"ปัง!" เสียงจากปลายกระบอกปืนนัดแรกดังขึ้นที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อช่วงพลบค่ำของวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายนปีที่แล้ว พร้อมกับกลิ่นคาวเลือด และร่างอันไร้วิญญาณที่จากลาไปศพแล้วศพเล่า...
จากนาทีนั้นจนถึงวันนี้ ก่อนที่บุรุษลายพราง นำโดย "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.จะตัดสินใจเข้ายึดอำนาจ เวลาก็ผ่านมานานกว่า 7 เดือนแล้ว โดยสรุปยอดเหตุความรุนแรงระหว่างการชุมนุมกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ทั้งหมดเกินกว่าร้อยครั้ง พบผู้บาดเจ็บประมาณ 827 ราย และเสียชีวิต 28 ราย
ส่วนความคืบหน้าคดีต่างๆ นั้น ถ้าเป็นยุคที่มี "บิ๊กอู๋" พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ยังนั่งเก้าอี้เป็นผู้นำสีกากีอยู่นั้น ที่มอบหมายให้ "บิ๊กเอก" พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.เป็นผู้ดูแลภาพรวม พบว่าหลายคดี
ดูจะ"มืดมน" ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร และบางคดีเหมือน "ติดหล่ม" เจอทางตันซะงั้น
...แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น ส่งผลให้ "บิ๊กกุ้ย" พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการหัวเรือใหญ่อาณาจักร "โล่เงิน" แทนนั้น หลายคดีถูก "ปัดฝุ่น" รื้อคดีออกจากลิ้นชักกันยกใหญ่ โดยมี "บิ๊กเอก" ที่กลายเป็นคนใหม่ รับผิดชอบเหมือนเดิม และมี "บิ๊กเปา" พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ที่ปรึกษากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) นายตำรวจที่ได้รับความไว้วางใจจากทหาร เข้ามาทำหน้าที่ที่ปรึกษาอีกชั้นหนึ่ง
โดยไฮไลต์ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในขณะนี้ คงเป็นคำให้สัมภาษณ์ของ "บิ๊กเอก" ที่เปิดเผยภายหลังการประชุมเร่งรัดคดีต่างๆ เมื่อวันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเล่นเอาสะเทือนไปทั้งวงการสีกากี เมื่อนายตำรวจร่างโย่งผู้นี้ระบุทำนองว่า
"จากการสืบสวนพบหลายคดีที่เกิดขึ้นกับ กปปส.ทั้งหมดชัดเจนว่า เป็นการทำของฝ่ายตรงข้าม อย่างกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่อยู่เบื้องหลัง เช่น คดีระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ระเบิดที่บรรทัดทอง หรือคดีถล่มผู้ชุมนุมที่ จ.ตราด ทั้งนี้ยังพบว่าบางคดีมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยมีส่วนรู้เห็นสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ช่วยเหลือก่อนและหลังทำผิด"
จากคำให้สัมภาษณ์ของ "บิ๊กเอก" แม้มีหลายฝ่ายประชดประชันว่า เป็นแค่ "ลูกหยอด" หวังเอาใจบรรดาบุรุษลายพราง เพื่อเป้าหมายอันริบหรี่อย่างเก้าอี้ "ผบ.ตร.คนที่ 10" ที่ดูวี่แววแล้วคงเสร็จ "พี่ลูกอม"...แต่ความจริงคงปฎิเสธไม่ได้ว่า หลายคดีที่เกิดขึ้น การทำหน้าที่ของผู้พิทักษ์สินติราษฎร์เองที่บกพร่อง และส่อพิรุธหลายครั้ง!?!
ที่เห็นได้ชัด คงเป็นคดี "รามมิคสัญญี" ที่เกิดเหตุเมื่อเย็นวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งไม่ต้องกล่าวถึงตัวเหตุการณ์ "ค่ำคืนอัปยศ" ที่ตำรวจ "ไฟเขียว" ปล่อยสถานการณ์แบบเลยตามเลย แต่เป็นประเด็นการดำเนินการจับกุมตัว "เลิศ ไม้เก่า" หรือบุญเลิศ เรืองทิม แกนนำกลุ่มนักรบพระองค์ดำ คนสนิท "ตุ๊ดตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ในฐานะผู้ต้องหาสำคัญคดีฆ่านักศึกษารามคำแหง ที่บุรุษสีกากีทำงานอย่างล่าช้า จนเหมือนคดีถูกเก็บเข้าลิ้นชักแล้ว...แต่เมื่อมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารก็เข้าควบคุมตัวเสื้อแดงหัวรุนแรงรายนี้ได้ทันที คาถิ่นที่ จ.พิษณุโลก ระหว่างที่กำลังทำธุระส่วนตัวอย่างสบายใจ...
