหวตายไปเสียก่อนที่จะได้ไปต่อด่านต่อไป หรือโรดแมป ขั้นที่ 3
เรื่องบริหารประเทศไม่ใช่งานง่าย เหมือนอย่างที่คิด บางคนคิดได้ จะทำนู่นนี่นั่น สวยงามวิมานในอากาศ แต่ครั้นมาลงมือทำจริงๆ กลายเป็นคนละเรื่อง จากดอกเตอร์ อาจกลายเป็นเด็กอมมือ ฉะนั้นจึงย้ำว่า ในระยะที่บ้านเมืองต้องการความเปลี่ยนแปลงแบบเร่งด่วน เวลาแค่ปี สองปี จำเป็นต้องใช้คนดี คนเก่ง มีประสบการณ์ มาประคับประคอง
** ถ้ายังมีเรื่องของความเกรงใจ เรื่องผลประโยชน์มาซ้อนทับ ก็ยากจะเดินไปสู่จุดหมาย หนำซ้ำจะถูกค่อนแคะให้เสียกำลังใจ การใหญ่จะไม่สำเร็จ ดังนั้นต้องแน่วแน่ ตั้งใจจริง ยึดประโยชน์ประเทศชาติ ประชาชนเหนืออื่นใด ทุกคนจึงจะพอฝากความหวังได้ และเป็นกำลังใจ เอาใจช่วย คสช. ต้องแสดงให้เห็นจุดนี้อย่างต่อเนื่อง มั่นคง
