คนทั้งโลกคือคนเหมือนกัน-ใช่! แต่คนทั้งโลกไม่เหมือนกัน-ก็ใช่อีก!! เพราะคนในโลกนี้มีทั้ง “คนดี” กับ “คนชั่ว” นั่นเอง!!!
แถมคนบางคนยังมิใช่คนเสียอีก ด้วยมีสันดานชั่วร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน เพราะไร้ทั้งความรักและความซื่อสัตย์ จนถึงขั้นโกงชาติและขายชาติ เพื่อเอาผลประโยชน์เข้าตนและพวกพ้อง ในขณะที่สัตว์เดียรัจฉานบางชนิด เต็มไปด้วยความรักและซื่อสัตย์ต่อผู้เลี้ยง ถึงขนาดตายแทนเจ้าของของมันได้เลย
ดังนั้น คนชั่วจึงเป็นปัญหาเลวร้ายของโลก ทุกชาติจึงมีกฎหมายไว้ลงโทษคนทำชั่วให้ติดคุกตะรางตามความผิดหนักเบา ซึ่งมีทั้งติดคุกไม่กี่วัน-ไม่กี่ปี-ติดตลอดชีวิต และบางคนยังถูกประหารชีวิตอีกด้วย
กองทุนประชากรสหประชาชาติ ประเมินว่า ปัจจุบันมีคนในโลกใบนี้เกิน 7 พันล้านคนแล้ว และยังคาดคะเนการเพิ่มขึ้นของคนในอนาคตว่า ปี 2593 หรืออีก 36 ปีข้างหน้า จะมีคนบนโลกมากถึง 7,500-10,500 ล้านคน
การอยู่ร่วมกันของคนกว่า 7 พันล้านคน ที่มีทั้งคนดีและคนชั่วปะปนกัน ทุกชาติต้องใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ-อาญา-แพ่ง เป็นกติกาให้ทุกคนรู้ว่าเรื่องใดดี-พึงปฏิบัติ เรื่องใดชั่ว-ห้ามปฏิบัติตามที่กฎหมายได้บัญญัติไว้แล้วในทุกสังคม
อย่างไรก็ตาม...แต่ละชาติยังมีกฎหมาย ที่ทั้งต่างกัน-เกือบเหมือนกัน-เหมือนกัน ตามสภาพสังคมของแต่ละชาติที่แตกต่างกันไปนั่นเอง
แต่ส่วนใหญ่ที่เหมือนกันคือ ต้องมีเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรม เช่น ตำรวจ-อัยการ-ศาล-คุก ฯลฯ ไว้จับไว้พิพากษาไว้ขังคนชั่วสารพัดชนิด ที่ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นนักต้มตุ๋น-โจรใจโฉด-ผู้ก่อการร้าย-นักการเมืองโกงชาติ ฯลฯ หากคนชั่วคิดจะทำความชั่ว ก็ยังคงเป็นเพียงแค่ความคิดจะทำชั่วเท่านั้น ทว่า..หากมีปฏิบัติการทำความชั่วเกิดขึ้นแล้ว นั่นย่อมมิใช่แค่เรื่องมีความเห็นต่างกัน ระหว่างคนดีกับคนชั่วอีกต่อไป ฉะนั้น...ใครเป็นคนดีและใครเป็นคนชั่ว จะดูกันแค่ภาพภายนอกว่าเป็นคนเหมือนกันไม่ได้ แต่ต้องดูผลการกระทำของคนคนนั้นว่า ได้กระทำชั่วหรือกระทำดีให้เป็นที่ประจักษ์ต่างหาก
เมื่อสังคมโลกส่วนใหญ่ ถือหลักการ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” คนทำชั่วทุกชาติจึงถูกกฎหมายลงโทษตามความผิด ส่วนคนทำดีจะได้รับการยกย่องจากสังคมเป็นธรรมดา
ใครที่ได้เป็นผู้นำจึงต้องบริหารชาติ โดยจำแนกธรรมแห่งมนุษย์ให้ถูกต้องว่า ความดีกับความชั่วนั้น...ไม่มีวันจะปรองดองกันได้ และจะต้องไม่ปรองดองกันอย่างเด็ดขาดอีกด้วย
การที่คนดีกับคนชั่วในสังคม และตำรวจ-อัยการ-ศาล ฯลฯ ที่มีหน้าที่จับโจรทั่วไป กับโจรการเมืองเข้าคุกไม่ปรองดองกันนั้น ย่อมเป็นเรื่องดีเรื่องถูกต้องของสังคมทุกชาติ
เพราะคนทำชั่วคือคนทำผิดกฎหมาย ส่วนตำรวจ-อัยการ-ศาลที่เป็นคนดี ก็ต้องทำหน้าที่ตามตัวบทกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนคนดีที่ต่อสู้กับคนชั่วนั้น ก็ต้องถือเป็นผู้เสียสละให้แก่ชาติ เพื่อทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ และทำให้ชาติมีนิติธรรมเป็นนิติรัฐนั่นเอง
คนชั่วทั่วโลก-คนชั่วทุกสาขาอาชีพ คือ ต้นเหตุปัญหาร้ายแรงที่ทุกชาติต้องการขจัด ตรงกันข้ามกับคนดีที่เป็นทรัพยากรมนุษย์อันเลอค่าที่ทุกชาติต้องการเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากคนดีเหล่านี้ได้ขึ้นปกครองชาติ ชาติก็จะเจริญรุ่งเรืองและสงบสันติ เพราะคนชั่วสารพัดรูปแบบจะไม่มีโอกาสได้ขึ้นปกครองชาติและโกงบ้านเมืองอีกต่อไป
โจรทุกชาติ-หากไม่ละทิ้งสันดานโจร คนที่เป็นโจรก็ย่อมไม่ละเลิกการปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์!