ฉะนั้นจึงเกิดคำถามตัวโตๆ ว่า ที่ผ่านมาองค์กรสีกากีมัวทำอะไรอยู่?
รวมถึงคดีกราดยิงการ์ดผู้ชุมนุมกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) ด้านหลังเวทีปราศรัยชมัยมรุเชฐ เมื่อกลางดึกปลายปีที่แล้ว ซึ่งหากวิเคราะห์ในหลายประเด็น ทุกอย่างบ่งชี้ไปว่าผู้ก่อเหตุอาจมาจากฝีมือของผู้รักษากฎหมายเสียเอง ยิ่งช่วงเวลานั้นมีการปลุกกระแสคนในเครื่องแบบให้เกลียดม็อบนกหวีดด้วยแล้ว หลายอย่างจึงเหมาะเจาะเป็นพิเศษ!!!
ขณะที่คดีการเสียชีวิตของ "สุทิน ธราทิน" ผู้ประสานงานกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ที่ถูกกลุ่มคนร้ายล้อมยิงจนถึงแก่ความตาย บริเวณวัดศรีเอี่ยม เขตบางนา เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา แม้ตำรวจจะมีการออกหมายจับคนร้ายตามภาพคลิปวิดีโอแล้ว แต่การติดตามจับกุมยังไม่มีความคืบหน้า
การข่าวเชิงลึกพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาที่เข้าก่อเหตุยิง "สุทิน" เป็นเสื้อแดงฮาร์ดคอร์กลุ่ม "โกตี๋" วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ ที่ได้แรงหนุนจากผู้มีบารมีในท้องที่บางนา วิ่งข้ามถิ่นไปจัดการกลุ่ม กปท.โดยคดีนี้มีความเชื่อมโยงกับเคส "ดาบติ" ด.ต.คงเพชร เพชรกันหา ผบ.หมู่ สส.บก.น.2 ที่ใช้อาวุธยิงใส่ผู้ชุมนุมหน้าสโมสรกองทัพบก โดยบุคคลทั้งสองต่างมีคอนเนคชั่นกับ "อดีตบิ๊กนครบาล" เหมือนกัน จนทำให้ความคืบหน้าคดีก่อนหน้านี้ ต้องเจอทางตันนั่นเอง!?!
รวมถึงคดีถล่ม กปปส.ตราด เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกคืนวันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น กลับกลายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้าทลายคลังอาวุธของอดีตการ์ดเสื้อแดงที่ จ.ลพบุรี จนมีการต่อ "จิ๊กซอว์" พบความเชื่อมโยงเหตุความรุนแรงที่เขาสมิง และติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการข้ามจังหวัดได้เกือบหมด ทั้งนี้แว่วมาว่าหนึ่งในผู้ต้องหาได้ให้ข้อมูลซัดทอดว่า หลังก่อเหตุได้มีบุรุษสีกากีช่วยเหลือเรื่องการหลบหนีด้วย
ขณะเดียวกันคาดว่า คดีนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับกรณีคนร้ายใช้อาวุธสงครามถล่มบ้านมารดาของ "ทยา ทีปสุวรรณ" ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมด้วย หลังเจ้าตัวก่อเหตุเป่า "นกหวีด" กรอกใส่หู "เมียนายใหญ่" กลางห้างดัง โดยมีชื่อ "หลานเขยติดดาว" เข้ามามีเอี่ยวด้วย...
ทั้งนี้ตลอดช่วงการชุมนุมที่ผ่านมา ทางหน่วยข่าวกรอง และบุรุษลายพราง ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอดว่า ไม่ใช่แค่ปล่อยให้หน่วย "ซีล" ถูกจับเท่านั้น แต่กลับพบว่านายตำรวจตามแนวชายแดนบางคน มีพฤติกรรมเอื้อให้เกิดความรุนแรง และปล่อยให้มีการขนอาวุธสงครามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาคเหนือและอีสาน ก่อนนำอาวุธมาซุกซ่อนอยู่ตามปริมณฑล จนสุดท้ายกลุ่มสีกากีเหล่านี้ ถูกจับโยกเข้ากรุกันพร้อมหน้า
นอกจากนี้นายตำรวจชั้นนายพลบางคน ยังมีพฤติกรรมช่วยเหลือกลุ่ม "ชายชุดดำ" หลังก่อเหตุแล้ว และทำหน้าที่ "เก็บกวาด" เบี่ยงประเด็นคดีใหม่ให้กลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้ ที่บูชาเงินของ........
สุดท้ายคงถึงเวลาแล้ว ที่องค์กรสีกากียุค "บิ๊กกุ้ย" ต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา และเลิกพฤติกรรมโอบอุ้มบุรุษ "โล่เงิน" ด้วยกันเอง
อย่าปล่อยให้ตำรวจประเภท "มีวันนี้เพราะพี่ให้" อยู่เหนือกว่า "กฎหมาย" เหมือนที่แล้วมา!?!
