เมื่อเวลา 07.50 น. วานนี้ (7 ก.ค.) เกิดเหตุระเบิด ที่หมู่ 1 ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา ทำให้อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) เสียชีวิต 1 นายบาดเจ็บ 1 นาย พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผกก.สส.บก.ภ.จว.ยะลา พร้อมชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) ชุดพิสูจน์หลักฐาน ฝ่ายปกครอง อ.ธารโต เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าที่เกิดเหตุเป็นเส้นทางสัญจรภายในบ้านปูยุด ที่ป่ารกข้างทางพบศพ อส.ทพ.ดอนชัย แดงอารีย์ สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 ส่วน อส.ทพ.จักรี ธรรมมี ถูกนำส่งรักษาตัวที่รพ.ธารโต
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เจ้าหน้าที่ 5 นาย ออกเดินท้าลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยให้ครูที่จะไปโรงเรียนช่วงเช้า เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ คนร้ายได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 10 กก. ที่นำมาวางซุกไว้ เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ
**บึ้มร.ร.ทหารพรานสาหัส 2
ต่อมาเวลา 13.30 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.ปัญญา คารวนันท์ ผกก.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุระเบิดภายในโรงเรียนบ้านกลาพอ หมู่ 1 ต.เตราะบอน ริมถนนปัตตานี-นราธิวาส จึงประสานชุดอีโอดีเข้าตรวจสอบ โดยกันครูนักเรียนให้ไปอยู่ตามอาคารเพื่อความปลอดภัย พร้อมปิดประตูโรงเรียนเพื่อป้องกันอันตราย
ตรวจสอบพบจุดเกิดเหตุอยู่ใต้โต๊ะหินอ่อนข้างสนามบาสเก็ตบอล ห่างจากอาคารเรียน 30 เมตร แรงระเบิดทำให้โต๊ะ-เก้าอี้หินอ่อนแตกเสียหาย มีกองเลือดจำนวนมาก ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ถูกนำส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี คือจ.ส.อ.อำนาจ ท่วมอ่ำ อายุ 38 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดตามลำตัวและ อส.ทพ.พิษณุ กรณ์วุฒิ อายุ 35 ปี ขาหักทั้งสองข้าง ลำตัวถูกสะเก็ดระเบิด ทั้งสองอาการสาหัส แพทย์ส่งต่อไป รพ.ปัตตานี ในที่เกิดเหตุพบชิ้นส่วนกล่องเหล็กบรรจุระเบิด วิทยุสื่อสาร และสะเก็ดระเบิดกระจายทั่วบริเวณ
สอบสวนทราบว่า ขณะทหารพราน ร้อย ทพ.4411 กรมทหารพรานที่ 44 ทั้ง 2 นาย นั่งดูแลความปลอดภัยอยู่ที่โต๊ะหินอ่อน ห่างจากประตูทางเข้าโรงเรียน 20 เมตร คนร้ายได้กดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 10 กก. ที่ซุกไว้ใต้โต๊ะหินอ่อน เสียงดังสนั่น ครูและนักเรียนต่างหวีดร้องด้วยความตกใจ และหยุดเรียนทันที ก่อนที่จะปล่อยให้นักเรียนกลับบ้าน โดยมีผู้ปกครองมารอรับ ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อเป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบ หวังสังหารเจ้าหน้าที่ ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ถูกลอบวางระเบิดมาแล้วเมื่อกลางปี 56
**"อุดมเดช"นำทีมลงใต้แก้ปัญหา
เมื่อเวลา 08.00 น. วันเดียวกันนี้ ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับคณะทำงานของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เดินทางลงพื้นที่ จ.ยะลา และจ.ปัตตานี เพื่อติดตามผลการดำเนินงานด้านต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.อ.อุดมเดช ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางว่า เป็นการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งแรก หลังจากที่ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายโครงสร้างการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งถือว่าการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้า คสช. มีความประสงค์ให้กระบวนการทำงานขับเคลื่อนเป็นไปแบบกระชับมากยิ่งขึ้น เพราะที่ผ่านมา ในส่วนที่เคยดำเนินการรอบปีที่ผ่านมา เป็นคณะกรรมการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) และมีศูนย์ปฏิบัติการการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ที่มีขั้นตอนของทีมงานระดับรัฐบาล ระดับคณะทำงาน และผู้ปฏิบัติ ส่วนที่ปรับใหม่จะทำให้กระชับมายิ่งขึ้น
