ASTVผู้จัดการรายวัน-"วีระ"กลับถึงแผ่นดินแม่ ประชาชนร่วมแสดงความยินดี ตะโกน "วีระสู้ๆ" กระหึ่มสุวรรณภูมิ เจ้าตัวปลื้ม พร้อมอโหสิให้คนที่ให้ร้าย ลั่นไม่ขยาด ขอต่อสู้เพื่อความถูกต้องต่อไป พร้อมขอบคุณ คสช. ที่ช่วยเหลือ เดินทางเข้ากองปราบฯ ถูกแจ้ง 8 ข้อหา ก่อนได้รับประกันตัว "สีหศักดิ์" ยันกัมพูชาปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข เป็นการพระราชทานอภัยโทษ เนื่องจากในโอกาสบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จนโรดมสีหนุ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11-12 ก.ค.นี้
เมื่อเวลา 09.20 น.วานนี้ (2ก.ค.) ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา นายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ได้เข้าขอบคุณ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่ รมว.ต่างประเทศ ที่ได้ให้การช่วยเหลือจนได้รับการอภัยโทษจากกษัตริย์นโรดมสีหมุนีของประเทศกัมพูชา ตามคำร้องขอของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ทั้งนี้ นายวีระได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำเปรซอร์ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 ก.ค. หลังจากถูกจองจำในเรือนจำเปรซอร์เป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน กับอีก 2 วัน จากโทษจำคุกทั้งหมด 8 ปี
นายสีหศักดิ์กล่าวว่า หัวหน้า คสช. ฝากให้เข้ามาดูแลให้ความช่วยเหลือ ซึ่งในการหารือกับสมเด็จฮุนเซนฯ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ก็ได้พิจารณาพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวนายวีระ เนื่องจากในโอกาสบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จนโรดมสีหนุ ที่จะมีขึ้นในช่วงวันเข้าพรรษา วันที่ 11-12 ก.ค.นี้
จากนั้น นายวีระได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงเรื่องสุขภาพว่า รู้สึกดีใจมากๆ สุขภาพในช่วงหลังนี้ดีขึ้น ตนพยายามรักษาสุขภาพให้ดี เพราะตั้งใจไว้จะเอาชีวิตกลับประเทศไทยให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อกลับถึงประเทศไทยจะทำสิ่งใดก่อน นายวีระ กล่าวว่า ยังไม่มั่นใจ เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้ มีคดีความตอนที่ได้ร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอยู่มาก หากกลับถึงประเทศไทยคาดว่าจะถูกควบคุมตัวไปที่ศาลก่อน อย่างไรก็ตาม ขอความกรุณาศาลว่าอยากกลับไปนอนบ้าน
เมื่อถามว่า ชีวิตที่อยู่ในเรือนจำกัมพูชาเป็นอย่างไรบ้าง นายวีระ กล่าวว่า ขึ้นชื่อว่าคุก ก็ลำบาก ไม่มีที่ไหนสุขสบาย ระหว่างอยู่ในคุก ก็พยายามทำหน้าที่ที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ ไม่เคยคิดว่าอยู่ในประเทศที่ทำร้ายตน ถือว่าทุกคนเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน รับชะตากรรมเดียวกัน จะเป็นนักโทษทุกคนทุกภาษา หากใครขอความช่วยเหลือ เรื่องยา หรือคำปรึกษาก็มาหาตน เพราะห้องตนมียาคุณภาพดีกว่ายาโรงพยาบาลในเรือนจำ ซึ่งทุกคนก็ชอบกันมาก
"ในส่วนของการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่เรือนจำได้นำผมเข้าไปในห้องขังก่อนเวลา สักพักหนึ่ง ก็มีผู้คุมมาบอกว่าจะปล่อยตัว ผมก็ยังไม่เชื่อเลย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวออกจากห้องขังจริง ผมถึงเชื่อว่าถูกปล่อยตัวจริง"
