ASTVผู้จัดการรายวัน - เอ็กโก กรุ๊ปทุ่ม 453 ล้านเหรียญสหรัฐ ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าถ่านหินMasinloc ที่ฟิลิปปินส์ ในสัดส่วน 40.95% ทำให้รับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส3-4 นี้ พร้อมจ่อลงทุนโรงไฟฟ้าในอินโดนีเซียเพิ่ม ขณะที่โครงการไซยะบุรียังเดินหน้าตามแผน
เสร็จปี 62
นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเห็นชอบให้ซื้อหุ้นโดยอ้อมของบริษัท Masinloc Power Partners (MPPCL) ในสัดส่วน 40.95% คิดเป็นมูลค่า 453 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.นี้ คาดว่าการซื้อขายหุ้นและการโอนหุ้นจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 3 นี้
ทั้งนี้ MPPCL เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าถ่านหิน Masinloc ขนาดกำลังการผลิต 315 เมกะวัตต์ จำนวน 2 หน่วย ตั้งอยู่ในZambales สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้ากับManila Electric Company (Meralco) กลุ่มผู้จำหน่ายไฟฟ้ารายย่อยและกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ประมาณร้อยละ 70,20 และ 10 ของกำลังการผลิตตามลำดับ
“ บริษัท Gen Plus B.V ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเอ็กโก เป็นผู้ซื้อหุ้นดังกล่าวจากบริษัท AES Phil Investment Pte Ltd ซึ่งเป็นบริษัทที่AEC Corporation เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด ซึ่งเดิมโรงไฟฟ้า Masinloc เดิมเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลฟิลิปปินส์ เริ่มเดินเครื่องมาตั้งแต่ปี 2541 และได้แปรรูปภายใต้โครงการแปรรูปของรัฐบาลเมื่อปี 2551 ซึ่งAESเป็นผู้ชนะการประมูลซื้อโรงไฟฟ้าดังกล่าวและได้ปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและบริหารจัดการโรงไฟฟ้ามาโดยตลอด”
การซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าดังกล่าวนี้จะทำให้รายได้ของเอ็กโกเพิ่มขึ้นในทันที และช่วยสร้างโอกาสการขยายการลงทุนให้อีกในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เอ็กโก ในระยะยาว รวมทั้งบริษัทยังได้รับผลประโยชน์จากการร่วมมือของAEC สำหรับธุรกิจในฟิลิปปินส์ เช่น ความร่วมมือในการจัดหาเชื้อเพลิงและการให้บริการด้านการเดินเครื่องและการบำรุงรักษา
อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มฐานการลงทุนของเอ็กโกในฟิลิปปินส์ด้วย ทำให้เพิ่มโอกาสในการสร้างความเติบโตในอนาคต
แหล่งข่าวจาก บริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่า นอกเหนือจากการลงทุนในฟิลิปปินส์แล้ว เอ็กโก กรุ๊ป ยังมองหาโอกาสที่เข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าในอินโดนีเซีย โดยได้ยื่นประมูลเพื่อเสนอทำโรงไฟฟ้าปากเหมืองขนาด 200-300 เมกะวัตต์ในพื้นที่ใกล้เหมืองถ่านหินของบริษัทฯ รวมทั้งยังสนใจที่จะเข้าไปประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินในอินโดนีเซียด้วย คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในปีนี้
ส่วนกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดรับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีไซยะบุรี ใน สปป.ลาว เฉพาะข้อหาที่ 3 ที่ฟ้องขอให้ผู้ถูกฟ้องคดี ต้องแจ้งข้อมูลและการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเหมาะสม การรับฟังความคิดเห็นอย่างเพียงพอและจริงจัง นั้น ไม่น่าจะมีผลกระทบทำให้โครงการดักงล่าวต้องล่าช้าออกไป จาก ปัจจุบัน โครงการไซยะบุรีมีความคืบหน้าในการดำเนินการโครงการไปแล้ว 20%
คาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนดเดิมในปี 2562 โดยโครงการไฟฟ้าดังกล่าวจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า1220 เมกะวัตต์ มีกลุ่มบริษัท ช.การช่างถือหุ้นใหญ่ 57.5 % ปตท. 25 % เอ็กโก 12.5 % และอื่นๆ
เสร็จปี 62
นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเห็นชอบให้ซื้อหุ้นโดยอ้อมของบริษัท Masinloc Power Partners (MPPCL) ในสัดส่วน 40.95% คิดเป็นมูลค่า 453 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.นี้ คาดว่าการซื้อขายหุ้นและการโอนหุ้นจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 3 นี้
ทั้งนี้ MPPCL เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าถ่านหิน Masinloc ขนาดกำลังการผลิต 315 เมกะวัตต์ จำนวน 2 หน่วย ตั้งอยู่ในZambales สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้ากับManila Electric Company (Meralco) กลุ่มผู้จำหน่ายไฟฟ้ารายย่อยและกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ประมาณร้อยละ 70,20 และ 10 ของกำลังการผลิตตามลำดับ
“ บริษัท Gen Plus B.V ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเอ็กโก เป็นผู้ซื้อหุ้นดังกล่าวจากบริษัท AES Phil Investment Pte Ltd ซึ่งเป็นบริษัทที่AEC Corporation เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด ซึ่งเดิมโรงไฟฟ้า Masinloc เดิมเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลฟิลิปปินส์ เริ่มเดินเครื่องมาตั้งแต่ปี 2541 และได้แปรรูปภายใต้โครงการแปรรูปของรัฐบาลเมื่อปี 2551 ซึ่งAESเป็นผู้ชนะการประมูลซื้อโรงไฟฟ้าดังกล่าวและได้ปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและบริหารจัดการโรงไฟฟ้ามาโดยตลอด”
การซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าดังกล่าวนี้จะทำให้รายได้ของเอ็กโกเพิ่มขึ้นในทันที และช่วยสร้างโอกาสการขยายการลงทุนให้อีกในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เอ็กโก ในระยะยาว รวมทั้งบริษัทยังได้รับผลประโยชน์จากการร่วมมือของAEC สำหรับธุรกิจในฟิลิปปินส์ เช่น ความร่วมมือในการจัดหาเชื้อเพลิงและการให้บริการด้านการเดินเครื่องและการบำรุงรักษา
อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มฐานการลงทุนของเอ็กโกในฟิลิปปินส์ด้วย ทำให้เพิ่มโอกาสในการสร้างความเติบโตในอนาคต
แหล่งข่าวจาก บริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่า นอกเหนือจากการลงทุนในฟิลิปปินส์แล้ว เอ็กโก กรุ๊ป ยังมองหาโอกาสที่เข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าในอินโดนีเซีย โดยได้ยื่นประมูลเพื่อเสนอทำโรงไฟฟ้าปากเหมืองขนาด 200-300 เมกะวัตต์ในพื้นที่ใกล้เหมืองถ่านหินของบริษัทฯ รวมทั้งยังสนใจที่จะเข้าไปประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินในอินโดนีเซียด้วย คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในปีนี้
ส่วนกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดรับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีไซยะบุรี ใน สปป.ลาว เฉพาะข้อหาที่ 3 ที่ฟ้องขอให้ผู้ถูกฟ้องคดี ต้องแจ้งข้อมูลและการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเหมาะสม การรับฟังความคิดเห็นอย่างเพียงพอและจริงจัง นั้น ไม่น่าจะมีผลกระทบทำให้โครงการดักงล่าวต้องล่าช้าออกไป จาก ปัจจุบัน โครงการไซยะบุรีมีความคืบหน้าในการดำเนินการโครงการไปแล้ว 20%
คาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนดเดิมในปี 2562 โดยโครงการไฟฟ้าดังกล่าวจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า1220 เมกะวัตต์ มีกลุ่มบริษัท ช.การช่างถือหุ้นใหญ่ 57.5 % ปตท. 25 % เอ็กโก 12.5 % และอื่นๆ