จากนาทีนั้นจนถึงวันนี้ ก่อนที่บุรุษลายพราง นำโดย "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.จะตัดสินใจเข้ายึดอำนาจ เวลาก็ผ่านมานานกว่า 7 เดือนแล้ว โดยสรุปยอดเหตุความรุนแรงระหว่างการชุมนุมกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ทั้งหมดเกินกว่าร้อยครั้ง พบผู้บาดเจ็บประมาณ 827 ราย และเสียชีวิต 28 ราย
ส่วนความคืบหน้าคดีต่างๆ นั้น ถ้าเป็นยุคที่มี "บิ๊กอู๋" พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ยังนั่งเก้าอี้เป็นผู้นำสีกากีอยู่นั้น ที่มอบหมายให้ "บิ๊กเอก" พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.เป็นผู้ดูแลภาพรวม พบว่าหลายคดี
ดูจะ"มืดมน" ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร และบางคดีเหมือน "ติดหล่ม" เจอทางตันซะงั้น
...แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น ส่งผลให้ "บิ๊กกุ้ย" พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการหัวเรือใหญ่อาณาจักร "โล่เงิน" แทนนั้น หลายคดีถูก "ปัดฝุ่น" รื้อคดีออกจากลิ้นชักกันยกใหญ่ โดยมี "บิ๊กเอก" ที่กลายเป็นคนใหม่ รับผิดชอบเหมือนเดิม และมี "บิ๊กเปา" พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ที่ปรึกษากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) นายตำรวจที่ได้รับความไว้วางใจจากทหาร เข้ามาทำหน้าที่ที่ปรึกษาอีกชั้นหนึ่ง
โดยไฮไลต์ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในขณะนี้ คงเป็นคำให้สัมภาษณ์ของ "บิ๊กเอก" ที่เปิดเผยภายหลังการประชุมเร่งรัดคดีต่างๆ เมื่อวันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเล่นเอาสะเทือนไปทั้งวงการสีกากี เมื่อนายตำรวจร่างโย่งผู้นี้ระบุทำนองว่า
"จากการสืบสวนพบหลายคดีที่เกิดขึ้นกับ กปปส.ทั้งหมดชัดเจนว่า เป็นการทำของฝ่ายตรงข้าม อย่างกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่อยู่เบื้องหลัง เช่น คดีระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ระเบิดที่บรรทัดทอง หรือคดีถล่มผู้ชุมนุมที่ จ.ตราด ทั้งนี้ยังพบว่าบางคดีมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยมีส่วนรู้เห็นสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ช่วยเหลือก่อนและหลังทำผิด"
จากคำให้สัมภาษณ์ของ "บิ๊กเอก" แม้มีหลายฝ่ายประชดประชันว่า เป็นแค่ "ลูกหยอด" หวังเอาใจบรรดาบุรุษลายพราง เพื่อเป้าหมายอันริบหรี่อย่างเก้าอี้ "ผบ.ตร.คนที่ 10" ที่ดูวี่แววแล้วคงเสร็จ "พี่ลูกอม"...แต่ความจริงคงปฎิเสธไม่ได้ว่า หลายคดีที่เกิดขึ้น การทำหน้าที่ของผู้พิทักษ์สินติราษฎร์เองที่บกพร่อง และส่อพิรุธหลายครั้ง!?!
ที่เห็นได้ชัด คงเป็นคดี "รามมิคสัญญี" ที่เกิดเหตุเมื่อเย็นวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งไม่ต้องกล่าวถึงตัวเหตุการณ์ "ค่ำคืนอัปยศ" ที่ตำรวจ "ไฟเขียว" ปล่อยสถานการณ์แบบเลยตามเลย แต่เป็นประเด็นการดำเนินการจับกุมตัว "เลิศ ไม้เก่า" หรือบุญเลิศ เรืองทิม แกนนำกลุ่มนักรบพระองค์ดำ คนสนิท "ตุ๊ดตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ในฐานะผู้ต้องหาสำคัญคดีฆ่านักศึกษารามคำแหง ที่บุรุษสีกากีทำงานอย่างล่าช้า จนเหมือนคดีถูกเก็บเข้าลิ้นชักแล้ว...แต่เมื่อมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารก็เข้าควบคุมตัวเสื้อแดงหัวรุนแรงรายนี้ได้ทันที คาถิ่นที่ จ.พิษณุโลก ระหว่างที่กำลังทำธุระส่วนตัวอย่างสบายใจ...
ฉะนั้นจึงเกิดคำถามตัวโตๆ ว่า ที่ผ่านมาองค์กรสีกากีมัวทำอะไรอยู่?