เมื่อถามว่า ทราบข่าวการปล่อยตัวก่อนหน้านี้หรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้ช่วยทูตทหารเดินทางเข้าเยี่ยมที่เรือนจำ และบอกกับตนว่า คสช. มีความพยายามหาทางช่วยเหลืออยู่ แต่ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ว่าจะกลับเมื่อไร อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีเงื่อนไขในการปล่อยตัวด้วยหรือไม่ นายสีหศักดิ์ได้กล่าวแทนนายวีระว่า ไม่มีเงื่อนไขใดๆ จากนั้นนายวีระ กล่าวเสริมอีกว่า ผมให้อภัยคนที่ให้ร้ายผม ผมจะปล่อยไป เรายังมีหน้าที่อีกเยอะ ขอยืนยันจะดูแลผลประโยชน์ของประเทศอย่างที่เคยทำ โดยเฉพาะการต่อต้านคอร์รัปชัน
เมื่อถามว่า รู้สึกขยาดหรือไม่กับเหตุการณ์ที่ผ่านมา นายวีระ กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกขยาดหรืออะไร และยังภูมิใจ ยังจะทำงานตรงนี้ต่อไปจนกว่าบ้านเมืองจะดีขึ้น และจนกว่าจะมีคนมาทำหน้าที่นี้ ตนจึงจะได้พักผ่อนเสียที
จากนั้นเมื่อเวลา 11.25 น. นายวีระได้เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยได้เข้าห้องรับรองวีไอพี ซึ่งมีพ.ต.ต.พจน์ เศรษฐกร สว.ตม 2 สุวรรณภูมิ ได้แจ้งข้อหาต่อนายวีระกรณีเข้าบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และข้อหาก่อการร้ายในระหว่างร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตรฯ หลังจากรับทราบข้อกล่าวหา นายวีระปฏิเสธที่จะลงนามในเอกสาร โดยขอให้ไปให้การในชั้นศาลโดยมอบหมายให้ นายนิติธร ล้ำเหลือ ในฐานะทนายความกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นผู้ลงนามรับทราบ และขอไปพบกลุ่มผู้สนับสนุนที่มารออยู่นอกห้องรับรองเป็นจำนวนมาก ก่อนจะเดินทางไปยังกองบังคับการตำรวจปราบปราม เพื่อยื่นขอประกันตัวในคดีดังกล่าวต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นไปอย่างคึกคัก มีบรรดาสื่อมวลชน และประชาชนจำนวนหนึ่งมารอให้กำลังใจนายวีระ และยังมี ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และนายตายแน่ มุ่งมาจน ซึ่งเคยถูกจับพร้อมกับนายวีระ มารอต้อนรับด้วย
ขณะที่บริเวณห้องรับรองพิเศษ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ได้มีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานไทย ได้เดินทางมาจัดเตรียมสถานที่รับรองการเดินทางกลับประเทศไทยของนายวีระ
กระทั่งเวลา 11.40 น. นายวีระ พร้อมด้วยนายสีหศักดิ์ ได้ลงลิฟท์มาถึงห้องรับรอง เป็นที่สังเกตว่านายวีระ มีสีหน้ายิ้มแย้มอย่างเห็นได้ชัด และได้ยกมือสวัสดีทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับ โดยมวลชนต่างโห่ร้อง เป่านกหวีด ด้วยความดีใจ พร้อมตะโกนว่า “วีระสู้ๆ” ก่อนที่นายวีระ พร้อมกับนายนิติธร จะฝ่าฝูงชนขึ้นรถเพื่อเดินทางไปยังกองบังคับการกองปราบปราม เพื่อยื่นประกันตัว
นายวีระกล่าวสั้นๆ กับสื่อมวลชนที่รอทำข่าวว่า ต่อไปก็จะทำงานตรวจสอบเรื่องทุจริต ในส่วนของคดีความภายในประเทศ ตนเชื่อว่าทำถูกต้อง จึงไม่ซีเรียส อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือ และถ้ามีโอกาส ก็จะไปขอบคุณ คสช. รวมทั้งให้อภัยและอโหสิกรรมแก่ทุกคน
ทั้งนี้ นายวีระ ทหารเขมรถูกจับกุมเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2553 พร้อมนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมพิจารณาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ในขณะนั้น ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม, นางนฤมล จิตรวะรัตนา สมาชิกเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) , นายกิจพลธรณ์ ชุสนะเสวี เลขาฯ ส่วนตัวนายพนิช นายตายแน่ มุ่งมาจน และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอฟเอ็มทีวี หลังเข้าไปพิสูจน์การรุกล้ำอธิปไตยไทย บริเวณรั้วลวดหนามพื้นที่พิพาทบ้านหนองจาน ต.บ้านโนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
