การปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นสิ่งที่ประชาชนคาดหวังว่า จะเกิดขึ้นแน่ ภายหลังที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เข้ามายึดอำนาจ และจัดตั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คมช.)
เพราะเพียงชั่วข้ามคืนของการรัฐประหาร นายตำรวจใหญ่ระดับผู้บัญชาการ ผู้บังคับการถูกคำสั่งโยกย้าย กระเด็นกระดอนกันไปคนละทิศละทาง ตามด้วยคำสั่งปลดนายตำรวจหลายคนที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส่งไปคุมหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งการปลดพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พ้นจากผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย
การล้างบางตำรวจที่ทำตัวเป็นขี้ข้ารับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดูเป็นจริงเป็นจัง จนทุกฝ่ายลงความเห็นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่รอดแน่ และเตรียมตัวถูกผ่าตัดใหญ่ได้
แต่แล้ว กระแสการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็แผ่วลง กลายเป็นเพียงการจัดระเบียบสังคม และแทบไม่มีการพูดถึงการปรับโครงสร้างตำรวจ
ไม่มีแม้แต่ข่าวความเคลื่อนไหวการลงโทษตำรวจที่ละเว้นหรือเลือกปฏิบัติ หน้าที่ จนสังคมเกิดความชุลมุนวุ่นวาย มีการใช้ความรุนแรงโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายในช่วงที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยบริหารประเทศ
ความจำเป็นในการผ่าตัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีมากน้อยเพียงใด ไม่ต้องสาธยาย เพราะรู้กันทั้งประเทศว่า ตำรวจเป็นต้นธารแห่งความเลวร้ายทุกรูปแบบในสังคม
การค้ายาเสพติด บ่อนพนัน ส่วยรถรับจ้าง สถานบันเทิงเปิดผิดกฎหมาย การค้าแรงงานเถื่อน โต๊ะพนันบ่อน หวยการค้าของเถื่อน และธุรกิจสีเทาอีกมากมาย ตำรวจมีเอี่ยวทั้งสิ้น
สังคมที่ฟอนเฟะ ไร้ระเบียบ ขาดกติกา จนชาวบ้านหาความสงบสุขไม่ได้ ก็เพราะตำรวจไม่ทำงานตามหน้าที่
ภายใต้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ตำรวจเข้าสู่ยุคที่เลวร้ายสุดขีด แสดงตัวเป็นขี้ข้ารับใช้พรรคการเมืองอย่างโจ่งแจ้ง
นายตำรวจใหญ่ๆ ไม่เหลือความละอายในตัวเอง ประกาศเลือกยืนอยู่ข้างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ปกป้องรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ทั้งที่สวมเครื่องแบบจากเงินภาษีของประชาชน
ตำรวจที่แสดงความซื่อสัตย์และจงรักภักดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับตำแหน่งใหญ่โตเป็นรางวัล แม้กระทำความผิดร้ายแรงถูกให้ออกจากราชการ แต่ได้รับอนุมัติให้กลับเข้ามาใหม่มีตำแหน่งใหญ่ขึ้น เพื่อทำงานตามคำบงการ ทำผิดให้เป็นถูก ทำดำให้เป็นขาว
ประชาชนที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ผู้นำมวลชนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ถูกแจ้งข้อกล่าวหายาวเหยียด มวลชนที่ออกมาชุมนุมถูกปราบปรามด้วยความรุนแรง
แต่มวลชนคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นม็อบจัดตั้งของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์กลับได้รับการอำนวยความสะดวกดูแลอย่างดี มีรถนำขบวนผู้ชุมนุม มีกำลังตำรวจคอยอารักขา และจะทำผิดกฎหมาย จะคุกคามข่มขู่ใครก็ไม่ถูกดำเนินคดี
ก่อนรัฐประหาร ตำรวจอยู่ในยุคที่เฟื่องฟูสุดขีด เพราะมีรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ให้ท้ายจนกร่างคับบ้านคับเมือง ใหญ่ไปทุกที่ ไม่ต้องเกรงใจใคร แม้แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังถูกเรียกตัวไปสอบ
