ASTVผู้จัดการรายวัน- สำนักงานประกันสังคม เล็งผุด "ประกันสังคมอาเซียน" ดูแลแรงงานข้ามชาติ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เตรียมเสนอคสช.พิจารณา ด้าน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ชงคสช. ตั้งกระทรวงพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รองรับหน่วยงานรัฐ ที่มีภารกิจด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
นางสุพัชรี มีครุฑ รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า ตามที่ สปส.ได้จัดประชุมระหว่างประเทศเรื่อง การเสริมสร้างความเข้มแข็ง ความคุ้มครองทางสังคมแก่ประชาคมอาเซียน" เมื่อเร็วๆนี้ โดยมีผู้แทน 10 ประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียน (เออีซี) เข้าร่วม ที่ประชุมมีข้อสรุปร่วมกันในเชิงหลักการ 3 ประเด็นหลัก คือ
1. ประเทศสมาชิกเออีซี ควรจะมาร่วมกันทำข้อตกลงความร่วมมือด้านประกันสังคมระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อให้การคุ้มครองดูแลด้านประกันสังคมให้แก่แรงงาน และพลเมืองในอาเซียนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อรองรับการเปิดเอซี ในปีพ.ศ. 2558
2. แรงงานข้ามชาติควรได้รับการคุ้มครองดูแลทางสังคม และประกันสังคมอย่างเท่าเทียมและยุติธรรมจากประเทศที่เข้าไปทำงานเช่นเดียวกับพลเมืองของประเทศนั้นๆ
3. กลุ่มประเทศสมาชิกเออีซี ควรจะขยายความคุ้มครองทางสังคมโดยขยายระบบประกันสังคมไปสู่แรงงานนอกระบบให้ครอบคลุมและทั่วถึง ซึ่งแนวทางการดำเนินการของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละประเทศ จะนำข้อสรุปจากการประชุมข้างต้นทั้ง 3 ประเด็นนี้ ซึ่งเป็นความเห็นร่วมกันในเชิงหลักการของ 10 ประเทศ ไม่ใช่การลงมติที่มีผลผูกพันในทางปฏิบัติไปเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดสปส.) และจะมีการเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. )ด้วย โดยเฉพาะประเด็นการทำข้อตกลงความร่วมมือด้านประกันสังคมระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียน
"หากจะมีการดำเนินการจริง ก็จะต้องมีการแก้ไขระเบียบและกฎหมายประกันสังคม รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการดำเนินการของอีก 9 ประเทศ รวมทั้งจะต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่รองรับให้ชัดเจน เช่น การนับระยะเวลาและวิธีจัดเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม การจ่ายเงินสิทธิประโยชน์ซึ่งเป็นไปในลักษณะข้ามประเทศ การกำหนดสิทธิประโชน์ต่างๆให้สอดรับกับอีก 9 ประเทศ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบอร์ดสปส.และคสช.ว่าจะมีนโยบายเช่นไร"นางสุพัชรี กล่าว
ก่อนหน้านี้ นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดระทรวงแรงงาน ระบุว่า ประเทศไทย จะร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนโดยเฉพาะการดูแลกลุ่มแรงงานข้ามชาติ และแรงงานนอกระบบ ที่เป็นกลุ่มใหญ่และมีข้อจำกัดและลักษณะพิเศษ ซึ่งแต่ละประเทศมีความพร้อมด้านทรัพยากร งบประมาณในการดำเนินการแตกต่างกัน จึงต้องร่วมมือกันกำหนดการให้ความคุ้มครองทางสังคม ทั้งในเรื่องของประกันสังคม สิทธิประโยชน์ต่างๆและแรงงานสัมพันธ์ให้มีความสอดคล้องกัน
**ชงคสช.ตั้งก.พัฒนาศักยภาพแรงงาน
นายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ตนได้เข้าร่วมประชุมกับผู้แทนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ในเรื่องการเตรียมความพร้อมแรงงานไทย เพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (เออีซี) ซึ่งตนได้เสนอแนวทางการพัฒนาแรงงาน เน้นการพัฒนาทักษะฝีมือ ภาษาอังกฤษและภาษาอาเซียน วัฒนธรรม ไอที และทัศนคติที่ดีในการทำงาน นอกจากนี้ จะต้องยกระดับคุณภาพผู้ที่เรียนระดับ ปวช. -ปวส. สาขาช่างฝีมือต่างๆ และผู้เรียนระดับปริญญาตรีให้เน้นการเรียนทฤษฎีควบคู่ไปกับการฝึกปฏิบัติงานจริงในสถานประกอบการโดยอาศัยความร่วมมือจากสมาคมและเอกชนในกลุ่มอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ
อธิบดี กพร. กล่าวอีกว่า ตนยังเสนอต่อ คสช.ว่า หากจะให้การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสามารถแข่งขันระดับนานาชาติได้ควรจะจัดตั้งกระทรวงพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ขึ้นมารองรับโดยนำหน่วยงานรัฐที่มีภารกิจด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น กพร. สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มายุบรวมกัน เนื่องจากที่ผ่านมาแต่ละหน่วยงานต่างมุ่งปฏิบัติภารกิจของตนเอง ไม่ได้บูรณาการการร่วมมือระหว่างกัน และลำพัง กพร. หน่วยงานเดียวก็ไม่สามารถดำเนินการพัฒนาแรงงานฝีมือแรงงานได้ทุกระดับอย่างเต็มที่เพราะมีข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณและอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ ทั้งนี้ กพร.อยู่ระหว่างศึกษาความ เป็นไปได้ในเรื่องข้างต้น หากผลการศึกษามีข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วก็จะเสนอต่อ คสช.
นายนคร กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน ตนยังได้เสนอแนวทางการคัดกรองช่างฝีมือต่างชาติ ที่มีคุณภาพหลังเปิดเออีซีต่อ คสช.โดย กพร. เสนอขอแก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 เพื่อกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อออกใบรับรองความสามารถให้แก่ช่างฝีมือในสาขาที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน เช่น ช่างเชื่อม ช่างก่อสร้าง ช่างไฟฟ้า ช่างซ่อมเครื่องปรับอากาศ โดยการทดสอบนั้นให้เป็นไปตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติและเข้ารับการทดสอบกับกพร.เมื่อช่างฝีมือต่างชาติผ่านการทดสอบจะได้รับใบรับรองความสามารถและทำงานในประเทศไทยได้
นางสุพัชรี มีครุฑ รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า ตามที่ สปส.ได้จัดประชุมระหว่างประเทศเรื่อง การเสริมสร้างความเข้มแข็ง ความคุ้มครองทางสังคมแก่ประชาคมอาเซียน" เมื่อเร็วๆนี้ โดยมีผู้แทน 10 ประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียน (เออีซี) เข้าร่วม ที่ประชุมมีข้อสรุปร่วมกันในเชิงหลักการ 3 ประเด็นหลัก คือ
1. ประเทศสมาชิกเออีซี ควรจะมาร่วมกันทำข้อตกลงความร่วมมือด้านประกันสังคมระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อให้การคุ้มครองดูแลด้านประกันสังคมให้แก่แรงงาน และพลเมืองในอาเซียนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อรองรับการเปิดเอซี ในปีพ.ศ. 2558
2. แรงงานข้ามชาติควรได้รับการคุ้มครองดูแลทางสังคม และประกันสังคมอย่างเท่าเทียมและยุติธรรมจากประเทศที่เข้าไปทำงานเช่นเดียวกับพลเมืองของประเทศนั้นๆ
3. กลุ่มประเทศสมาชิกเออีซี ควรจะขยายความคุ้มครองทางสังคมโดยขยายระบบประกันสังคมไปสู่แรงงานนอกระบบให้ครอบคลุมและทั่วถึง ซึ่งแนวทางการดำเนินการของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละประเทศ จะนำข้อสรุปจากการประชุมข้างต้นทั้ง 3 ประเด็นนี้ ซึ่งเป็นความเห็นร่วมกันในเชิงหลักการของ 10 ประเทศ ไม่ใช่การลงมติที่มีผลผูกพันในทางปฏิบัติไปเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดสปส.) และจะมีการเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. )ด้วย โดยเฉพาะประเด็นการทำข้อตกลงความร่วมมือด้านประกันสังคมระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียน
"หากจะมีการดำเนินการจริง ก็จะต้องมีการแก้ไขระเบียบและกฎหมายประกันสังคม รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการดำเนินการของอีก 9 ประเทศ รวมทั้งจะต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่รองรับให้ชัดเจน เช่น การนับระยะเวลาและวิธีจัดเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม การจ่ายเงินสิทธิประโยชน์ซึ่งเป็นไปในลักษณะข้ามประเทศ การกำหนดสิทธิประโชน์ต่างๆให้สอดรับกับอีก 9 ประเทศ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบอร์ดสปส.และคสช.ว่าจะมีนโยบายเช่นไร"นางสุพัชรี กล่าว
ก่อนหน้านี้ นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดระทรวงแรงงาน ระบุว่า ประเทศไทย จะร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนโดยเฉพาะการดูแลกลุ่มแรงงานข้ามชาติ และแรงงานนอกระบบ ที่เป็นกลุ่มใหญ่และมีข้อจำกัดและลักษณะพิเศษ ซึ่งแต่ละประเทศมีความพร้อมด้านทรัพยากร งบประมาณในการดำเนินการแตกต่างกัน จึงต้องร่วมมือกันกำหนดการให้ความคุ้มครองทางสังคม ทั้งในเรื่องของประกันสังคม สิทธิประโยชน์ต่างๆและแรงงานสัมพันธ์ให้มีความสอดคล้องกัน
**ชงคสช.ตั้งก.พัฒนาศักยภาพแรงงาน
นายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ตนได้เข้าร่วมประชุมกับผู้แทนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ในเรื่องการเตรียมความพร้อมแรงงานไทย เพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (เออีซี) ซึ่งตนได้เสนอแนวทางการพัฒนาแรงงาน เน้นการพัฒนาทักษะฝีมือ ภาษาอังกฤษและภาษาอาเซียน วัฒนธรรม ไอที และทัศนคติที่ดีในการทำงาน นอกจากนี้ จะต้องยกระดับคุณภาพผู้ที่เรียนระดับ ปวช. -ปวส. สาขาช่างฝีมือต่างๆ และผู้เรียนระดับปริญญาตรีให้เน้นการเรียนทฤษฎีควบคู่ไปกับการฝึกปฏิบัติงานจริงในสถานประกอบการโดยอาศัยความร่วมมือจากสมาคมและเอกชนในกลุ่มอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ
อธิบดี กพร. กล่าวอีกว่า ตนยังเสนอต่อ คสช.ว่า หากจะให้การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสามารถแข่งขันระดับนานาชาติได้ควรจะจัดตั้งกระทรวงพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ขึ้นมารองรับโดยนำหน่วยงานรัฐที่มีภารกิจด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น กพร. สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มายุบรวมกัน เนื่องจากที่ผ่านมาแต่ละหน่วยงานต่างมุ่งปฏิบัติภารกิจของตนเอง ไม่ได้บูรณาการการร่วมมือระหว่างกัน และลำพัง กพร. หน่วยงานเดียวก็ไม่สามารถดำเนินการพัฒนาแรงงานฝีมือแรงงานได้ทุกระดับอย่างเต็มที่เพราะมีข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณและอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ ทั้งนี้ กพร.อยู่ระหว่างศึกษาความ เป็นไปได้ในเรื่องข้างต้น หากผลการศึกษามีข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วก็จะเสนอต่อ คสช.
นายนคร กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน ตนยังได้เสนอแนวทางการคัดกรองช่างฝีมือต่างชาติ ที่มีคุณภาพหลังเปิดเออีซีต่อ คสช.โดย กพร. เสนอขอแก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 เพื่อกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อออกใบรับรองความสามารถให้แก่ช่างฝีมือในสาขาที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน เช่น ช่างเชื่อม ช่างก่อสร้าง ช่างไฟฟ้า ช่างซ่อมเครื่องปรับอากาศ โดยการทดสอบนั้นให้เป็นไปตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติและเข้ารับการทดสอบกับกพร.เมื่อช่างฝีมือต่างชาติผ่านการทดสอบจะได้รับใบรับรองความสามารถและทำงานในประเทศไทยได้