**ตร.กองปราบ แจ้ง 8 ข้อกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. นายวีระได้เดินทางไปยัง บก.ป. ด้วยรถตู้พร้อมกับนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ และแกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูประเทศไทย (คปท.) นางวิไลวรรณ สมความคิด มารดา และนางพิศอำไพ สมความคิด อายุ 34 ปี ภรรยานายวีระ โดยทันทีที่เดินทางมาถึงสื่อมวลชนที่เฝ้ารอทำข่าวเป็นจำนวนมากได้พยายามสอบถามความรู้สึกภายหลังกลับประเทศไทยและการเข้ารับทราบข้อหาในคดีดังกล่าว แต่นายวีระซึ่งมีสียิ้มแย้มกล่าวเพียงสั้นๆ ว่าตอนนี้รู้สึกดีใจที่ได้กลับประเทศไทย ส่วนเรื่องคดีความคงต้องขอปรึกษากับทางทนายความก่อน
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการเดินทางมายัง บก.ป.ได้มีมวลชนเป็นจำนวนมากทยอยเดินทางมาให้กำลังใจนายวีระ รวมถึง น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กทม.ที่ร่วมเดินทางมาด้วย
ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน นำโดย พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ พ.ต.ท.สมเกียรติ ตันติกนกพร พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ กก.2 บก.ป.ได้สอบปากคำ พร้อมกับประสานแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจเข้าตรวจร่างกายของนายวีระ พบว่ามีสภาพร่างกายสมบูรณ์เป็นปกติดี สำหรับข้อกล่าวหาคดีปิดสนามบินทั้งสองแห่งนั้นทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหารวม 8 ข้อกล่าวหา
พ.ต.ท.สมเกียรติ ตันติกนกพร พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ กก.2 บก.ป.กล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากับนายวีระ ประกอบด้วยข้อหาทำให้ปรากฎด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันไม่เป็นการกระทำตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง , บุกรุกท่าอากาศยานทำให้เสียทรัพย์, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 , ร่วมกันกระทำการให้การบริการของท่าอากาศยานหยุดชะงัก ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ โดยไม่มีข้อหาร่วมกันก่อการร้าย แต่อย่างใด
"หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะตรวจสอบความเรียบร้อยของเอกสารต่างๆ รวมทั้งขั้นตอนการพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติผู้ต้องหา โดยจะนัดหมายให้นายวีระ เข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ซึ่งขั้นตอนการสรุปสำนวนคดีหากทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงจะส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนคดีต่อพนักงานอัยการต่อไป"
***ภรรยายัน"วีระ"สู้เรื่องคอร์รัปชั่นต่อ
นางพิศอำไพกล่าวว่า ตนทราบเรื่องที่นายวีระได้รับการพิจารณาปล่อยตัวจากเรือนจำเปรยซอร์ ประเทศกัมพูชา เมื่อช่วงเย็นวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา พยายามติดต่อสอบถามไปยังสถานทูตไทยในประเทศกัมพูชาแต่ติดต่อไม่ได้ จึงตัดสินใจเดินทางไปยังประเทศกัมพูชาเพื่อรอรับตัวนายวีระและเดินทางกลับมาพร้อมกัน กระทั่งได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศว่านายวีระได้รับการปล่อยตัว โดยนับตั้งแต่นาทีแรกที่ตนเห็นสามีก็รู้สึกตื้นตันใจมาก รีบวิ่งเข้าไปสวมกอดทันที
นางพิศอำไพกล่าวต่อว่า ครั้งแรกตนคิดว่าเมื่อกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้วคงจะได้กลับบ้านไปพักผ่อน แต่ก็มาทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ขออายัดตัวนายวีระเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาในคดีปิดสนามบิน จึงร่วมเดินทางมาที่ บก.ป.ด้วย โดยจะจัดการเรื่องคดีให้เรียบร้อย หลังจากนั้นจึงจะพานายวีระไปตรวจสุขภาพอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากทราบว่านายวีระมีอาการติดเชื้อราที่แผ่นหลัง โดยคาดว่าเกิดจากการถูกควบคุมตัวในเรือนจำมาเป็นเวลานาน
