ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (22 ก.ค.) เวลาประมาณ 08.00 น.ได้มีเจ้าหน้าที่จากกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง มาจัดเตรียมเครื่องบวงสรวง เพื่อจัดทำพิธีบวงสรวงพระภูมิเจ้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาล โดยได้รับการแจ้งว่า มีการประสานไปจาก นายนายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการ โดยเจ้าหน้าที่จากกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ประสานเป็นการภายใน ในมาจัดเตรียมเครื่องบวงสรวงเซ่นไหว้พระภูมิเจ้าที่ ประจำทำเนียบรัฐบาลอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นผู้รับมอบให้เข้าดำเนินการปรับปรุง ตึกบัญชาการ 1-2 และ อาคารสถานที่ส่วนใหญ่ ภายในทำเนียบรัฐบาล
โดยรายงานข่าวแจ้งว่า นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้สั่งการเป็นการเร่งด่วน เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ให้มาประกอบพิธีบวงสรวง ในวันที่ 22 ก.ค. ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดเครื่องบวงสรวงชุดใหญ่ ชุดอาหารคาว หวาน ทั้งหมู เห็ด เป็ดไก่ ผลไม้ชุดใหญ่ โดยกำหนดพิธีจะเริ่มพิธี ในเวลาประมาณ 11.00 น.
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ฯกำลังเตรียมเครื่องบวงสรวง ได้มีโทรศัพท์เข้ามายังหัวหน้างาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเก็บเครื่องบวงสรวงที่เตรียมไว้ขึ้นรถตู้กลับออกไปทันที เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ขณะเจ้าหน้าที่รายหนึ่งพูดแต่เพียงว่า “ผิดที่”
เมื่อผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง นายมณฑล ได้รับการชี้แจงเพียงสั้นๆ ว่า กำหนดพิธีบวงสรวงศาลเดิม จะทำในเวลา 11.00 น. วันที่ 22 ก.ค. ซึ่งตนได้มอบหมายให้รองอธิบดีเป็นผู้เดินทางไปบวงสรวง แต่ก่อนถึงกำหนดเวลาได้มีฝ่ายเลขาธิการนายรัฐมนตรี แจ้งมาว่า ให้ยกเลิกไปก่อน ซึ่งก็ไม่ทราบสาเหตุ
ทั้งนี้ กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้รับมอบหมายให้ทำการปรับปรุงอาคาร ตึกบัญชาการ 1-2 และ องค์ประกอบของบางตึก ร่วมกับทางกรมยุทธโยธาทหารบก กทม. กรมศิลปากร
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่มีคำสั่งให้ยกเลิกพิธีบวงสรวงศาลพระภูมิเจ้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาลแบบกระทันหัน ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่ฯ ได้ดำเนินการตระเตรียมเกือบเสร็จแล้วนั้น เป็นคำสั่งมาจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของทำเนียบรัฐบาลรายหนึ่ง โดยระบุว่า เนื่องจากขณะนี้งบประมาณการดำเนินการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงขอว่าอย่าเพิ่งดำเนินการใดๆ ไปก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้พิธีบวงสรวงพระภูมิเจ้าหน้าที่ ประจำทำเนียบรัฐบาล จะถูกยกเลิกกระทันหัน แต่ปรากฏว่า เมื่อเวลา 09.45 น. เจ้าหน้าที่บริษัทเอกชนรายหนึ่ง ที่ได้รับการว่าจ้างจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้นำพวงมาลัย ดอกไม้ ธูปเทียน เข้าสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่
โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ได้เข้ามาสำรวจพื้นที่และอาคารที่รับผิดชอบ คือ ตึกบัญชาการ 1-2 แล้ว และวันเดียวกันนี้ก็จะเริ่มดำเนินการทันที เนื่องจากเวลามีน้อยจึงพากันมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ เนื่องจากทราบถึงเสียงร่ำลือ และประวัติต่างๆ ภายในทำเนียบฯ จึงมาสักการะเพื่อขออนุญาต และต้องการให้งานที่รับผิดชอบราบรื่นไม่เกิดอุปสรรคใดๆ
