ณ บัดนี้ไม่มีใครเชื่อว่า “บิ๊กตู่” หรือ “ลุงตู่” จะไม่เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ควบตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ถ้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติประชุมวันที่ 21-22 เดือนนี้ เพื่อเลือกหัวหน้ารัฐบาลบริหารบ้านเมืองตามปกติ
ถ้าไม่ใช่ เท่ากับว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก หรือ “บิ๊กตู่” สร้างปรากฏการณ์หักปากกาเซียนด้วยการไม่ยอมรับตำแหน่งนายกฯ เพราะเกรงข้อครหาว่า “ชงเอง กินเอง” หรือทำรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจมาเป็นของตัวเอง
ถ้าเป็นนายกฯ ต้องโดนค่อนแคะจากบางส่วนแน่ หาว่ามีความมักใหญ่ใฝ่สูง ทะเยอทะยานทางการเมือง ยิ่งถ้ามีพรรคพวกทหารเต็มคณะรัฐมนตรี นั่งควบถ่างเก้าอี้ต่างๆ ก็ยิ่งทำให้มีเสียงนินทา ข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใส
จากนั้นต้องถูกสังคมจับตาดูว่าทิศทางแนวนโยบายต่างๆ นั้น เป็นไปตามความต้องการของประชาชน หรือเพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมืองหรือไม่ หรือว่าจะการเล่นพวกพ้องเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนล้วนๆ จนเกิดความเสื่อม
ถ้า “บิ๊กตู่” ไม่เป็น ก็จะโดนโจมตีเหมือนกัน หาว่าทำรัฐประหารทั้งทีจะเสี่ยงทำให้เสียของอีกเพราะมอบความไว้วางใจให้ผู้อื่น ทำให้สิ่งที่ประชาชนต้องการเห็น หรือเกิดขึ้นในบ้านเมืองไม่เป็นความจริง นำไปสู่ความล้มเหลว
ตัวอย่างก็มีให้เห็นเมื่อทั้ง “บิ๊กบัง” และ “ขิงแก่” รุ่นพี่ทำให้เสียของ และทั้งคู่ก็เสียผู้เสียคน ไม่สามารถกอบกู้ความน่าเชื่อถือ เป็นปูชนียบุคคลบุโรทั่งจนทุกวันนี้ทิ้งมรดกบาปทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองจนเกือบล่มสลาย
ยังมีทางเลือกที่ 3 คือ “บิ๊กตู่” ไม่ยอมเป็นนายกฯ ช่วงนี้จริงๆ เพราะเป็นหัวหน้า คสช.ก็เหมือนเป็นซูเปอร์นายกฯ มีอำนาจสูงสุด ไม่จำเป็นต้องแสดงอำนาจความสามารถด้วยการเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรี มีภาระหนักทุกวัน
แต่ก็นั่นแหละ การเป็นหัวหน้า คสช.จะได้รับการยอมรับจากสากลน้อยกว่านายกฯ ไม่มีโอกาสได้ไปร่วมประชุมในงานสำคัญต่างๆ ทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลก ทั้งจะมีปัญหาด้านความเชื่อมั่น ดูเหมือนมีรัฐบาลซ้อนรัฐบาล
เอาเถอะ! ถึงอย่างไรเสียงเรียกร้องให้ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ นั้น คงจะโน้มน้าวใจให้ “บิ๊กตู่” ยอมรับการเป็นผู้นำประเทศ เพื่อมั่นใจว่าภารกิจจะสำเร็จ ตามที่ได้ลงแรงทำรัฐประหาร ไม่ให้เกิดบทเรียนประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก
เมื่อ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ จริง คงไม่เป็นเพียงแค่ 1 ปีเศษ และรีบจัดการเลือกตั้งหลังจากเดือนตุลาคมปีหน้าตามคำประกาศหลังการยึดอำนาจ เมื่อมีรัฐธรรมนูญร่างขึ้นมาโดยกรรมาธิการและรับรองโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
การเป็นนายกฯ เพียง 1 ปี ถือว่าไม่คุ้ม และงานปฏิรูปต่างๆ ไม่น่าจะเสร็จโดยเร็ว เพราะรากเหง้าแห่งความเสื่อมโทรม เลวทรามในสังคมการเมือง เศรษฐกิจ สังคม หลักคุณธรรม จริยธรรม การศึกษาต้องใช้เวลานานหลายปี
ระบอบบักเหลี่ยมได้กัดกินประเทศจนโทรม ผุกร่อน สร้างค่านิยม ทัศนคติที่ชั่วร้ายในสังคมไทย จรรโลงระบบการเมือง และนักการเมืองที่มุ่งเน้นการโกงกิน แสวงหาผลประโยชน์ กลไกการรักษากฎหมายไร้ความน่าเชื่อถือ
ไม่เร็วเกินไปถ้าจะว่า “บิ๊กตู่” ต้องเป็นนายกฯ อยู่นานแน่นอน เป้าหมายน่าจะเป็น 4 ปี เพื่อวางหลัก สร้างฐานต่างๆ ให้มั่นคง ทั้งด้านโครงสร้างอำนาจในกองทัพ และการเมือง โดยกำชับอำนาจผ่าน คสช. และกลไกกฎหมายต่างๆ
ฮะ! ทำได้เรอะ...ไม่กลัวถูกกล่าวหาว่า “เสียสัตย์เพื่อชาติเรอะ ถ้าคิดอยู่ต่อ” คงเป็นเสียงทักท้วง...เอาเป็นว่า ถ้า “บิ๊กตู่” ได้เป็นนายกฯ ย่อมต้องมีเหตุ ปัจจัย สถานการณ์ที่เหมาะสมเปิดทางให้ยืดการเป็นนายกฯ นานกว่า 1 ปีแน่
รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันบอกว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญโดยกรรมาธิการ ไม่เป็นที่น่าพอใจ ก็จะมีกลไกให้คณะผู้ร่างใหม่ จนกว่าจะเป็นที่น่าพอใจของทุกฝ่าย และ คสช.นั่นหมายความว่ารัฐบาลจะอยู่ต่อไปจนกว่าจะได้ของดีมาใช้
เรื่อง “ของดี” นั้น สั่งให้ทำเร็วก็ได้ ช้าก็ได้ แล้วแต่คนมีอำนาจคุมเกม!
ต้องบอกว่าถ้า “บิ๊กตู่” จะเป็นนายกฯ ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมือง มีจิตหวังดีต่อประชาชน ซื่อสัตย์สุจริต ก็ไม่ต้องหวั่นต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ยิ่งถ้าใช้คุณความดี ธรรมนำหน้า ประชาชนย่อมสนับสนุน
ถ้าประชาชนไม่เอาด้วย เพราะเหตุของความเสียหายต่อบ้านเมืองอย่างไรก็ตาม แม้จะมีกองทัพแข็งแกร่งหนุนเป็นฐาน ก็จะอยู่ได้ไม่นาน เพราะอำนาจของเผด็จการ หรือทรราช ทำให้ยื้อได้เพียงชั่วคราว จนคนกล้าลุกขึ้นสู้
เมื่อจะเป็นนายกฯ “บิ๊กตู่” มีเส้นทางเลือกว่าจะเป็นรัฐบุรุษ เป็นเผด็จการ เป็นทรราช หรือเป็นเพียงคนล้มเหลวไร้ฝีมือ เหมือนนักการเมืองทั่วไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวเองว่าจะทานต่อแรงกดดันจากคนแวดล้อม รุ่นพี่ได้อย่างไร
ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำอ่อนแอ เก่งหรือเผด็จการ ย่อมมีจุดเสี่ยงเปราะบางเสมอ เสียคนเพราะผลประโยชน์ของตัวเอง ครอบครัว คนรอบด้าน ประวัติศาสตร์มีไว้ให้ศึกษา เป็นตัวอย่าง แต่มักมีหน้าใหม่คิดว่าตัวเองเก่งเสมอ