“ระหว่างที่อยู่ในเรือนจำนั้น ทราบว่าสามีได้ทำอาหารรับประทานเอง เนื่องจากสามีทานมังสวิรัติ และทุกวันศุกร์ ดิฉันก็จะบินไปประเทศกัมพูชาเพื่อไปให้กำลังใจ และนำอาหารไปให้ด้วย หลังจากได้รับการปล่อยตัวอาหารมื้อแรกของสามี คือ สลัด และข้าวผัดธัญพืช สามีออกปากว่าอร่อยมาก และต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือให้สามีได้เดินทางกลับประเทศไทยในครั้งนี้” นางพิศอำไพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายวีระจะเคลื่อนไหวทางการเมืองหลังจากนี้อีกหรือไม่ นางพิศอำไพกล่าวเพียงว่า ขอไม่พูดถึงประเด็นนี้ แต่เท่าที่รู้คือนายวีระเป็นเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้เคลื่อนไหวต่อสู้ในเรื่องนี้กับกลุ่มมวลชนโดยตลอด จึงคิดว่าคงจะรักษาบทบาทสานต่อการทำงานตามเจตนารมณ์ต่อไป
*** ให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน
ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.พร้อมคณะ ได้เดินทางมาร่วมประชุมคณะทำงานติดตามคดีการจับกุมอาวุธสงครามจากพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมกันนั้นได้ร่วมประชุมติดตามการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหานายวีระในคดีปิดสนามบิน 2 แห่งด้วย
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เมื่อนายวีระได้รับอภัยโทษและปล่อยตัวกลับประเทศไทย ถือว่าเป็นข่าวดีของทางครอบครัวนายวีระ ส่วนการอายัดตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาในคดีปิดสนามบินนั้นเป็นไปตามขั้นตอนที่พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ประสาน ตม.เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เบื้องต้นทราบว่าทนายความได้เตรียมยื่นเรื่องขอประกันตัวในชั้นสอบสวนแล้ว แต่การพิจารณาคงต้องดูเหตุผลความจำเป็นประกอบด้วย ซึ่งตนจะหารือร่วมกับคณะพนักงานสอบสวนในคดีนี้อีกครั้ง
จากนั้นเมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.อ.สมยศกล่าวภายหลังพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้สอบปากคำนายวีระเสร็จสิ้นแล้วว่า ในการพิจารณาเรื่องการยื่นขอประกันตัวนายวีระนั้น ทางทนายความได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 100,000 บาท เพื่อขอประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยทางพนักงานสอบสวนพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวได้ เนื่องจากมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งและไม่มีพฤติกรรมหลบหนี โดยมีเงื่อนไขให้นายวีระเข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันที่ 9 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น. อย่างไรก็ตาม ทางทนายความระบุว่าจะทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรมอบให้พนักงานสอบสวนภายใน 60 วัน ก่อนจะสรุปสำนวนคดีนำส่งพนักงานอัยการต่อไป
***อบคุณ"ประยุทธ์"และคนไทยทุกคน
นายวีระกล่าวเปิดใจอีกครั้งว่า รู้สึกดีใจที่ได้เดินทางกลับประเทศไทย โดยก่อนอื่นคงต้องขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่เป็นห่วง และขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม ตนคาดไม่ถึงเหมือนกันว่าทางการกัมพูชาจะเปลี่ยนใจพิจารณาปล่อยตัว ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเคยมีการเสนอข้อแลกเปลี่ยนแลกกับอิสรภาพของตน 3 ครั้ง แต่ตนรับไม่ได้เนื่องจากทำให้ประเทศไทยเสียผลประโยชน์
