ศูนย์ข่าวภูมิภาค- "เจ้าอาวาส-แม่ชีเชอรี่" ย่องเงียบวัดถ้ำขวัญเมืองกลางดึก เรียกด่ายับพระและศิษย์ที่ให้ข่าว พร้อมสั่งตั้งด่านตรวจบริเวณทางเข้าวัดเข้มเพื่อสกรีนคน ผู้สื่อข่าว ผู้นำชุมชนและชาวบ้านรวมทั้งศิษย์เก่า จี้เจ้าอาวาส แม่ชี แจงความจริงให้ชัด ทั้งเงินของวัด 11 บัญชี และข้อสงสัยที่พบแม่ชีเป็นสมาชิกบริษัทขายตรงชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยใช้วัดเป็นทางผ่านในการแสวงหาผลประโยชน์
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของแม่ชีเชอรี่ หรือ น.ส.สุปริญญา ฮุนนางกุล อายุ 42 ปี และพระครูสุธรรมวีราจารย์ (พระอาจารย์สมใจ) เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพรว่า เมื่อคืนวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา มีคนพบเห็นแม่ชีเชอรี่ พร้อมด้วยพระอาจารย์สมใจ และคณะ ได้เดินทางกลับเข้าวัดถ้ำขวัญเมืองแล้วหลังจากทั้งคู่ได้เปิดแถลงข่าวระหว่างเดินทางไปรับกิจนิมนต์ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ที่บ้านเลขที่ 1142 หมู่ 4 ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ของนายวรเดช กาญจนอโนทัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าม่วง เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา และได้หายตัวไปอีกครั้ง โดยไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เมื่อเจ้าอาวาส และแม่ชีไปถึงวัดได้มีการดุด่าพระสงฆ์และลูกศิษย์ที่อยู่ภายในวัดอย่างรุนแรงถึงกรณีที่มีการให้ข่าวต่อสื่อมวลชนจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต พร้อมทั้งด่าผู้สื่อข่าวที่เข้าไปทำข่าวภายในวัดก่อนหน้านี้ด้วยว่าไม่มีจรรยาบรรณ
ต่อมาในช่วงเช้าวานนี้ (9 ก.ค.) หลังทราบว่าเจ้าอาวาสและแม่ชีเชอรี่ เดินทางกลับเช้าวัดถ้ำขวัญเมืองแล้วผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบความจริง แต่ไม่สามารถเข้าไปภายในบริเวณวัดได้ เนื่องจากทางวัดได้มีการตั้งด่านจุดบริการอำนวยความสะดวกด้านจราจร พร้อมเขียนป้ายเขียนข้อความว่า "ห้ามผ่าน" และ "ห้ามจอด" ที่บริเวณบนถนนคอนกรีตปากทางเข้าวัดถ้ำขวัญเมือง โดยมีลูกศิษย์ของวัดแต่งกายชุดขาว สวมเสื้อกั๊กสีส้มประมาณ 4-5 คนนั่งเฝ้าประจำจุดบริการอยู่ตลอดเวลา และคอยบริการเปิดทางเข้าออกให้เฉพาะกลุ่มลูกศิษย์ของวัดที่จะเข้ามาร่วมทำบุญในช่วงเข้าวันพรรษาให้เท่านั้น หากเป็นคนภายนอกหรือชาวบ้านในพื้นที่ก็จะมีการสอบถามถึงจุดประสงค์ที่เข้าไปในวัดก่อน
เมื่อผู้สื่อข่าวแสดงตนขอผ่านเข้าไปภายในวัดเพื่อเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เจ้าอาวาส กับแม่ชี ได้กลับเข้าวัดแล้วจริงหรือไม่ ปรากฏว่าลูกศิษย์ของวัดถ้ำขวัญเมืองคนหนึ่ง ได้เชิญผู้สื่อข่าวไปพูดคุยด้วยและสอบถามถึงวัตถุประสงค์ที่จะเข้าไปในวัด พร้อมบอกว่า เนื่องจากทางวัดกำลังจะมีการจัดงานบุญใหญ่ จึงไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าเก็บภาพหรือทำข่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เจ้าอาวาสและแม่ชีเชอรี่ กลับมาถึงวัดหรือยัง ได้คำตอบจากศิษย์คนดังกล่าวว่ากลับมาถึงแล้ว