ตัว “บิ๊กตู่” ยังต้องปรับอีกเยอะ ด้านลีลาการพูดจา ทัศนคติ มุมมอง ต้องตระหนักเสมอว่าประชาชนไม่ใช่ทหารไอ้เณรลูกแถวให้ตะคอกใส่ได้ตามใจ
ถ้าไม่ใช่ เท่ากับว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก หรือ “บิ๊กตู่” สร้างปรากฏการณ์หักปากกาเซียนด้วยการไม่ยอมรับตำแหน่งนายกฯ เพราะเกรงข้อครหาว่า “ชงเอง กินเอง” หรือทำรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจมาเป็นของตัวเอง
ถ้าเป็นนายกฯ ต้องโดนค่อนแคะจากบางส่วนแน่ หาว่ามีความมักใหญ่ใฝ่สูง ทะเยอทะยานทางการเมือง ยิ่งถ้ามีพรรคพวกทหารเต็มคณะรัฐมนตรี นั่งควบถ่างเก้าอี้ต่างๆ ก็ยิ่งทำให้มีเสียงนินทา ข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใส
จากนั้นต้องถูกสังคมจับตาดูว่าทิศทางแนวนโยบายต่างๆ นั้น เป็นไปตามความต้องการของประชาชน หรือเพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมืองหรือไม่ หรือว่าจะการเล่นพวกพ้องเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนล้วนๆ จนเกิดความเสื่อม
ถ้า “บิ๊กตู่” ไม่เป็น ก็จะโดนโจมตีเหมือนกัน หาว่าทำรัฐประหารทั้งทีจะเสี่ยงทำให้เสียของอีกเพราะมอบความไว้วางใจให้ผู้อื่น ทำให้สิ่งที่ประชาชนต้องการเห็น หรือเกิดขึ้นในบ้านเมืองไม่เป็นความจริง นำไปสู่ความล้มเหลว
ตัวอย่างก็มีให้เห็นเมื่อทั้ง “บิ๊กบัง” และ “ขิงแก่” รุ่นพี่ทำให้เสียของ และทั้งคู่ก็เสียผู้เสียคน ไม่สามารถกอบกู้ความน่าเชื่อถือ เป็นปูชนียบุคคลบุโรทั่งจนทุกวันนี้ทิ้งมรดกบาปทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองจนเกือบล่มสลาย
ยังมีทางเลือกที่ 3 คือ “บิ๊กตู่” ไม่ยอมเป็นนายกฯ ช่วงนี้จริงๆ เพราะเป็นหัวหน้า คสช.ก็เหมือนเป็นซูเปอร์นายกฯ มีอำนาจสูงสุด ไม่จำเป็นต้องแสดงอำนาจความสามารถด้วยการเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรี มีภาระหนักทุกวัน
แต่ก็นั่นแหละ การเป็นหัวหน้า คสช.จะได้รับการยอมรับจากสากลน้อยกว่านายกฯ ไม่มีโอกาสได้ไปร่วมประชุมในงานสำคัญต่างๆ ทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลก ทั้งจะมีปัญหาด้านความเชื่อมั่น ดูเหมือนมีรัฐบาลซ้อนรัฐบาล
เอาเถอะ! ถึงอย่างไรเสียงเรียกร้องให้ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ นั้น คงจะโน้มน้าวใจให้ “บิ๊กตู่” ยอมรับการเป็นผู้นำประเทศ เพื่อมั่นใจว่าภารกิจจะสำเร็จ ตามที่ได้ลงแรงทำรัฐประหาร ไม่ให้เกิดบทเรียนประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก
เมื่อ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ จริง คงไม่เป็นเพียงแค่ 1 ปีเศษ และรีบจัดการเลือกตั้งหลังจากเดือนตุลาคมปีหน้าตามคำประกาศหลังการยึดอำนาจ เมื่อมีรัฐธรรมนูญร่างขึ้นมาโดยกรรมาธิการและรับรองโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