ทั้งนี้หัวหน้า คสช.ได้กำหนดให้งานจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาและเป็นวาระแห่งชาติ โดยได้สั่งการโดยตรงให้คณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ขับเคลื่อนงานด้านล่าง และแต่งตั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามความจำเป็นให้เกิดความกระชับ และที่สำคัญงานที่จะปฏิบัติในพื้นที่ภาคใต้จะบูรณาการ โดยมอบหมายให้ พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน. ภาค 4 สน. เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ทุกส่วนราชการจะต้องมีงานประสานสอดคล้องกันภายใต้ ผอ.รมน.ภาค 4 สน. ทั้งเรื่องการพัฒนาที่มีศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ดำเนินการ งานด้านการตำรวจที่มีกองกำลังตำรวจชายแดนภาคใต้ดำเนินการอยู่ และงานทางทหารที่มีกองทัพภาคที่ 4 รวมถึงงานกระทรวง ทบวง กรม เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการประสานร่วมกันทั้งหมด
"ความสำเร็จการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ไม่ใช่อยู่ที่เรื่องความมั่นคงของทหาร และตำรวจอย่างเดียว หน่วยงานอื่นต้องร่วมกันทำให้หมด ปีที่ผ่านมาทุกคนเข้าใจว่าจะต้องมีการทำงานร่วมกันแบบนี้ อาจเป็นโครงสร้างที่ยังไม่กระชับ ดังนั้น ขณะนี้พยายามทำโครงสร้างให้กระชับมากยิ่งขึ้น น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความสำเร็จได้ดี แต่ยังมีปัญหาเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่บ้าง แต่จากสถิติพบว่า ในช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงลดน้อยลง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลถือศีลอด หรือรอมฎอน กอ.รมน. ภาค 4 สน. ยังสามารถรักษาสถานการณ์ไว้ได้เป็นที่น่าพึ่งพอใจ แต่ต้องไม่ประมาท วันนี้ก็จะลงไปเน้นย้ำ ติดตามการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หวังว่าการแก้ไขปัญหาภาคใต้จะดีขึ้นตามนโยบายของหัวหน้าคสช." พล.อ.อุดมเดช กล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินการหารือกับกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้น พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า หัวหน้าคสช. ได้สั่งการว่าเรื่องการพูดคุยให้เกิดสันติสุขยังคงต้องมีต่อไป โดยหัวหน้า คสช. ได้กำหนดให้เลขาธิการสมช. เป็นผู้รับผิดชอบในการพูดคุยดังกล่าวต่อไป และทางมาเลเซีย ก็จะเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้ในลักษณะคล้ายกับของเดิม แต่ต้องดำเนินการให้รอบคอบมากขึ้น เข้าใจและไว้ใจกันทั้งระดับบน และระดับพื้นที่ ทั้งนี้ในพื้นที่จะต้องมีการปฏิบัติอะไรบางอย่าง แต่ไม่สามารถบอกได้ เพราะเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานโดยสร้างความไว้วางใจระหว่างกันให้ได้ ขั้นตอนต่อไปก็อาจจะกำหนดพื้นที่ทดลองบางสิ่งบางอย่างว่าเรามีความไว้วางใจกันจริง เมื่อมีแนวทางก็ต้องนำไปสู่การพูดคุยกันอย่างชัดเจน โดยทำโรดแม็พเพื่อให้เกิดการพูดคุยสันติสุขสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน สิ่งใดที่สามารถทำได้ก็จะเร่งแก้ไขอย่างรวดเร็วและต้องใช้ความรอบคอบ