แต่ไม่สามารถอนุญาตให้ใครเข้าพบได้ และหากต้องการจะพบเจ้าอาวาสและแม่ชี หรือต้องการมาทำข่าวต้องทำหนังสือและระบุสังกัดว่ามาจากไหนและจะมาทำข่าวเรื่องอะไรให้คณะกรรมการวัดทราบก่อนเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้ และหากยื่นหนังสือแล้วต้องรอการอนุญาตจากคณะกรรมการวัดเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าไปทำข่าวได้ แต่หากเป็นการมาทำบุญหรือปฏิบัติธรรมก็สามารถเข้ามาวัดได้ตามปกติ และต้องทำตามกฎระเบียบของวัดอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งขอเบอร์ติดต่อผู้สื่อข่าวไว้เพื่อจะประสานงานด้วย
ด้านนายอนันต์ ศรีวิสัย รองประธานสภาพเทศบาลตำบลนาโพธิ์พัฒนา อ.สวี จ.ชุมพร กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำบุญวันพระใหญ่ทางวัดมีการตั้งจุดอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาทำบุญทุกปี โดยใช้กำลังของ อปพร. และตำรวจชุมชนในพื้นที่ และไม่เคยสั่งห้ามใครหรือบุคคลใดเข้าวัด แต่มาช่วงระยะ 3 ปีหลังนี้ คณะกรรมการวัดได้ให้ลูกศิษย์ของวัดมาตั้งจุดอำนวยความสะดวกด้านจราจรแทนโดยไม่ทราบเหตุผล
"ผมเห็นด้วยที่ผู้นำชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้าน และชาวบ้านที่ออกมาเรียกร้องอยากให้ทางวัดออกมาชี้แจงเรื่องเงินบริจาคของวัด ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ทางวัดจะต้องเปิดเผยกับสาธารณะชน เพราะที่ผ่านมาได้ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ให้กับวัดมามากแล้ว" นายอนันต์ กล่าว
ข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมาผู้นำชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้าน พร้อมชาวบ้านในพื้นที่ ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร ได้มีการประชุมกันถึงกรณีของแม่ชีเชอรี่ ที่สร้างความเสื่อมเสียให้แก่วัดถ้ำขวัญเมือง โดยในที่ประชุมได้มีความเห็นว่าทางวัดจะต้องออกมาชี้แจงในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ชาวบ้านและสาธารณชนได้รับทราบ ทั้งเรื่องความไม่เหมาะสม และเส้นทางการเงินภายในวัด ไม่ใช่แค่แถลงด้วยคำพูดแล้วจบเพราะไม่สามารถเชื่อถือได้
นายสุนทร รักษ์รงค์ ที่ปรึกษาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ ในฐานะชาว จ.ชุมพร กล่าวว่า กรณีแม่ชีเชอรี่ จะผิดหลักธรรมวินัยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ต้องจัดการกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ เมื่อมีความคลางแคลงใจเกิดขึ้นมันก็เกิดความเสื่อมขึ้นทันที
"กรณีนี้เจ้าอาวาสจะต้องรับผิดชอบสร้างความกระจ่างแจ้งให้ได้ เพราะขณะนี้สังคมในจังหวัดชุมพรกำลังจับตาดูอยู่ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนรู้สึกเสียใจ อยากให้เจ้าอาวาสเป็นผู้ชี้แจงให้เกิดความกระจ่างแจ้งทุกๆ ประเด็นที่สังคมสงสัยและต้องมีมาตรการให้สังคมได้เห็นว่าจัดการอย่างไรกับปัญหาเพื่อฟื้นศรัทธาคืนมา"