"พวกเราทราบถึงเสียงร่ำลือ และความเฮี้ยนต่างๆ ยอมรับว่าก็ค่อนข้างกลัว แต่เมื่อเราเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ได้เป็นการลบหลู่ แต่มาทำให้เกิดความสวยงาม และดีขึ้น ก็หวังว่าจะไม่เกิดอุปสรรคใดๆ แต่ตอนนี้สิ่งที่หนักใจเห็นจะเป็นเรื่องของระยะเวลาในการทำงาน เนื่องจากผู้ว่าจ้างขอให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จในวันที่ 15 ก.ย. เท่ากับเราเหลือเวลาเพียงเดือนกว่าๆ ซึ่งก็ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ โดยจัดกำลังคน เฉพาะบริษัทของพวกตนจำนวน 150 คน เท่าที่ทราบมีบริษัทเอกชน ที่ได้รับการว่าจ้างดำเนินการปรับปรุงตึกบัญชาการ 1-2 จำนวน 3 บริษัท และใช้จำนวนคนเท่าๆ กัน ทำงาน 24 ชั่วโมง เพื่อให้งานเสร็จทัน ทั้งการตบแต่งภายใน ภายนอก ซ่อมแซม สี วางระบบเสียง ไฟฟ้า ประปา แต่เท่าที่ช่างได้ทำการสำรวจไม่น่าเชื่อเลยว่าตึกที่มีความสำคัญในทำเนียบอย่างตึกบัญชาการ 1 และ 2 จะทรุดโทรมมาก ทั้งลิฟต์ ระบบเสียง อุปกรณ์ต่างๆต้องโล๊ะทิ้งทั้งหมด ห้องประชุมชั้น 5 ตึกบัญชาการ 2 ที่ใช้เป็นห้องประชุมหลักก็ต้องวางระบบใหม่เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะไฟฟ้าและเครื่องเสียง ซึ่งก็คงต้องเร่งทำทั้งวันทั้งคืน ไม่เช่นนั้นคงไม่ทันเวลา” เจ้าหน้าที่บริษัทเอกชนรายหนึ่ง กล่าว
สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุการณ์แปลกๆขึ้น ก่อนหน้านี้ทั้งเรื่องที่ตัวเงินตัวทองออกมากัดกันด้านข้าง ตึกบัญชาการ 1-2 โดยไม่เคยปรากฏมาก่อน จากนั้น ก็เกิดเหตุไฟดับทั้งตึกบัญชาการ 2 และล่าสุดระหว่างเจ้าหน้าที่เข้าปรับปรุงตึกนารีสโมสร ก็มีการได้กลิ่นน้ำอบไทย จนทำให้เจ้าหน้าที่พากันหวาดกลัว ผู้ที่รับผิดชอบในส่วนต่างๆ จึงได้เริ่มดำเนินการทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าดำเนินการ ทั้งนี้ เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ที่กำลังปรับปรุงตึกนารีสโมสรเพื่อให้เป็นสถานที่รับรองแขกรัฐบาลที่เคยได้กลิ่นน้ำอบไทย เปิดเผยว่า หลังที่ทำการขอขมาและนำพวงมาลัยดอกไม้เข้าสักการะ ตอนนี้การทำงานทุกอย่างราบรื่น ยังไม่มีใครเห็นหรือได้กลิ่นแปลกๆอีก
โดยรายงานข่าวแจ้งว่า นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้สั่งการเป็นการเร่งด่วน เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ให้มาประกอบพิธีบวงสรวง ในวันที่ 22 ก.ค. ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดเครื่องบวงสรวงชุดใหญ่ ชุดอาหารคาว หวาน ทั้งหมู เห็ด เป็ดไก่ ผลไม้ชุดใหญ่ โดยกำหนดพิธีจะเริ่มพิธี ในเวลาประมาณ 11.00 น.
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ฯกำลังเตรียมเครื่องบวงสรวง ได้มีโทรศัพท์เข้ามายังหัวหน้างาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเก็บเครื่องบวงสรวงที่เตรียมไว้ขึ้นรถตู้กลับออกไปทันที เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ขณะเจ้าหน้าที่รายหนึ่งพูดแต่เพียงว่า “ผิดที่”
เมื่อผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง นายมณฑล ได้รับการชี้แจงเพียงสั้นๆ ว่า กำหนดพิธีบวงสรวงศาลเดิม จะทำในเวลา 11.00 น. วันที่ 22 ก.ค. ซึ่งตนได้มอบหมายให้รองอธิบดีเป็นผู้เดินทางไปบวงสรวง แต่ก่อนถึงกำหนดเวลาได้มีฝ่ายเลขาธิการนายรัฐมนตรี แจ้งมาว่า ให้ยกเลิกไปก่อน ซึ่งก็ไม่ทราบสาเหตุ
ทั้งนี้ กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้รับมอบหมายให้ทำการปรับปรุงอาคาร ตึกบัญชาการ 1-2 และ องค์ประกอบของบางตึก ร่วมกับทางกรมยุทธโยธาทหารบก กทม. กรมศิลปากร
