คสช.ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2557 “ประยุทธ์” เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นเอสเอ็มอี "หม่อมปนัดดา" เผย หน.คสช.สั่งจัดใหญ่งานวันเฉลิมฯราชินี คืนความสุขคนไทย 9-10 ส.ค.นี้ ที่สวนอัมพร-ลานพระราชวังดุสิต จัดทำหนังพระราชกรณียกิจ 4 เรื่องฉายพารากอน 5 ส.ค. ชวนพสกนิกรร่วมสมทบทุนสร้างพระพุทธรูปเฉลิมพระชนมายุ 7 รอบ กำหนดเสร็จปี 59 “บิ๊กตู่” นั่งหัวโต๊ะประเดิมถก กนพ.ผุด 5 เขต ศก.พิเศษนำร่อง ตั้งอนุกรรมการ 3 คณะขับเคลื่อน
เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (15 ก.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม คสช.ว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน ครั้งที่ 6/2557 โดยมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะรองหัวหน้า คสช. ฝ่ายความมั่นคง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายสังคมจิตวิทยา พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช. พร้อมด้วยปลัดกระทรวงและหัวหน้าส่วนงานต่างๆ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง
** “ประยุทธ์” เล็งถก กรอ.บูมท่องเที่ยว
ทั้งนี้ในส่วนงานฝ่ายต่างๆได้รายงานความคืบหน้าการทำงาน โดยได้มีการสรุปการทำงานที่สำคัญในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนเข้าวาระการประชุมหลัก คือ การตั้งคณะอนุกรรมการ 3 คณะ ในการฟื้นฟูตรวจสอบการทำงานรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งการตั้งคณะอนุกรรมการ 5 คณะเพื่อเร่งรัดการดำเนินการบริหารจัดการน้ำ พร้อมกันนี้ หัวหน้า คสช. ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการหารือกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐเอกชน (กรอ.) เพื่อหาแนวทางให้ทั้งภาคเอกชน ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ประกอบการด้านการส่งออกและท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเร่งติดตามการดำเนินการขับเคลื่อนการดำเนินเศรษฐกิจพิเศษที่มี คณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) เป็นตัวหลัก ซึ่งเน้นให้มีความสอดคล้องกับแผนงบประมาณรายจ่ายปี 2557 และแผนงบประมาณรายจ่ายปี 2558
** 9-10 ส.ค.จัดงานเฉลิมพระเกียรติ
ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม คสช.ว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน ครั้งที่ 6/2557 ถึงการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 ว่า หัวหน้า คสช.ได้สั่งการให้จัดงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เพื่อการคืนความสุขให้กับคนไทย ที่บริเวณสวนอัมพร และลานพระราชวังสวนดุสิต ระหว่างวันที่ 9-10 ส.ค.นี้ โดยหัวหน้า คสช.จะมาร่วมเปิดงาน และร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรในวันที่ 9 ส.ค.ด้วย อีกทั้งยังมีกิจกรรมเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจต่างๆด้วย ซึ่งทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะจัดซุ้มเฉลิมพระเกียรติตลอดแนว ถ.ราชดำเนิน สำหรับต่างจังหวัดก็จะมีการจัดงานสอดคล้องกับส่วนกลาง ส่วน
ม.ล.ปนัดดา กล่าวอีกว่า สำหรับในวันที่ 12 ส.ค.จะมีการจัดงาน “12 สิงหาพระบรมราชินีนาถ” โดยมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ณ บริเวณท้องสนามหลวง โดยมีการจัดกิจกรรม อาทิ พิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราช และสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า พิธีเดินเฉลิมพระเกียรติ พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 183 รูป พิธีถวายเครื่องราชสักการะจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ
** ทำหนังถ่ายทอดพระราชกรณียกิจ 4 เรื่อง
ม.ล.ปนัดดา เปิดเผยด้วยว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้จัดสร้างภาพยนตร์สารคดีและภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ในการเผยแพร่พระเกียรติคุณด้วยการจัดสร้างภาพยนตร์สารคดีและภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติรวม 4 เรื่อง ความยาวเรื่องละ 30 นาที โดยในส่วนของภาพยนตร์สารคดีเป็นเรื่องเกี่ยวพระราชกรณียกิจในแต่ละภาคของประเทศ โดยพื้นที่ภาคกลางมีชื่อเรื่องว่า "ทศวรรษแรกของการทรงงาน" ภาคตะวันออกเฉียงเหนือชื่อเรื่องว่า "ชัยชนะบนแผ่นดินอีสาน" ภาคเหนือชื่อเรื่องว่า "ด้วยรัก" และภาคใต้ชื่อเรื่องว่า "เสียงจากแดนใต้" โดยทั้ง 4 เรื่องจะมีการฉายที่โรงภาพยนตร์สยามภาวาลัย ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ มุ่งเน้นให้ประชาชนคนไทยได้ตระหนัก และสำนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ม.ล.ปนัดดา กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบหลักการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสมทบทุน สร้างพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร หรือพระพุทธรูปประจำวันเฉลิมพระชนมพรรษา ที่จะสร้างให้แล้วเสร็จในปี 2559 ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบนมราชินีนาถ จะมีพระชนมายุ ครบ 7 รอบ หรือ 84 พรรษา
** คสช.ผ่านหลักการ กม.ป้องทวงหนี้โหด
ขณะที่ นายดิศทัต โหตระกิตย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ในฐานะรักษาการเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับกฎหมายเร่งด่วนที่จะนำส่งให้กับ สนช.พิจารณาหลังจากที่ร่างธรรมนูญการปกครองชั่วคราวมีผลบังคับใช้ โดยได้เห็นชอบร่างกฎหมายสำคัญเร่งด่วนจำนวน 7 ฉบับ ซึ่งมี 3 ฉบับที่เห็นชอบในหลักการ ประกอบด้วย 1.ร่าง พ.ร.บ.แรงงานทางทะเล 2.ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน และ 3.ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่นๆ
ส่วนอีก 4 ฉบับนั้น ที่ประชุมเห็นชอบและเตรียมบรรจุในการพิจารณาของ สนช.เป็นลำดับแรกๆ ประกอบด้วย 1.ร่างพ.ร.บ.การทวงถามหนี้ ให้ความคุ้มครองต่อลูกหนี้ให้ได้รับความคุ้มครองตามสิทธิที่ควรจะได้รับ 2.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 3.ร่าง พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ เป็นการลดภาระและค่าใช้จ่ายในการมาติดต่อหน่วยงานทางราชการ และ 4.ร่าง พ.ร.บ.วิธีปฎิบัติราชการทางปกครอง
ทั้งนี้ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของ คสช.ที่มี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.เป็นหัวหน้า ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปจัดลำดับร่างกฎหมายที่จำเป็นทั้งหมด 80 ฉบับที่ยังค้างอยู่ เพื่อสอดคล้องกับการดำเนินงานของคสช. ซึ่งขณะนี้กฤษฏีกาได้มีการตรวจสอบไปแล้วกว่าร้อยละ 80 และจะจัดทำบัญชีรายชื่อร่างกฏหมายเสนอ คสช.ต่อไป
** กนพ.ไฟเขียวตั้ง 5 เขต ศก.พิเศษนำร่อง
วันเดียวกัน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ 1/2557 ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธาน กนพ.เป็นประธานในการประชุมว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบให้จัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะแรกหรือนำร่องของไทย ใน 5 พื้นที่ชายแดน เพื่อให้ก้าวไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนได้อย่างสมบูรณ์ในปี 58 คือ อ.แม่สอด จ.ตาก, อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว, อ.คลองใหญ่ จ.ตราด, จ.มุกดาหาร และ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดน ที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 1 ล้านล้านบาทหรือกว่าร้อยละ 15 ของปริมาณการค้ารวมของทั้งประเทศให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป เพราะล่าสุดแม้ว่ามูลค่าการส่งออกของไทยในช่วง 5 เดือนแรกจะติดลบที่ร้อยละ 1.2 แต่พบว่ามูลค่าการค้าชายแดนไทยกลับเติบโตมากขึ้นร้อยละ 10-15
** ตั้งอนุกรรมการ 3 ชุดขับเคลื่อน
นายอาคม กล่าวอีกว่า ในที่ประชุม หัวหน้า คสช.ในฐานะประธาน กนพ.ได้ย้ำว่า หากมีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นมาแล้ว ต้องเพิ่มรายได้ และอาชีพให้คนในพื้นที่ รวมทั้งต้องส่งเสริมให้มีโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตรตามแนวชายแดน เพื่อรองรับการใช้วัตถุดิบจากเพื่อนบ้าน ก่อนการส่งออกด้วย รวมทั้งกำชับให้ดูแลปัญหาเรื่องแรงงานต่างด้าว ให้เข้าระบบและเป็นมาตรฐาน ทั้งนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการ 3 ชุด เพื่อเสนอแนวทางดำเนินการต่อไป โดยกำหนดให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 57 เป็นต้นไป ด้วยการกำหนดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เบื้องต้นจะกำหนดเป็นอำเภอก่อน เพื่อให้สะดวกต่อการดำเนินการ
เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (15 ก.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม คสช.ว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน ครั้งที่ 6/2557 โดยมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะรองหัวหน้า คสช. ฝ่ายความมั่นคง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายสังคมจิตวิทยา พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช. พร้อมด้วยปลัดกระทรวงและหัวหน้าส่วนงานต่างๆ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง
** “ประยุทธ์” เล็งถก กรอ.บูมท่องเที่ยว
ทั้งนี้ในส่วนงานฝ่ายต่างๆได้รายงานความคืบหน้าการทำงาน โดยได้มีการสรุปการทำงานที่สำคัญในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนเข้าวาระการประชุมหลัก คือ การตั้งคณะอนุกรรมการ 3 คณะ ในการฟื้นฟูตรวจสอบการทำงานรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งการตั้งคณะอนุกรรมการ 5 คณะเพื่อเร่งรัดการดำเนินการบริหารจัดการน้ำ พร้อมกันนี้ หัวหน้า คสช. ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการหารือกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐเอกชน (กรอ.) เพื่อหาแนวทางให้ทั้งภาคเอกชน ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ประกอบการด้านการส่งออกและท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเร่งติดตามการดำเนินการขับเคลื่อนการดำเนินเศรษฐกิจพิเศษที่มี คณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) เป็นตัวหลัก ซึ่งเน้นให้มีความสอดคล้องกับแผนงบประมาณรายจ่ายปี 2557 และแผนงบประมาณรายจ่ายปี 2558
** 9-10 ส.ค.จัดงานเฉลิมพระเกียรติ
ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม คสช.ว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน ครั้งที่ 6/2557 ถึงการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 ว่า หัวหน้า คสช.ได้สั่งการให้จัดงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เพื่อการคืนความสุขให้กับคนไทย ที่บริเวณสวนอัมพร และลานพระราชวังสวนดุสิต ระหว่างวันที่ 9-10 ส.ค.นี้ โดยหัวหน้า คสช.จะมาร่วมเปิดงาน และร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรในวันที่ 9 ส.ค.ด้วย อีกทั้งยังมีกิจกรรมเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจต่างๆด้วย ซึ่งทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะจัดซุ้มเฉลิมพระเกียรติตลอดแนว ถ.ราชดำเนิน สำหรับต่างจังหวัดก็จะมีการจัดงานสอดคล้องกับส่วนกลาง ส่วน
ม.ล.ปนัดดา กล่าวอีกว่า สำหรับในวันที่ 12 ส.ค.จะมีการจัดงาน “12 สิงหาพระบรมราชินีนาถ” โดยมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ณ บริเวณท้องสนามหลวง โดยมีการจัดกิจกรรม อาทิ พิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราช และสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า พิธีเดินเฉลิมพระเกียรติ พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 183 รูป พิธีถวายเครื่องราชสักการะจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ
** ทำหนังถ่ายทอดพระราชกรณียกิจ 4 เรื่อง
ม.ล.ปนัดดา เปิดเผยด้วยว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้จัดสร้างภาพยนตร์สารคดีและภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ในการเผยแพร่พระเกียรติคุณด้วยการจัดสร้างภาพยนตร์สารคดีและภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติรวม 4 เรื่อง ความยาวเรื่องละ 30 นาที โดยในส่วนของภาพยนตร์สารคดีเป็นเรื่องเกี่ยวพระราชกรณียกิจในแต่ละภาคของประเทศ โดยพื้นที่ภาคกลางมีชื่อเรื่องว่า "ทศวรรษแรกของการทรงงาน" ภาคตะวันออกเฉียงเหนือชื่อเรื่องว่า "ชัยชนะบนแผ่นดินอีสาน" ภาคเหนือชื่อเรื่องว่า "ด้วยรัก" และภาคใต้ชื่อเรื่องว่า "เสียงจากแดนใต้" โดยทั้ง 4 เรื่องจะมีการฉายที่โรงภาพยนตร์สยามภาวาลัย ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ มุ่งเน้นให้ประชาชนคนไทยได้ตระหนัก และสำนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ม.