ด้านบรรดาศิษย์เก่าวัดถ้ำขวัญเมือง หลายคนกล่าวในทำนองเดียวกันว่า เบื้องต้นทราบว่าพระอาจารย์สมใจ กับแม่ชีเชอรี่ ได้กลับเข้าวัดแล้ว ส่วนหลังจากนี้ทางเจ้าอาวาสและแม่ชีจะมีการแถลงข่าวชี้แจงเพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดเจนในข้อสงสัยต่างๆ หรือไม่คงต้องรอดูกันต่อไป เนื่องจากการแถลงข่าวที่ผ่านมาไม่มีความชัดเจน ยังไม่สามารถเป็นคำตอบให้แก่สังคมได้ ที่สำคัญเป็นการแถลงข่าวที่ช่วยเหลือแม่ชี
พร้อมกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีประเด็นข้อสงสัยอีกมากมายที่แม่ชี และเจ้าอาวาสจะต้องให้ความกระจ่าง เช่น แม่ชีเชอรี่ ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงเลยว่าเรียนจบจากอเมริกาจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงถือเป็นการมุสา และเงินของวัดที่มีทั้งหมด 11 บัญชีนั้น ทำไมถึงมีการเบิกจ่ายรู้เห็นกันเพียงแค่ 2 ใน 3 คนเท่านั้น ซึ่งทราบมาว่า ทั้ง 3 คนก็เป็นพรรคพวกเดียวกัน แล้วมีคณะกรรมการกี่คน ใครบ้าง เนื่องจากที่ผ่านมา ทางเจ้าอาวาส และแม่ชีไม่เคยแจงรายละเอียดเลย แล้วทำไมต้องให้แม่ชีเชอรี่รับผิดชอบบัญชีทั้ง 11 บัญชีแต่เพียงผู้เดียว
นอกจากนี้ ข่าวลือที่ว่าแม่ชีเชอรี่ เป็นสมาชิกของบริษัทขายตรงชื่อดังบริษัทหนึ่ง และมีศิษย์วัดถ้ำขวัญเมือง สมัครเข้าเป็นสมาชิกกันหนาแน่น จนถูกมองว่าวัดถ้ำขวัญเมืองกลายเป็นส่วนหนึ่งเครือข่ายของบริษัทขายตรงดังกล่าวจริงหรือไม่ และเงินทำบุญจำนวนมากที่มาในรูปแบบทอดกฐิน ผ้าป่า ถวายสังฆทาน รวมทั้งโอนผ่านบัญชีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าแท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เป็นเงินทำบุญโดยตรง แต่เป็นเงินที่นักธุรกิจขายตรงใช้รูปแบบการทำบุญเป็นทางผ่านเพื่อตบตาประชาชนและเลี่ยงภาษี เรื่องนี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทางเจ้าอาวาสและแม่ชีจะต้องชี้แจงให้ชัดเจนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของแม่ชีเชอรี่ หรือ น.ส.สุปริญญา ฮุนนางกุล อายุ 42 ปี และพระครูสุธรรมวีราจารย์ (พระอาจารย์สมใจ) เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพรว่า เมื่อคืนวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา มีคนพบเห็นแม่ชีเชอรี่ พร้อมด้วยพระอาจารย์สมใจ และคณะ ได้เดินทางกลับเข้าวัดถ้ำขวัญเมืองแล้วหลังจากทั้งคู่ได้เปิดแถลงข่าวระหว่างเดินทางไปรับกิจนิมนต์ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ที่บ้านเลขที่ 1142 หมู่ 4 ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ของนายวรเดช กาญจนอโนทัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าม่วง เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา และได้หายตัวไปอีกครั้ง โดยไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เมื่อเจ้าอาวาส และแม่ชีไปถึงวัดได้มีการดุด่าพระสงฆ์และลูกศิษย์ที่อยู่ภายในวัดอย่างรุนแรงถึงกรณีที่มีการให้ข่าวต่อสื่อมวลชนจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต พร้อมทั้งด่าผู้สื่อข่าวที่เข้าไปทำข่าวภายในวัดก่อนหน้านี้ด้วยว่าไม่มีจรรยาบรรณ