ประชาชนเอือมระอาเหลือทนกับตำรวจแล้ว และตั้งความหวังว่า ทหารจะเข้ามาจัดการตำรวจอย่างเด็ดขาดเสียที เกิดปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งใหญ่ เป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น
แต่วันนี้ความหวังเลือนรางลงทุกที
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมกระแสปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงดับวูบลง การรื้อฟื้นสอบสวนพฤติกรรมนายตำรวจใหญ่ที่แสดงตัวเป็นขี้ข้ารับใช้พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเปิดเผยทำไมเงียบฉี่
แถมนายตำรวจใหญ่หลายคนที่ถูกคำสั่งย้าย หรือเคยถูกให้ออกจากราชการ กลับได้รับตำแหน่งคืน
ตำรวจที่ร่วมกันก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชน ตำรวจยอมเป็นทาสรับใช้นักการเมืองเพียงเพื่อตำแหน่งและผลประโยชน์ มีแนวโน้มว่าจะลอยนวลอีก
ไม่มีการถอดยศ ไม่ถูกปลด ไม่มีความผิด ไม่ต้องติดคุก แม้เป็นนายตำรวจที่มีพฤติกรรมเลวร้ายก็ตาม
เตรียมทำใจสิ้นหวังกันได้ล่วงหน้า สำหรับการผ่าตัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ต้องคาดหวังการจัดแถวตำรวจแล้ว เพราะ คสช.เดินหน้าสู่การปรองดองเพียงประการเดียว
ใครทำผิดอะไร ใครชั่วร้ายอย่างไร ใครทำร้ายประชาชน ใครทำลายประเทศ คสช.ขอให้ลืมอดีต และกลับมาเริ่มต้นกันใหม่
แต่ความสงบสุขจะคืนกลับมาตามคำสัญญาได้จริงหรือ ในเมื่อคนชั่วยังอยู่ปะปนเต็มไปหมดในสังคม
คสช.คงไม่คิดทำอะไรตำรวจแล้ว และอาจพอใจที่ได้ตำรวจมาเป็นลูกมือ เพื่อสานฝันนำความสุขคืนสู่ประชาชน พอใจที่ตำรวจยอมสงบราบคาบ ความผิดที่แล้วๆ มาจึงอภัยให้
ตำรวจรอดตัวจากการถูกผ่าตัดใหญ่มาหลายครั้งแล้ว และครั้งนี้ภายใต้ยุค คสช.ที่มีอำนาจล้นฟ้า ตำรวจคงรอดอีก
สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีดีอะไรนักหนา ใครก็ไม่กล้าเขาไปแตะ แม้แต่ คสช.ก็ดูจะถอยๆ แล้ว ที่เชียร์กันไว้เสียแรงเปล่า
ถ้าอยากเห็นการยกเครื่องตำรวจ คงต้องรอดูกันชาติหน้าเสียแล้ว ชาตินี้ทำได้แค่สาปส่งตำรวจเท่านั้น
เพราะเพียงชั่วข้ามคืนของการรัฐประหาร นายตำรวจใหญ่ระดับผู้บัญชาการ ผู้บังคับการถูกคำสั่งโยกย้าย กระเด็นกระดอนกันไปคนละทิศละทาง ตามด้วยคำสั่งปลดนายตำรวจหลายคนที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส่งไปคุมหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งการปลดพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พ้นจากผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย
การล้างบางตำรวจที่ทำตัวเป็นขี้ข้ารับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดูเป็นจริงเป็นจัง จนทุกฝ่ายลงความเห็นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่รอดแน่ และเตรียมตัวถูกผ่าตัดใหญ่ได้
แต่แล้ว กระแสการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็แผ่วลง กลายเป็นเพียงการจัดระเบียบสังคม และแทบไม่มีการพูดถึงการปรับโครงสร้างตำรวจ
ไม่มีแม้แต่ข่าวความเคลื่อนไหวการลงโทษตำรวจที่ละเว้นหรือเลือกปฏิบัติ หน้าที่ จนสังคมเกิดความชุลมุนวุ่นวาย มีการใช้ความรุนแรงโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายในช่วงที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยบริหารประเทศ
ความจำเป็นในการผ่าตัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีมากน้อยเพียงใด ไม่ต้องสาธยาย เพราะรู้กันทั้งประเทศว่า ตำรวจเป็นต้นธารแห่งความเลวร้ายทุกรูปแบบในสังคม
การค้ายาเสพติด บ่อนพนัน ส่วยรถรับจ้าง สถานบันเทิงเปิดผิดกฎหมาย การค้าแรงงานเถื่อน โต๊ะพนันบ่อน หวยการค้าของเถื่อน และธุรกิจสีเทาอีกมากมาย ตำรวจมีเอี่ยวทั้งสิ้น
สังคมที่ฟอนเฟะ ไร้ระเบียบ ขาดกติกา จนชาวบ้านหาความสงบสุขไม่ได้ ก็เพราะตำรวจไม่ทำงานตามหน้าที่