รวมถึงคดีกราดยิงการ์ดผู้ชุมนุมกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) ด้านหลังเวทีปราศรัยชมัยมรุเชฐ เมื่อกลางดึกปลายปีที่แล้ว ซึ่งหากวิเคราะห์ในหลายประเด็น ทุกอย่างบ่งชี้ไปว่าผู้ก่อเหตุอาจมาจากฝีมือของผู้รักษากฎหมายเสียเอง ยิ่งช่วงเวลานั้นมีการปลุกกระแสคนในเครื่องแบบให้เกลียดม็อบนกหวีดด้วยแล้ว หลายอย่างจึงเหมาะเจาะเป็นพิเศษ!!!
ขณะที่คดีการเสียชีวิตของ "สุทิน ธราทิน" ผู้ประสานงานกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ที่ถูกกลุ่มคนร้ายล้อมยิงจนถึงแก่ความตาย บริเวณวัดศรีเอี่ยม เขตบางนา เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา แม้ตำรวจจะมีการออกหมายจับคนร้ายตามภาพคลิปวิดีโอแล้ว แต่การติดตามจับกุมยังไม่มีความคืบหน้า
การข่าวเชิงลึกพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาที่เข้าก่อเหตุยิง "สุทิน" เป็นเสื้อแดงฮาร์ดคอร์กลุ่ม "โกตี๋" วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ ที่ได้แรงหนุนจากผู้มีบารมีในท้องที่บางนา วิ่งข้ามถิ่นไปจัดการกลุ่ม กปท.โดยคดีนี้มีความเชื่อมโยงกับเคส "ดาบติ" ด.ต.คงเพชร เพชรกันหา ผบ.หมู่ สส.บก.น.2 ที่ใช้อาวุธยิงใส่ผู้ชุมนุมหน้าสโมสรกองทัพบก โดยบุคคลทั้งสองต่างมีคอนเนคชั่นกับ "อดีตบิ๊กนครบาล" เหมือนกัน จนทำให้ความคืบหน้าคดีก่อนหน้านี้ ต้องเจอทางตันนั่นเอง!?!
รวมถึงคดีถล่ม กปปส.ตราด เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกคืนวันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น กลับกลายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้าทลายคลังอาวุธของอดีตการ์ดเสื้อแดงที่ จ.ลพบุรี จนมีการต่อ "จิ๊กซอว์" พบความเชื่อมโยงเหตุความรุนแรงที่เขาสมิง และติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการข้ามจังหวัดได้เกือบหมด ทั้งนี้แว่วมาว่าหนึ่งในผู้ต้องหาได้ให้ข้อมูลซัดทอดว่า หลังก่อเหตุได้มีบุรุษสีกากีช่วยเหลือเรื่องการหลบหนีด้วย
ขณะเดียวกันคาดว่า คดีนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับกรณีคนร้ายใช้อาวุธสงครามถล่มบ้านมารดาของ "ทยา ทีปสุวรรณ" ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมด้วย หลังเจ้าตัวก่อเหตุเป่า "นกหวีด" กรอกใส่หู "เมียนายใหญ่" กลางห้างดัง โดยมีชื่อ "หลานเขยติดดาว" เข้ามามีเอี่ยวด้วย...
ทั้งนี้ตลอดช่วงการชุมนุมที่ผ่านมา ทางหน่วยข่าวกรอง และบุรุษลายพราง ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอดว่า ไม่ใช่แค่ปล่อยให้หน่วย "ซีล" ถูกจับเท่านั้น แต่กลับพบว่านายตำรวจตามแนวชายแดนบางคน มีพฤติกรรมเอื้อให้เกิดความรุนแรง และปล่อยให้มีการขนอาวุธสงครามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาคเหนือและอีสาน ก่อนนำอาวุธมาซุกซ่อนอยู่ตามปริมณฑล จนสุดท้ายกลุ่มสีกากีเหล่านี้ ถูกจับโยกเข้ากรุกันพร้อมหน้า
นอกจากนี้นายตำรวจชั้นนายพลบางคน ยังมีพฤติกรรมช่วยเหลือกลุ่ม "ชายชุดดำ" หลังก่อเหตุแล้ว และทำหน้าที่ "เก็บกวาด" เบี่ยงประเด็นคดีใหม่ให้กลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้ ที่บูชาเงินของ........
สุดท้ายคงถึงเวลาแล้ว ที่องค์กรสีกากียุค "บิ๊กกุ้ย" ต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา และเลิกพฤติกรรมโอบอุ้มบุรุษ "โล่เงิน" ด้วยกันเอง
อย่าปล่อยให้ตำรวจประเภท "มีวันนี้เพราะพี่ให้" อยู่เหนือกว่า "กฎหมาย" เหมือนที่แล้วมา!?!