ล.ปนัดดา กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบหลักการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสมทบทุน สร้างพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร หรือพระพุทธรูปประจำวันเฉลิมพระชนมพรรษา ที่จะสร้างให้แล้วเสร็จในปี 2559 ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบนมราชินีนาถ จะมีพระชนมายุ ครบ 7 รอบ หรือ 84 พรรษา
** คสช.ผ่านหลักการ กม.ป้องทวงหนี้โหด
ขณะที่ นายดิศทัต โหตระกิตย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ในฐานะรักษาการเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับกฎหมายเร่งด่วนที่จะนำส่งให้กับ สนช.พิจารณาหลังจากที่ร่างธรรมนูญการปกครองชั่วคราวมีผลบังคับใช้ โดยได้เห็นชอบร่างกฎหมายสำคัญเร่งด่วนจำนวน 7 ฉบับ ซึ่งมี 3 ฉบับที่เห็นชอบในหลักการ ประกอบด้วย 1.ร่าง พ.ร.บ.แรงงานทางทะเล 2.ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน และ 3.ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่นๆ
ส่วนอีก 4 ฉบับนั้น ที่ประชุมเห็นชอบและเตรียมบรรจุในการพิจารณาของ สนช.เป็นลำดับแรกๆ ประกอบด้วย 1.ร่างพ.ร.บ.การทวงถามหนี้ ให้ความคุ้มครองต่อลูกหนี้ให้ได้รับความคุ้มครองตามสิทธิที่ควรจะได้รับ 2.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 3.ร่าง พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ เป็นการลดภาระและค่าใช้จ่ายในการมาติดต่อหน่วยงานทางราชการ และ 4.ร่าง พ.ร.บ.วิธีปฎิบัติราชการทางปกครอง
ทั้งนี้ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของ คสช.ที่มี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.เป็นหัวหน้า ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปจัดลำดับร่างกฎหมายที่จำเป็นทั้งหมด 80 ฉบับที่ยังค้างอยู่ เพื่อสอดคล้องกับการดำเนินงานของคสช. ซึ่งขณะนี้กฤษฏีกาได้มีการตรวจสอบไปแล้วกว่าร้อยละ 80 และจะจัดทำบัญชีรายชื่อร่างกฏหมายเสนอ คสช.ต่อไป
** กนพ.ไฟเขียวตั้ง 5 เขต ศก.พิเศษนำร่อง
วันเดียวกัน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ 1/2557 ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธาน กนพ.เป็นประธานในการประชุมว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบให้จัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะแรกหรือนำร่องของไทย ใน 5 พื้นที่ชายแดน เพื่อให้ก้าวไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนได้อย่างสมบูรณ์ในปี 58 คือ อ.แม่สอด จ.ตาก, อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว, อ.คลองใหญ่ จ.ตราด, จ.มุกดาหาร และ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดน ที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 1 ล้านล้านบาทหรือกว่าร้อยละ 15 ของปริมาณการค้ารวมของทั้งประเทศให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป เพราะล่าสุดแม้ว่ามูลค่าการส่งออกของไทยในช่วง 5 เดือนแรกจะติดลบที่ร้อยละ 1.2 แต่พบว่ามูลค่าการค้าชายแดนไทยกลับเติบโตมากขึ้นร้อยละ 10-15
** ตั้งอนุกรรมการ 3 ชุดขับเคลื่อน
นายอาคม กล่าวอีกว่า ในที่ประชุม หัวหน้า คสช.ในฐานะประธาน กนพ.ได้ย้ำว่า หากมีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นมาแล้ว ต้องเพิ่มรายได้ และอาชีพให้คนในพื้นที่ รวมทั้งต้องส่งเสริมให้มีโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตรตามแนวชายแดน เพื่อรองรับการใช้วัตถุดิบจากเพื่อนบ้าน ก่อนการส่งออกด้วย รวมทั้งกำชับให้ดูแลปัญหาเรื่องแรงงานต่างด้าว ให้เข้าระบบและเป็นมาตรฐาน ทั้งนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการ 3 ชุด เพื่อเสนอแนวทางดำเนินการต่อไป โดยกำหนดให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 57 เป็นต้นไป ด้วยการกำหนดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เบื้องต้นจะกำหนดเป็นอำเภอก่อน เพื่อให้สะดวกต่อการดำเนินการ