เมื่อเวลา 15.30 น. วานนี้ ( 6 ส.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) กล่าวถึง ความคืบหน้าของศูนย์ความปรองดองเพื่อความสมานฉันท์ ว่า ขณะนี้ดำเนินเสร็จสิ้นในระยะที่ 1แล้ว หลังจากทำงานครบ 2 เดือน และอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล ความคิดเห็นทุกภาคส่วนในพื้นที่ ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ระดับประเทศ โดยรวบรวมจัดเป็นหมวดหมู่ 11 เรื่อง และจะส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่จะเกิดขึ้นใน เดือนต.ค.นี้ เพื่อใช้เป็นประโยชน์ต่อไป
สำหรับศูนย์ปรองดองฯนั้น ยังคงอยู่ต่อไป ซึ่งจะให้แนวทางทุกหน่วยในการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นกับคนในชาติ พร้อมทำงานคู่กับ สปช. ทั้งนี้ภาพรวมในการทำงานที่ผ่านมานั้น ตนมีความพอใจระดับมาก ถึงมากที่สุด ในทุกที่ที่ลงพื้นที่ เพราะสิ่งที่ทำเป็นงานเร่งด่วน คือการหยุดไม่ให้เลือดไหล ทำให้คนเลิกทะเลาะกัน และกลับมาพูดคุยกันมากยิ่งขึ้น ในขั้นต่อไป จะมีเวทีมากขึ้นในการให้ทุกฝ่ายมาแสดงความคิดเห็น
" เราจะเป็นผู้ที่แก้ไขปัญหาให้กับประชาชน รวมทั้งสะท้อนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นใน สปช. เช่น อาจจะมีการถกเถียงกัน เพื่อต้องการได้ข้อมูลที่แท้จริง ศูนย์ปรองดองฯ ก็จะลงพื้นที่ เพื่อไปหาข้อมูลดังกล่าวมาให้ สปช. เพื่อให้เห็นข้อเท็จจริงที่ชาวบ้านคิดว่าเป็นอย่างไร แตกต่างกับทฤษฎีของนักวิชาการหรือไม่ ผมจะเป็นหน่วยปฏิบัติ ที่จะสะท้อนข้อมูลจากพื้นที่ทั้งสองด้าน ทำให้การหาข้อยุติมีความครบถ้วนรอบด้าน" พล.ท.กัมปนาท กล่าว
** จัดกิจกรรม คิกออฟสปช. 9 ส.ค.
เมื่อถามว่า พรรคการเมืองคู่ขัดแย้ง เช่น พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมเป็น สปช.นั้น พล.ท.กัมปนาท กล่าวว่า คงไม่วิพากษ์วิจารณ์พรรคการเมือง หัวหน้า คสช. และศูนย์ปรองดองฯ ทำทุกเรื่องด้วยความสมัครใจ ไม่ใช้การบังคับ ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยจิตสำนึก และความสมัครใจของทุกภาคส่วน เป็นวาระแห่งชาติในการทำเพื่อบ้านเมือง ดังนั้นใครไม่สมัครใจ และไม่ร่วมด้วยก็ไม่บังคับ ถ้าเราไปบังคับ ก็จะเหมือนที่พยายามโจมตี คสช.ว่า เอาปืนไปจี้หัว บังคับให้ทำ ซึ่งตนไม่ทำแน่นอน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแม้สองพรรคการเมืองใหญ่ไม่เข้าร่วม ทางสปช. ก็ต้องเดินหน้าต่อไป การจะร่วมหรือไม่ร่วม ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ถ้าส่วนใหญ่เห็นด้วย ก็มาร่วมกันให้เป็นจำนวนมาก ส่วนที่ไม่เห็นด้วย เราก็เคารพไม่ได้ไปบังคับ ส่วนกรณีที่ตัวแทนพรรคการเมืองระบุว่า การเข้าไปร่วม สปช.เพื่อกำหนดกติกาต่างๆ ในฐานะผู้มีส่วนได้เสีย จะไม่เหมาะสมนั้น ตนคิดว่าแต่ละฝ่ายก็มีเหตุผล เราก็เคารพในการตัดสินใจของแต่ละฝ่าย เราก็มีจุดยืนที่จะนำพาประเทศต่อไป โดยให้ทุกภาคส่วนยอมรับกติกาที่ทำขึ้นมา และเดินไปตามโรดแมป ที่วางไว้