การเป็นนายกฯ เพียง 1 ปี ถือว่าไม่คุ้ม และงานปฏิรูปต่างๆ ไม่น่าจะเสร็จโดยเร็ว เพราะรากเหง้าแห่งความเสื่อมโทรม เลวทรามในสังคมการเมือง เศรษฐกิจ สังคม หลักคุณธรรม จริยธรรม การศึกษาต้องใช้เวลานานหลายปี
ระบอบบักเหลี่ยมได้กัดกินประเทศจนโทรม ผุกร่อน สร้างค่านิยม ทัศนคติที่ชั่วร้ายในสังคมไทย จรรโลงระบบการเมือง และนักการเมืองที่มุ่งเน้นการโกงกิน แสวงหาผลประโยชน์ กลไกการรักษากฎหมายไร้ความน่าเชื่อถือ
ไม่เร็วเกินไปถ้าจะว่า “บิ๊กตู่” ต้องเป็นนายกฯ อยู่นานแน่นอน เป้าหมายน่าจะเป็น 4 ปี เพื่อวางหลัก สร้างฐานต่างๆ ให้มั่นคง ทั้งด้านโครงสร้างอำนาจในกองทัพ และการเมือง โดยกำชับอำนาจผ่าน คสช. และกลไกกฎหมายต่างๆ
ฮะ! ทำได้เรอะ...ไม่กลัวถูกกล่าวหาว่า “เสียสัตย์เพื่อชาติเรอะ ถ้าคิดอยู่ต่อ” คงเป็นเสียงทักท้วง...เอาเป็นว่า ถ้า “บิ๊กตู่” ได้เป็นนายกฯ ย่อมต้องมีเหตุ ปัจจัย สถานการณ์ที่เหมาะสมเปิดทางให้ยืดการเป็นนายกฯ นานกว่า 1 ปีแน่
รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันบอกว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญโดยกรรมาธิการ ไม่เป็นที่น่าพอใจ ก็จะมีกลไกให้คณะผู้ร่างใหม่ จนกว่าจะเป็นที่น่าพอใจของทุกฝ่าย และ คสช.นั่นหมายความว่ารัฐบาลจะอยู่ต่อไปจนกว่าจะได้ของดีมาใช้
เรื่อง “ของดี” นั้น สั่งให้ทำเร็วก็ได้ ช้าก็ได้ แล้วแต่คนมีอำนาจคุมเกม!
ต้องบอกว่าถ้า “บิ๊กตู่” จะเป็นนายกฯ ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมือง มีจิตหวังดีต่อประชาชน ซื่อสัตย์สุจริต ก็ไม่ต้องหวั่นต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ยิ่งถ้าใช้คุณความดี ธรรมนำหน้า ประชาชนย่อมสนับสนุน
ถ้าประชาชนไม่เอาด้วย เพราะเหตุของความเสียหายต่อบ้านเมืองอย่างไรก็ตาม แม้จะมีกองทัพแข็งแกร่งหนุนเป็นฐาน ก็จะอยู่ได้ไม่นาน เพราะอำนาจของเผด็จการ หรือทรราช ทำให้ยื้อได้เพียงชั่วคราว จนคนกล้าลุกขึ้นสู้
เมื่อจะเป็นนายกฯ “บิ๊กตู่” มีเส้นทางเลือกว่าจะเป็นรัฐบุรุษ เป็นเผด็จการ เป็นทรราช หรือเป็นเพียงคนล้มเหลวไร้ฝีมือ เหมือนนักการเมืองทั่วไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวเองว่าจะทานต่อแรงกดดันจากคนแวดล้อม รุ่นพี่ได้อย่างไร
ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำอ่อนแอ เก่งหรือเผด็จการ ย่อมมีจุดเสี่ยงเปราะบางเสมอ เสียคนเพราะผลประโยชน์ของตัวเอง ครอบครัว คนรอบด้าน ประวัติศาสตร์มีไว้ให้ศึกษา เป็นตัวอย่าง แต่มักมีหน้าใหม่คิดว่าตัวเองเก่งเสมอ
ตัว “บิ๊กตู่” ยังต้องปรับอีกเยอะ ด้านลีลาการพูดจา ทัศนคติ มุมมอง ต้องตระหนักเสมอว่าประชาชนไม่ใช่ทหารไอ้เณรลูกแถวให้ตะคอกใส่ได้ตามใจ