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่มีคำสั่งให้ยกเลิกพิธีบวงสรวงศาลพระภูมิเจ้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาลแบบกระทันหัน ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่ฯ ได้ดำเนินการตระเตรียมเกือบเสร็จแล้วนั้น เป็นคำสั่งมาจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของทำเนียบรัฐบาลรายหนึ่ง โดยระบุว่า เนื่องจากขณะนี้งบประมาณการดำเนินการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงขอว่าอย่าเพิ่งดำเนินการใดๆ ไปก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้พิธีบวงสรวงพระภูมิเจ้าหน้าที่ ประจำทำเนียบรัฐบาล จะถูกยกเลิกกระทันหัน แต่ปรากฏว่า เมื่อเวลา 09.45 น. เจ้าหน้าที่บริษัทเอกชนรายหนึ่ง ที่ได้รับการว่าจ้างจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้นำพวงมาลัย ดอกไม้ ธูปเทียน เข้าสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่
โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ได้เข้ามาสำรวจพื้นที่และอาคารที่รับผิดชอบ คือ ตึกบัญชาการ 1-2 แล้ว และวันเดียวกันนี้ก็จะเริ่มดำเนินการทันที เนื่องจากเวลามีน้อยจึงพากันมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ เนื่องจากทราบถึงเสียงร่ำลือ และประวัติต่างๆ ภายในทำเนียบฯ จึงมาสักการะเพื่อขออนุญาต และต้องการให้งานที่รับผิดชอบราบรื่นไม่เกิดอุปสรรคใดๆ
"พวกเราทราบถึงเสียงร่ำลือ และความเฮี้ยนต่างๆ ยอมรับว่าก็ค่อนข้างกลัว แต่เมื่อเราเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ได้เป็นการลบหลู่ แต่มาทำให้เกิดความสวยงาม และดีขึ้น ก็หวังว่าจะไม่เกิดอุปสรรคใดๆ แต่ตอนนี้สิ่งที่หนักใจเห็นจะเป็นเรื่องของระยะเวลาในการทำงาน เนื่องจากผู้ว่าจ้างขอให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จในวันที่ 15 ก.ย. เท่ากับเราเหลือเวลาเพียงเดือนกว่าๆ ซึ่งก็ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ โดยจัดกำลังคน เฉพาะบริษัทของพวกตนจำนวน 150 คน เท่าที่ทราบมีบริษัทเอกชน ที่ได้รับการว่าจ้างดำเนินการปรับปรุงตึกบัญชาการ 1-2 จำนวน 3 บริษัท และใช้จำนวนคนเท่าๆ กัน ทำงาน 24 ชั่วโมง เพื่อให้งานเสร็จทัน ทั้งการตบแต่งภายใน ภายนอก ซ่อมแซม สี วางระบบเสียง ไฟฟ้า ประปา แต่เท่าที่ช่างได้ทำการสำรวจไม่น่าเชื่อเลยว่าตึกที่มีความสำคัญในทำเนียบอย่างตึกบัญชาการ 1 และ 2 จะทรุดโทรมมาก ทั้งลิฟต์ ระบบเสียง อุปกรณ์ต่างๆต้องโล๊ะทิ้งทั้งหมด ห้องประชุมชั้น 5 ตึกบัญชาการ 2 ที่ใช้เป็นห้องประชุมหลักก็ต้องวางระบบใหม่เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะไฟฟ้าและเครื่องเสียง ซึ่งก็คงต้องเร่งทำทั้งวันทั้งคืน ไม่เช่นนั้นคงไม่ทันเวลา” เจ้าหน้าที่บริษัทเอกชนรายหนึ่ง กล่าว
สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุการณ์แปลกๆขึ้น ก่อนหน้านี้ทั้งเรื่องที่ตัวเงินตัวทองออกมากัดกันด้านข้าง ตึกบัญชาการ 1-2 โดยไม่เคยปรากฏมาก่อน จากนั้น ก็เกิดเหตุไฟดับทั้งตึกบัญชาการ 2 และล่าสุดระหว่างเจ้าหน้าที่เข้าปรับปรุงตึกนารีสโมสร ก็มีการได้กลิ่นน้ำอบไทย จนทำให้เจ้าหน้าที่พากันหวาดกลัว ผู้ที่รับผิดชอบในส่วนต่างๆ จึงได้เริ่มดำเนินการทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าดำเนินการ ทั้งนี้ เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ที่กำลังปรับปรุงตึกนารีสโมสรเพื่อให้เป็นสถานที่รับรองแขกรัฐบาลที่เคยได้กลิ่นน้ำอบไทย เปิดเผยว่า หลังที่ทำการขอขมาและนำพวงมาลัยดอกไม้เข้าสักการะ ตอนนี้การทำงานทุกอย่างราบรื่น ยังไม่มีใครเห็นหรือได้กลิ่นแปลกๆอีก