"ขณะนี้หัวหน้า คสช.ไม่ได้ห่วงอะไร ทุกอย่างเดินไปด้วยความเรียบร้อย ท่านเห็นว่าบางอย่างเดินเร็วกว่าโรดแมปด้วยซ้ำ ยืนยันว่า หัวหน้าคสช. ตั้งใจ และจริงใจ ไม่ว่อกแว่ก" พล.ท.กัมปนาท กล่าว และว่า ในวันที่ 9 ส.ค. นี้ ทาง คสช.โดยกระทรวงกลาโหม จะจัดกิจกรรมเส้นทางปฏิรูปประเทศ เพื่อเริ่มคิกออฟ สปช. และเปิดสโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต เชิญทุกภาคส่วน หัวหน้าพรรคการเมือง แกนนำกลุ่มการเมืองทุกฝ่าย โดยสามารถให้ผู้เข้าร่วมรับฟังได้ 1,500 คน ทั้งนี้หัวหน้า คสช. จะปาฐกถาถึงความตั้งใจ และแนวทางในการจัดตั้ง สปช. ในขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช. จะกล่าวถึง พ.ร.ฎ.การจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. จะพูดถึงรายละเอียดการรับสมัคร กระบวนการคัดสรร พื้นที่ จำนวน และ ระยะเวลา"
พล.ท.กัมปนาท กล่าวด้วยว่า ในส่วนของตน ได้ติดต่อประสานงานทุกพรรคการเมือง ซึ่งได้เชิญระดับหัวหน้าพรรคเข้าร่วมงานคิกออฟ ยังไม่เกี่ยวกับการมาร่วมกับ สปช. เพื่อจะได้รู้ว่า สปช. จะดำเนินการอย่างไร โดยแกนนำส่วนใหญ่ จะเหมือนกับที่ไปร่วมงานคืนความสุข ที่ท้องสนามหลวง เช่น นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และอาจจะมี นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งในงานคืนความสุข ทั้งสองบุคคลเดินทางไปขึ้นศาล จึงไม่ได้มาร่วมงานได้
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ หรือไม่ เพราะ สนช. มีสมาชิกเกือบ 200 คน ตนไม่ทราบว่า แต่ละคนมีใครในใจอย่างไร ในส่วนของทหารประจำการ ย่อมมีผู้ประสานงานหรือ วิป เป็นเรื่องธรรมดา น่าจะเป็น พล.อ.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการแต่งตั้ง
ด้าน พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษก คสช. กล่าวถึง วันที่ 9 ส.ค. ที่ทาง คสช. คิกออฟสรรหา สปช. แล้วจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการให้ครบ 11 คณะ ว่า ทาง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการให้มีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมฟังกันมากๆ ใครที่มีความประสงค์ให้เข้ามากัน อย่างน้อยเข้ามารับฟังว่าทาง สปช. มีความคิดเห็นอะไร และจะไปในทิศทางไหน ซึ่งทางหัวหน้า คสช. เองได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ให้เข้ามาร่วมกันในสปช. ได้เชิญชวนทุกภาส่วนให้เข้ารับฟัง ซึ่งขั้นตอนนี้ เราอยากให้ฟังก่อน และยังไม่ใช่ขั้นตอนการเข้าร่วมสภาปฏิรูป หากฟังแล้วตัดสินใจอย่างไร ก็แล้วแต่ท่าน ตอนนี้เหมือนมาลงแขกดำนา เกี่ยวข้าว ผลที่ได้คือ คนส่วนรวม ไม่ใช่แค่คนที่ทำ
** ยันคสช.ไม่ตั้ง"สมคิด"เป็นทูตการค้า
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. แต่งตั้งให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นทูตทางการค้า เดินทางไปพูดคุยเจรจาทางธุรกิจกับประเทศจีน ว่า เรื่องการแต่งตั้งให้เป็นทูตทางการค้า คงไม่ใช่ เพราะนายสมคิด ได้รับการแต่งตั้งให้อยู่ใน คณะที่ปรึกษาคสช. อยู่แล้ว ทางหัวหน้า คสช. เห็นถึงความเหมาะสม ความรู้ ความสามารถ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าต่างประเทศ และที่สำคัญนายสมคิด มีความสัมพันธ์ที่ดีกับในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะการมีสถานภาพทางสังคม ที่เป็นที่ยอมรับของนักธุรกิจต่างประเทศอยู่แล้ว ทางหัวหน้า คสช. จึงได้รับมอบหมายภารกิจที่ตรงกับความรู้ ความสามารถ ไม่จำเป็นที่จะต้องแต่งตั้งตำแหน่งอะไรเพิ่ม เพราะมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา คสช. อยู่แล้ว