ต่อมาในช่วงเช้าวานนี้ (9 ก.ค.) หลังทราบว่าเจ้าอาวาสและแม่ชีเชอรี่ เดินทางกลับเช้าวัดถ้ำขวัญเมืองแล้วผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบความจริง แต่ไม่สามารถเข้าไปภายในบริเวณวัดได้ เนื่องจากทางวัดได้มีการตั้งด่านจุดบริการอำนวยความสะดวกด้านจราจร พร้อมเขียนป้ายเขียนข้อความว่า "ห้ามผ่าน" และ "ห้ามจอด" ที่บริเวณบนถนนคอนกรีตปากทางเข้าวัดถ้ำขวัญเมือง โดยมีลูกศิษย์ของวัดแต่งกายชุดขาว สวมเสื้อกั๊กสีส้มประมาณ 4-5 คนนั่งเฝ้าประจำจุดบริการอยู่ตลอดเวลา และคอยบริการเปิดทางเข้าออกให้เฉพาะกลุ่มลูกศิษย์ของวัดที่จะเข้ามาร่วมทำบุญในช่วงเข้าวันพรรษาให้เท่านั้น หากเป็นคนภายนอกหรือชาวบ้านในพื้นที่ก็จะมีการสอบถามถึงจุดประสงค์ที่เข้าไปในวัดก่อน
เมื่อผู้สื่อข่าวแสดงตนขอผ่านเข้าไปภายในวัดเพื่อเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เจ้าอาวาส กับแม่ชี ได้กลับเข้าวัดแล้วจริงหรือไม่ ปรากฏว่าลูกศิษย์ของวัดถ้ำขวัญเมืองคนหนึ่ง ได้เชิญผู้สื่อข่าวไปพูดคุยด้วยและสอบถามถึงวัตถุประสงค์ที่จะเข้าไปในวัด พร้อมบอกว่า เนื่องจากทางวัดกำลังจะมีการจัดงานบุญใหญ่ จึงไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าเก็บภาพหรือทำข่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เจ้าอาวาสและแม่ชีเชอรี่ กลับมาถึงวัดหรือยัง ได้คำตอบจากศิษย์คนดังกล่าวว่ากลับมาถึงแล้ว แต่ไม่สามารถอนุญาตให้ใครเข้าพบได้ และหากต้องการจะพบเจ้าอาวาสและแม่ชี หรือต้องการมาทำข่าวต้องทำหนังสือและระบุสังกัดว่ามาจากไหนและจะมาทำข่าวเรื่องอะไรให้คณะกรรมการวัดทราบก่อนเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้ และหากยื่นหนังสือแล้วต้องรอการอนุญาตจากคณะกรรมการวัดเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าไปทำข่าวได้ แต่หากเป็นการมาทำบุญหรือปฏิบัติธรรมก็สามารถเข้ามาวัดได้ตามปกติ และต้องทำตามกฎระเบียบของวัดอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งขอเบอร์ติดต่อผู้สื่อข่าวไว้เพื่อจะประสานงานด้วย
ด้านนายอนันต์ ศรีวิสัย รองประธานสภาพเทศบาลตำบลนาโพธิ์พัฒนา อ.สวี จ.ชุมพร กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำบุญวันพระใหญ่ทางวัดมีการตั้งจุดอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาทำบุญทุกปี โดยใช้กำลังของ อปพร. และตำรวจชุมชนในพื้นที่ และไม่เคยสั่งห้ามใครหรือบุคคลใดเข้าวัด แต่มาช่วงระยะ 3 ปีหลังนี้ คณะกรรมการวัดได้ให้ลูกศิษย์ของวัดมาตั้งจุดอำนวยความสะดวกด้านจราจรแทนโดยไม่ทราบเหตุผล
"ผมเห็นด้วยที่ผู้นำชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้าน และชาวบ้านที่ออกมาเรียกร้องอยากให้ทางวัดออกมาชี้แจงเรื่องเงินบริจาคของวัด ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ทางวัดจะต้องเปิดเผยกับสาธารณะชน เพราะที่ผ่านมาได้ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ให้กับวัดมามากแล้ว" นายอนันต์ กล่าว