"คงต้องขอพูดเพียงเท่านี้ก่อน และหากต่อไปในอนาคตบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยดีแล้วตนคงจะได้เปิดเผยรายละเอียดอีกหลายๆ เรื่องในระหว่างที่ถูกดำเนินคดีและถูกคุมตัวในเรือนจำที่ประเทศกัมพูชา ส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองหลังจากนี้ตนก็ยืนยันว่าจะขอทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติต่อไป เวลานี้คงต้องขอกลับไปพักผ่อนและรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะโรครูมาตอยด์ซึ่งเป็นโรคประจำตัว"
ผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นอยู่ระหว่างที่ถูกคุมขังในเรือนจำประเทศกัมพูชา นายวีระกล่าวว่า ความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะอาหารการกินส่วนมากแล้วจะต้องทำกันเอง แน่นอนว่าอยู่ที่ไหนก็คงไม่มีความสุขเท่ากับอยู่ประเทศบ้านเกิดเมืองนอนเรา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเวลาที่แถลงข่าวและเดินทางกลับออกจาก บก.ป. กลุ่มมวลชนจำนวนมากได้เดินทางมามอบดอกกุหลาบให้กำลังใจนายวีระ พร้อมกับชูป้ายข้อความ “Welcome back Mr.Veera” และกล่าวยินดีต้อนรับกลับประเทศ สลับกับตะโกนส่งเสียง “สู้ๆ” เป็นระยะ จากนั้นนายวีระได้ขึ้นรถเดินทางไปยังสำนักสันติอโศก ซอยนวมินทร์ 46 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.
** "สีหศักดิ์"ยันปล่อย"วีระ"ไม่มีเงื่อนไข
ที่กระทรวงการต่างประเทศ เวลา 14.00 น. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวภายหลังการเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการ และเข้าคารวะ สมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศว่า การเดินทางครั้งนี้ ประสบความสำเร็จ และการที่ไทยได้เข้าหารือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าทางกัมพูชาให้ความสำคัญกับประเทศไทย โดยกัมพูชาเห็นว่า เราควรรีบเร่งสานความสัมพันธ์และความร่วมมือต่างๆ
นอกจากนี้ ได้มีการหยิบยกกรณี นายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ซึ่งต้องโทษจำคุกอยู่ที่เรือนจำเปรยซอร์ มาเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน ขึ้นมาหารือกับนายนัมฮง และระบุให้ตนนำไปหารือกับสมเด็จฮุนเซน ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้ทำเรื่องของพระราชทานอภัยโทษมาโดยตลอด และเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ก็ได้พิจารณาพระราชทานอภัยโทษ ปล่อยตัวนายวีระ เนื่องในโอกาสบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จนโรดมสีหนุ ที่จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 11-12 ก.ค.นี้
นายสีหศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า การปล่อยตัวนายวีระครั้งนี้ ไม่ได้มีข้อแลกเปลี่ยน หรือการร้องขอจากกัมพูชา แต่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชา
ส่วนกรณีการปฎิบัติตามคำสั่งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ในเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ทางกัมพูชาเข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้ และอีกทั้งเรื่องดังกล่าว ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน ฉะนั้นจะรอให้ฝ่ายไทยมีรัฐมนตรีและรัฐบาลเสียก่อนแล้วค่อยดำเนินการต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ส่งหนังสือขอบคุณทางกัมพูชา ที่พิจารณาปล่อยตัวนายวีระ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นหนังสือดังกล่าว แต่ทางกระทรวงการต่างประเทศ กำลังร่างหนังสือส่งให้ทางกัมพูชาเพื่อเป็นการขอบคุณ