"หัวหน้าคสช.ได้เน้นย้ำการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องสำคัญ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันดำเนินการ ขอให้มั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่มีความตั้งใจพยายามให้ทุกสิ่งมีความสำเร็จ แต่บางอย่างต้องใช้เวลา ซึ่งจะทำต่อไปให้ดีที่สุด" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เจ้าหน้าที่ 5 นาย ออกเดินท้าลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยให้ครูที่จะไปโรงเรียนช่วงเช้า เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ คนร้ายได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 10 กก. ที่นำมาวางซุกไว้ เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ
**บึ้มร.ร.ทหารพรานสาหัส 2
ต่อมาเวลา 13.30 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.ปัญญา คารวนันท์ ผกก.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุระเบิดภายในโรงเรียนบ้านกลาพอ หมู่ 1 ต.เตราะบอน ริมถนนปัตตานี-นราธิวาส จึงประสานชุดอีโอดีเข้าตรวจสอบ โดยกันครูนักเรียนให้ไปอยู่ตามอาคารเพื่อความปลอดภัย พร้อมปิดประตูโรงเรียนเพื่อป้องกันอันตราย
ตรวจสอบพบจุดเกิดเหตุอยู่ใต้โต๊ะหินอ่อนข้างสนามบาสเก็ตบอล ห่างจากอาคารเรียน 30 เมตร แรงระเบิดทำให้โต๊ะ-เก้าอี้หินอ่อนแตกเสียหาย มีกองเลือดจำนวนมาก ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ถูกนำส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี คือจ.ส.อ.อำนาจ ท่วมอ่ำ อายุ 38 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดตามลำตัวและ อส.ทพ.พิษณุ กรณ์วุฒิ อายุ 35 ปี ขาหักทั้งสองข้าง ลำตัวถูกสะเก็ดระเบิด ทั้งสองอาการสาหัส แพทย์ส่งต่อไป รพ.ปัตตานี ในที่เกิดเหตุพบชิ้นส่วนกล่องเหล็กบรรจุระเบิด วิทยุสื่อสาร และสะเก็ดระเบิดกระจายทั่วบริเวณ
สอบสวนทราบว่า ขณะทหารพราน ร้อย ทพ.4411 กรมทหารพรานที่ 44 ทั้ง 2 นาย นั่งดูแลความปลอดภัยอยู่ที่โต๊ะหินอ่อน ห่างจากประตูทางเข้าโรงเรียน 20 เมตร คนร้ายได้กดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 10 กก. ที่ซุกไว้ใต้โต๊ะหินอ่อน เสียงดังสนั่น ครูและนักเรียนต่างหวีดร้องด้วยความตกใจ และหยุดเรียนทันที ก่อนที่จะปล่อยให้นักเรียนกลับบ้าน โดยมีผู้ปกครองมารอรับ ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อเป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบ หวังสังหารเจ้าหน้าที่ ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ถูกลอบวางระเบิดมาแล้วเมื่อกลางปี 56
**"อุดมเดช"นำทีมลงใต้แก้ปัญหา
เมื่อเวลา 08.00 น. วันเดียวกันนี้ ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับคณะทำงานของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เดินทางลงพื้นที่ จ.ยะลา และจ.ปัตตานี เพื่อติดตามผลการดำเนินงานด้านต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.อ.อุดมเดช ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางว่า เป็นการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งแรก หลังจากที่ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายโครงสร้างการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งถือว่าการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้า คสช. มีความประสงค์ให้กระบวนการทำงานขับเคลื่อนเป็นไปแบบกระชับมากยิ่งขึ้น เพราะที่ผ่านมา ในส่วนที่เคยดำเนินการรอบปีที่ผ่านมา เป็นคณะกรรมการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) และมีศูนย์ปฏิบัติการการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ที่มีขั้นตอนของทีมงานระดับรัฐบาล ระดับคณะทำงาน และผู้ปฏิบัติ ส่วนที่ปรับใหม่จะทำให้กระชับมายิ่งขึ้น