สำหรับศูนย์ปรองดองฯนั้น ยังคงอยู่ต่อไป ซึ่งจะให้แนวทางทุกหน่วยในการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นกับคนในชาติ พร้อมทำงานคู่กับ สปช. ทั้งนี้ภาพรวมในการทำงานที่ผ่านมานั้น ตนมีความพอใจระดับมาก ถึงมากที่สุด ในทุกที่ที่ลงพื้นที่ เพราะสิ่งที่ทำเป็นงานเร่งด่วน คือการหยุดไม่ให้เลือดไหล ทำให้คนเลิกทะเลาะกัน และกลับมาพูดคุยกันมากยิ่งขึ้น ในขั้นต่อไป จะมีเวทีมากขึ้นในการให้ทุกฝ่ายมาแสดงความคิดเห็น
" เราจะเป็นผู้ที่แก้ไขปัญหาให้กับประชาชน รวมทั้งสะท้อนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นใน สปช. เช่น อาจจะมีการถกเถียงกัน เพื่อต้องการได้ข้อมูลที่แท้จริง ศูนย์ปรองดองฯ ก็จะลงพื้นที่ เพื่อไปหาข้อมูลดังกล่าวมาให้ สปช. เพื่อให้เห็นข้อเท็จจริงที่ชาวบ้านคิดว่าเป็นอย่างไร แตกต่างกับทฤษฎีของนักวิชาการหรือไม่ ผมจะเป็นหน่วยปฏิบัติ ที่จะสะท้อนข้อมูลจากพื้นที่ทั้งสองด้าน ทำให้การหาข้อยุติมีความครบถ้วนรอบด้าน" พล.ท.กัมปนาท กล่าว
** จัดกิจกรรม คิกออฟสปช. 9 ส.ค.
เมื่อถามว่า พรรคการเมืองคู่ขัดแย้ง เช่น พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมเป็น สปช.นั้น พล.ท.กัมปนาท กล่าวว่า คงไม่วิพากษ์วิจารณ์พรรคการเมือง หัวหน้า คสช. และศูนย์ปรองดองฯ ทำทุกเรื่องด้วยความสมัครใจ ไม่ใช้การบังคับ ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยจิตสำนึก และความสมัครใจของทุกภาคส่วน เป็นวาระแห่งชาติในการทำเพื่อบ้านเมือง ดังนั้นใครไม่สมัครใจ และไม่ร่วมด้วยก็ไม่บังคับ ถ้าเราไปบังคับ ก็จะเหมือนที่พยายามโจมตี คสช.ว่า เอาปืนไปจี้หัว บังคับให้ทำ ซึ่งตนไม่ทำแน่นอน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแม้สองพรรคการเมืองใหญ่ไม่เข้าร่วม ทางสปช. ก็ต้องเดินหน้าต่อไป การจะร่วมหรือไม่ร่วม ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ถ้าส่วนใหญ่เห็นด้วย ก็มาร่วมกันให้เป็นจำนวนมาก ส่วนที่ไม่เห็นด้วย เราก็เคารพไม่ได้ไปบังคับ ส่วนกรณีที่ตัวแทนพรรคการเมืองระบุว่า การเข้าไปร่วม สปช.เพื่อกำหนดกติกาต่างๆ ในฐานะผู้มีส่วนได้เสีย จะไม่เหมาะสมนั้น ตนคิดว่าแต่ละฝ่ายก็มีเหตุผล เราก็เคารพในการตัดสินใจของแต่ละฝ่าย เราก็มีจุดยืนที่จะนำพาประเทศต่อไป โดยให้ทุกภาคส่วนยอมรับกติกาที่ทำขึ้นมา และเดินไปตามโรดแมป ที่วางไว้
"ขณะนี้หัวหน้า คสช.ไม่ได้ห่วงอะไร ทุกอย่างเดินไปด้วยความเรียบร้อย ท่านเห็นว่าบางอย่างเดินเร็วกว่าโรดแมปด้วยซ้ำ ยืนยันว่า หัวหน้าคสช. ตั้งใจ และจริงใจ ไม่ว่อกแว่ก" พล.ท.กัมปนาท กล่าว และว่า ในวันที่ 9 ส.ค. นี้ ทาง คสช.โดยกระทรวงกลาโหม จะจัดกิจกรรมเส้นทางปฏิรูปประเทศ เพื่อเริ่มคิกออฟ สปช. และเปิดสโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต เชิญทุกภาคส่วน หัวหน้าพรรคการเมือง แกนนำกลุ่มการเมืองทุกฝ่าย โดยสามารถให้ผู้เข้าร่วมรับฟังได้ 1,500 คน ทั้งนี้หัวหน้า คสช. จะปาฐกถาถึงความตั้งใจ และแนวทางในการจัดตั้ง สปช. ในขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช. จะกล่าวถึง พ.ร.ฎ.การจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. จะพูดถึงรายละเอียดการรับสมัคร กระบวนการคัดสรร พื้นที่ จำนวน และ ระยะเวลา"