นายชาญเชาว์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การปล่อยตัวนายวีระ ถือเป็นกรณีปกติ ไม่ใช่การแลกเปลี่ยน โดยได้รับพระราชทานอภัยโทษปกติ ซึ่งที่ผ่านมา นายวีระ ได้ผ่านกระบวนการโอนตัวนักโทษแล้ว เมื่อ 6-7 เดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์กัมพูชาด้วย
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ยังกล่าวถึงการติดตามตัว นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการองค์การเสรีไทย และนายจักรภพ เพ็ญแข ผู้ต้องหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ที่ฝืนคำสั่ง คสช. หลบหนีออกนอกประเทศว่า จะดำเนินการตามกระบวนการทั่วไป หน่วยงานต่างๆ รับทราบขั้นตอนแล้ว กำลังดำเนินการเร่งประสานงานระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานอัยการสูงสุด
ส่วนกรณี น.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ (โรส) ฝ่าฝืนคำสั่งคสช.เรียกรายงานตัว และเปลี่ยนไปใช้สัญชาติอังกฤษ ก็ต้องดำเนินการในกระบวนการเดียวกัน และหาช่องทางกฎหมาย ถ้าชัดเจนว่า น.ส.ฉัตรวดี ได้รับสัญชาติอังกฤษแล้ว ก็ให้เป็นเรื่องของประเทศอังกฤษ
**“พนิช”ดีใจที่“วีระ”ได้รับการปล่อยตัว
นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจแทนครอบครัวของนายวีระมาก โดยคิดว่านายวีระ ถูกคุมขังนานเกินไปแล้ว ทั้งที่โดนจับกุมไปพร้อมกับตน แต่ทำไมต้องมาติดคุกนานกว่าตน และถูกข้อกล่าวหาเพิ่ม ซึ่งเชื่อว่าทุกคนมองเหมือนกันว่าไม่เป็นธรรมที่นายวีระต้องไปติดคุกที่กัมพูชา และอยากให้นายวีระกลับมา
“ขอชื่นชม คสช.และกระทรวงการต่างประเทศ ที่ทำงานหนัก ประสานนำตัวนายวีระออกมาได้ และมีข้อตกลงที่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าที่ผ่านมาทั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พยายามประสานนำตัวนายวีระกลับมาประเทศไทยอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายมาส่งผลกับผู้บริหารประเทศปัจจุบัน ส่วนที่คุณวีระ ยืนยันจะทำงานตรวจสอบคอร์รัปชันเหมือนเดิมนั้น ผมไม่แปลกใจ เพราะระหว่างที่ผมไปรับคุณวีระที่สนามบิน ก็ยังเห็นแววตามุ่งมั่นตั้งใจของคุณวีระ คนเดิมเมื่อ 3 ปีก่อน ในระหว่างที่อยู่ห้องขังเดียวกันที่เรือนจำเปรย์ซอว์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุจริตคอร์รัปชันหรือเรื่องข้อพิพาทชายแดน ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา" นายพนิชกล่าว
** "ฮุนเซน"ปล่อย"วีระ" เพราะ"แม้ว"ตกอับ
นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา รู้ดีว่าประเทศไทยเวลานี้ อำนาจรวมศูนย์อยู่ที่ คสช. ขณะที่เขาเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นอาทิตย์อับแสง ไม่มีน้ำยาอะไรแล้ว และเป็นโอกาสของการพระราชทานอภัยโทษ เนื่องจากจะมีพิธีบรรจุอัฐิ เจ้าสีหนุ ตอนกลางเดือนก.ค.นี้ด้วย อีกอย่างหนึ่งเป็นเหตุผลทางมนุษยธรรมที่นายวีระถูกจองจำมายาวนานถึงสามปีครึ่งแล้ว ผนวกกับปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่จะมีบรรยากาศดีขึ้น รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจ อันเกี่ยวเนื่องกับแรงงานกัมพูชาในไทยอีกด้วย
"ที่สำคัญมาจากการเล่นบทไม้แข็งของ คสช. ทั้งเรื่องการกวาดล้างอาวุธ การฝึกอาวุธ การให้ที่พักพิงกับผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำเพื่อไทย และเสื้อแดง โดยพบว่ามีความเกี่ยวโยงกับกัมพูชา รวมถึงมาตรการเข้มข้นด้านแรงงานกัมพูชาในไทย ทำให้สมเด็จฮุนเซน จำต้องผ่อนปรน” แกนนำ 40 ส.ว. ระบุ