ภายใต้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ตำรวจเข้าสู่ยุคที่เลวร้ายสุดขีด แสดงตัวเป็นขี้ข้ารับใช้พรรคการเมืองอย่างโจ่งแจ้ง
นายตำรวจใหญ่ๆ ไม่เหลือความละอายในตัวเอง ประกาศเลือกยืนอยู่ข้างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ปกป้องรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ทั้งที่สวมเครื่องแบบจากเงินภาษีของประชาชน
ตำรวจที่แสดงความซื่อสัตย์และจงรักภักดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับตำแหน่งใหญ่โตเป็นรางวัล แม้กระทำความผิดร้ายแรงถูกให้ออกจากราชการ แต่ได้รับอนุมัติให้กลับเข้ามาใหม่มีตำแหน่งใหญ่ขึ้น เพื่อทำงานตามคำบงการ ทำผิดให้เป็นถูก ทำดำให้เป็นขาว
ประชาชนที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ผู้นำมวลชนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ถูกแจ้งข้อกล่าวหายาวเหยียด มวลชนที่ออกมาชุมนุมถูกปราบปรามด้วยความรุนแรง
แต่มวลชนคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นม็อบจัดตั้งของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์กลับได้รับการอำนวยความสะดวกดูแลอย่างดี มีรถนำขบวนผู้ชุมนุม มีกำลังตำรวจคอยอารักขา และจะทำผิดกฎหมาย จะคุกคามข่มขู่ใครก็ไม่ถูกดำเนินคดี
ก่อนรัฐประหาร ตำรวจอยู่ในยุคที่เฟื่องฟูสุดขีด เพราะมีรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ให้ท้ายจนกร่างคับบ้านคับเมือง ใหญ่ไปทุกที่ ไม่ต้องเกรงใจใคร แม้แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังถูกเรียกตัวไปสอบ
ประชาชนเอือมระอาเหลือทนกับตำรวจแล้ว และตั้งความหวังว่า ทหารจะเข้ามาจัดการตำรวจอย่างเด็ดขาดเสียที เกิดปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งใหญ่ เป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น
แต่วันนี้ความหวังเลือนรางลงทุกที
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมกระแสปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงดับวูบลง การรื้อฟื้นสอบสวนพฤติกรรมนายตำรวจใหญ่ที่แสดงตัวเป็นขี้ข้ารับใช้พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเปิดเผยทำไมเงียบฉี่
แถมนายตำรวจใหญ่หลายคนที่ถูกคำสั่งย้าย หรือเคยถูกให้ออกจากราชการ กลับได้รับตำแหน่งคืน
ตำรวจที่ร่วมกันก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชน ตำรวจยอมเป็นทาสรับใช้นักการเมืองเพียงเพื่อตำแหน่งและผลประโยชน์ มีแนวโน้มว่าจะลอยนวลอีก
ไม่มีการถอดยศ ไม่ถูกปลด ไม่มีความผิด ไม่ต้องติดคุก แม้เป็นนายตำรวจที่มีพฤติกรรมเลวร้ายก็ตาม
เตรียมทำใจสิ้นหวังกันได้ล่วงหน้า สำหรับการผ่าตัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ต้องคาดหวังการจัดแถวตำรวจแล้ว เพราะ คสช.เดินหน้าสู่การปรองดองเพียงประการเดียว
ใครทำผิดอะไร ใครชั่วร้ายอย่างไร ใครทำร้ายประชาชน ใครทำลายประเทศ คสช.ขอให้ลืมอดีต และกลับมาเริ่มต้นกันใหม่
แต่ความสงบสุขจะคืนกลับมาตามคำสัญญาได้จริงหรือ ในเมื่อคนชั่วยังอยู่ปะปนเต็มไปหมดในสังคม
คสช.คงไม่คิดทำอะไรตำรวจแล้ว และอาจพอใจที่ได้ตำรวจมาเป็นลูกมือ เพื่อสานฝันนำความสุขคืนสู่ประชาชน พอใจที่ตำรวจยอมสงบราบคาบ ความผิดที่แล้วๆ มาจึงอภัยให้
ตำรวจรอดตัวจากการถูกผ่าตัดใหญ่มาหลายครั้งแล้ว และครั้งนี้ภายใต้ยุค คสช.ที่มีอำนาจล้นฟ้า ตำรวจคงรอดอีก
สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีดีอะไรนักหนา ใครก็ไม่กล้าเขาไปแตะ แม้แต่ คสช.ก็ดูจะถอยๆ แล้ว ที่เชียร์กันไว้เสียแรงเปล่า
ถ้าอยากเห็นการยกเครื่องตำรวจ คงต้องรอดูกันชาติหน้าเสียแล้ว ชาตินี้ทำได้แค่สาปส่งตำรวจเท่านั้น