พล.ท.กัมปนาท กล่าวด้วยว่า ในส่วนของตน ได้ติดต่อประสานงานทุกพรรคการเมือง ซึ่งได้เชิญระดับหัวหน้าพรรคเข้าร่วมงานคิกออฟ ยังไม่เกี่ยวกับการมาร่วมกับ สปช. เพื่อจะได้รู้ว่า สปช. จะดำเนินการอย่างไร โดยแกนนำส่วนใหญ่ จะเหมือนกับที่ไปร่วมงานคืนความสุข ที่ท้องสนามหลวง เช่น นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และอาจจะมี นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งในงานคืนความสุข ทั้งสองบุคคลเดินทางไปขึ้นศาล จึงไม่ได้มาร่วมงานได้
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ หรือไม่ เพราะ สนช. มีสมาชิกเกือบ 200 คน ตนไม่ทราบว่า แต่ละคนมีใครในใจอย่างไร ในส่วนของทหารประจำการ ย่อมมีผู้ประสานงานหรือ วิป เป็นเรื่องธรรมดา น่าจะเป็น พล.อ.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการแต่งตั้ง
ด้าน พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษก คสช. กล่าวถึง วันที่ 9 ส.ค. ที่ทาง คสช. คิกออฟสรรหา สปช. แล้วจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการให้ครบ 11 คณะ ว่า ทาง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการให้มีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมฟังกันมากๆ ใครที่มีความประสงค์ให้เข้ามากัน อย่างน้อยเข้ามารับฟังว่าทาง สปช. มีความคิดเห็นอะไร และจะไปในทิศทางไหน ซึ่งทางหัวหน้า คสช. เองได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ให้เข้ามาร่วมกันในสปช. ได้เชิญชวนทุกภาส่วนให้เข้ารับฟัง ซึ่งขั้นตอนนี้ เราอยากให้ฟังก่อน และยังไม่ใช่ขั้นตอนการเข้าร่วมสภาปฏิรูป หากฟังแล้วตัดสินใจอย่างไร ก็แล้วแต่ท่าน ตอนนี้เหมือนมาลงแขกดำนา เกี่ยวข้าว ผลที่ได้คือ คนส่วนรวม ไม่ใช่แค่คนที่ทำ
** ยันคสช.ไม่ตั้ง"สมคิด"เป็นทูตการค้า
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. แต่งตั้งให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นทูตทางการค้า เดินทางไปพูดคุยเจรจาทางธุรกิจกับประเทศจีน ว่า เรื่องการแต่งตั้งให้เป็นทูตทางการค้า คงไม่ใช่ เพราะนายสมคิด ได้รับการแต่งตั้งให้อยู่ใน คณะที่ปรึกษาคสช. อยู่แล้ว ทางหัวหน้า คสช. เห็นถึงความเหมาะสม ความรู้ ความสามารถ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าต่างประเทศ และที่สำคัญนายสมคิด มีความสัมพันธ์ที่ดีกับในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะการมีสถานภาพทางสังคม ที่เป็นที่ยอมรับของนักธุรกิจต่างประเทศอยู่แล้ว ทางหัวหน้า คสช. จึงได้รับมอบหมายภารกิจที่ตรงกับความรู้ ความสามารถ ไม่จำเป็นที่จะต้องแต่งตั้งตำแหน่งอะไรเพิ่ม เพราะมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา คสช. อยู่แล้ว