ทั้งนี้หัวหน้า คสช.ได้กำหนดให้งานจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาและเป็นวาระแห่งชาติ โดยได้สั่งการโดยตรงให้คณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ขับเคลื่อนงานด้านล่าง และแต่งตั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามความจำเป็นให้เกิดความกระชับ และที่สำคัญงานที่จะปฏิบัติในพื้นที่ภาคใต้จะบูรณาการ โดยมอบหมายให้ พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน. ภาค 4 สน. เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ทุกส่วนราชการจะต้องมีงานประสานสอดคล้องกันภายใต้ ผอ.รมน.ภาค 4 สน. ทั้งเรื่องการพัฒนาที่มีศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ดำเนินการ งานด้านการตำรวจที่มีกองกำลังตำรวจชายแดนภาคใต้ดำเนินการอยู่ และงานทางทหารที่มีกองทัพภาคที่ 4 รวมถึงงานกระทรวง ทบวง กรม เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการประสานร่วมกันทั้งหมด
"ความสำเร็จการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ไม่ใช่อยู่ที่เรื่องความมั่นคงของทหาร และตำรวจอย่างเดียว หน่วยงานอื่นต้องร่วมกันทำให้หมด ปีที่ผ่านมาทุกคนเข้าใจว่าจะต้องมีการทำงานร่วมกันแบบนี้ อาจเป็นโครงสร้างที่ยังไม่กระชับ ดังนั้น ขณะนี้พยายามทำโครงสร้างให้กระชับมากยิ่งขึ้น น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความสำเร็จได้ดี แต่ยังมีปัญหาเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่บ้าง แต่จากสถิติพบว่า ในช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงลดน้อยลง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลถือศีลอด หรือรอมฎอน กอ.รมน. ภาค 4 สน. ยังสามารถรักษาสถานการณ์ไว้ได้เป็นที่น่าพึ่งพอใจ แต่ต้องไม่ประมาท วันนี้ก็จะลงไปเน้นย้ำ ติดตามการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หวังว่าการแก้ไขปัญหาภาคใต้จะดีขึ้นตามนโยบายของหัวหน้าคสช." พล.อ.อุดมเดช กล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินการหารือกับกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้น พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า หัวหน้าคสช. ได้สั่งการว่าเรื่องการพูดคุยให้เกิดสันติสุขยังคงต้องมีต่อไป โดยหัวหน้า คสช. ได้กำหนดให้เลขาธิการสมช. เป็นผู้รับผิดชอบในการพูดคุยดังกล่าวต่อไป และทางมาเลเซีย ก็จะเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้ในลักษณะคล้ายกับของเดิม แต่ต้องดำเนินการให้รอบคอบมากขึ้น เข้าใจและไว้ใจกันทั้งระดับบน และระดับพื้นที่ ทั้งนี้ในพื้นที่จะต้องมีการปฏิบัติอะไรบางอย่าง แต่ไม่สามารถบอกได้ เพราะเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานโดยสร้างความไว้วางใจระหว่างกันให้ได้ ขั้นตอนต่อไปก็อาจจะกำหนดพื้นที่ทดลองบางสิ่งบางอย่างว่าเรามีความไว้วางใจกันจริง เมื่อมีแนวทางก็ต้องนำไปสู่การพูดคุยกันอย่างชัดเจน โดยทำโรดแม็พเพื่อให้เกิดการพูดคุยสันติสุขสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน สิ่งใดที่สามารถทำได้ก็จะเร่งแก้ไขอย่างรวดเร็วและต้องใช้ความรอบคอบ
"หัวหน้าคสช.ได้เน้นย้ำการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องสำคัญ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันดำเนินการ ขอให้มั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่มีความตั้งใจพยายามให้ทุกสิ่งมีความสำเร็จ แต่บางอย่างต้องใช้เวลา ซึ่งจะทำต่อไปให้ดีที่สุด" พล.อ.อุดมเดช กล่าว