ข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมาผู้นำชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้าน พร้อมชาวบ้านในพื้นที่ ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร ได้มีการประชุมกันถึงกรณีของแม่ชีเชอรี่ ที่สร้างความเสื่อมเสียให้แก่วัดถ้ำขวัญเมือง โดยในที่ประชุมได้มีความเห็นว่าทางวัดจะต้องออกมาชี้แจงในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ชาวบ้านและสาธารณชนได้รับทราบ ทั้งเรื่องความไม่เหมาะสม และเส้นทางการเงินภายในวัด ไม่ใช่แค่แถลงด้วยคำพูดแล้วจบเพราะไม่สามารถเชื่อถือได้
นายสุนทร รักษ์รงค์ ที่ปรึกษาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ ในฐานะชาว จ.ชุมพร กล่าวว่า กรณีแม่ชีเชอรี่ จะผิดหลักธรรมวินัยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ต้องจัดการกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ เมื่อมีความคลางแคลงใจเกิดขึ้นมันก็เกิดความเสื่อมขึ้นทันที
"กรณีนี้เจ้าอาวาสจะต้องรับผิดชอบสร้างความกระจ่างแจ้งให้ได้ เพราะขณะนี้สังคมในจังหวัดชุมพรกำลังจับตาดูอยู่ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนรู้สึกเสียใจ อยากให้เจ้าอาวาสเป็นผู้ชี้แจงให้เกิดความกระจ่างแจ้งทุกๆ ประเด็นที่สังคมสงสัยและต้องมีมาตรการให้สังคมได้เห็นว่าจัดการอย่างไรกับปัญหาเพื่อฟื้นศรัทธาคืนมา"
ด้านบรรดาศิษย์เก่าวัดถ้ำขวัญเมือง หลายคนกล่าวในทำนองเดียวกันว่า เบื้องต้นทราบว่าพระอาจารย์สมใจ กับแม่ชีเชอรี่ ได้กลับเข้าวัดแล้ว ส่วนหลังจากนี้ทางเจ้าอาวาสและแม่ชีจะมีการแถลงข่าวชี้แจงเพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดเจนในข้อสงสัยต่างๆ หรือไม่คงต้องรอดูกันต่อไป เนื่องจากการแถลงข่าวที่ผ่านมาไม่มีความชัดเจน ยังไม่สามารถเป็นคำตอบให้แก่สังคมได้ ที่สำคัญเป็นการแถลงข่าวที่ช่วยเหลือแม่ชี
พร้อมกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีประเด็นข้อสงสัยอีกมากมายที่แม่ชี และเจ้าอาวาสจะต้องให้ความกระจ่าง เช่น แม่ชีเชอรี่ ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงเลยว่าเรียนจบจากอเมริกาจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงถือเป็นการมุสา และเงินของวัดที่มีทั้งหมด 11 บัญชีนั้น ทำไมถึงมีการเบิกจ่ายรู้เห็นกันเพียงแค่ 2 ใน 3 คนเท่านั้น ซึ่งทราบมาว่า ทั้ง 3 คนก็เป็นพรรคพวกเดียวกัน แล้วมีคณะกรรมการกี่คน ใครบ้าง เนื่องจากที่ผ่านมา ทางเจ้าอาวาส และแม่ชีไม่เคยแจงรายละเอียดเลย แล้วทำไมต้องให้แม่ชีเชอรี่รับผิดชอบบัญชีทั้ง 11 บัญชีแต่เพียงผู้เดียว
นอกจากนี้ ข่าวลือที่ว่าแม่ชีเชอรี่ เป็นสมาชิกของบริษัทขายตรงชื่อดังบริษัทหนึ่ง และมีศิษย์วัดถ้ำขวัญเมือง สมัครเข้าเป็นสมาชิกกันหนาแน่น จนถูกมองว่าวัดถ้ำขวัญเมืองกลายเป็นส่วนหนึ่งเครือข่ายของบริษัทขายตรงดังกล่าวจริงหรือไม่ และเงินทำบุญจำนวนมากที่มาในรูปแบบทอดกฐิน ผ้าป่า ถวายสังฆทาน รวมทั้งโอนผ่านบัญชีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าแท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เป็นเงินทำบุญโดยตรง แต่เป็นเงินที่นักธุรกิจขายตรงใช้รูปแบบการทำบุญเป็นทางผ่านเพื่อตบตาประชาชนและเลี่ยงภาษี เรื่องนี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทางเจ้าอาวาสและแม่ชีจะต้องชี้แจงให้ชัดเจนด้วย