นักการเมืองชั่วทุกชาติ-หากยังมีสันดานไม่รู้จักพอและขี้โกง คนที่เป็นนักการเมืองชั่วพวกนี้ ก็ไม่มีวันหยุดการโกงชาติได้เลย ดังนั้น ตำแหน่งรัฐมนตรี-นายกรัฐมนตรี-ประธานาธิบดี ที่มีไว้เพื่อทำความดีให้ชาติ จึงถูกนักการเมืองชั่วบ้าอำนาจนำไปใช้ เพื่อทำผิดกฎหมายหรือปล้นชาติไปเสียฉิบ!
หลายชาติในโลกนี้ มิได้สร้าง “คุก” ไว้ “ขัง” แค่คนชั่วทั่วไปเท่านั้น แต่ยังมีไว้ “ขัง” รัฐมนตรี-นายกรัฐมนตรี-ประธานาธิบดี ที่เป็นคนโคตรชั่วอีกด้วย
ผู้บริหารชาติที่มีคุณภาพและเปี่ยมความรู้ ต้องทำให้ชาติมีนิติธรรมและนิติรัฐ จะใช้ข้ออ้างผิดๆ ว่า “คนเหมือนกันต้องให้อภัยกัน” หรือ “คนไทยเหมือนกันต้องปรองดองกัน” โดยไม่แยกแยะว่า คนไทยคนไหนทำดี-ทำชั่ว-ทำถูก-ทำผิด คนไทยทำชั่วจะต้องถูกลงโทษ และคนไทยทำดีจะต้องไม่โดนลงโทษ และจะต้องถูกยกย่องสรรเสริญอีกต่างหาก ฯลฯ
คนไทยคนไหน-คือโจรชั่วปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์อย่างหฤโหด? คนไทยคนไหน-คือเจ้าของบ้านถูกปล้นจนต้องใช้อาวุธปกป้องตนเอง? รัฐบาลคนไทยคนไหนที่ชั่ว-โกงและขายชาติจนพลเมืองไทยดีๆ อดรนทนไม่ไหวต้องเสี่ยงชีวิตออกมาขับไล่ ทำให้ทหารจำต้องออกมาทำรัฐประหารถึง 2 ครั้ง?
ผู้มีอำนาจที่ดีต้องจำแนกแยกแยะเรื่องเหล่านี้ให้ชัดเจนที่สุด จะต้องไม่ให้ความดีกับความชั่ว “สมสู่” กัน โดยเฉพาะตำรวจ-อัยการ-ข้าราชการบางคน กับมหาโจรหรือคนชั่วเป็นพวกเดียวกัน เหมือนยุคเหลี่ยมเป็นใหญ่ในแผ่นดินไม่ได้เด็ดขาด
คนไทยมีทั้งคนที่เหมือนและไม่เหมือนกัน คนไทยชั่วๆ ที่โกงชาติและขายชาติได้ จึงไม่เหมือนกับคนไทยดีๆ ส่วนใหญ่ในชาตินะโว้ย…
แถมคนบางคนยังมิใช่คนเสียอีก ด้วยมีสันดานชั่วร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน เพราะไร้ทั้งความรักและความซื่อสัตย์ จนถึงขั้นโกงชาติและขายชาติ เพื่อเอาผลประโยชน์เข้าตนและพวกพ้อง ในขณะที่สัตว์เดียรัจฉานบางชนิด เต็มไปด้วยความรักและซื่อสัตย์ต่อผู้เลี้ยง ถึงขนาดตายแทนเจ้าของของมันได้เลย
ดังนั้น คนชั่วจึงเป็นปัญหาเลวร้ายของโลก ทุกชาติจึงมีกฎหมายไว้ลงโทษคนทำชั่วให้ติดคุกตะรางตามความผิดหนักเบา ซึ่งมีทั้งติดคุกไม่กี่วัน-ไม่กี่ปี-ติดตลอดชีวิต และบางคนยังถูกประหารชีวิตอีกด้วย
กองทุนประชากรสหประชาชาติ ประเมินว่า ปัจจุบันมีคนในโลกใบนี้เกิน 7 พันล้านคนแล้ว และยังคาดคะเนการเพิ่มขึ้นของคนในอนาคตว่า ปี 2593 หรืออีก 36 ปีข้างหน้า จะมีคนบนโลกมากถึง 7,500-10,500 ล้านคน
การอยู่ร่วมกันของคนกว่า 7 พันล้านคน ที่มีทั้งคนดีและคนชั่วปะปนกัน ทุกชาติต้องใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ-อาญา-แพ่ง เป็นกติกาให้ทุกคนรู้ว่าเรื่องใดดี-พึงปฏิบัติ เรื่องใดชั่ว-ห้ามปฏิบัติตามที่กฎหมายได้บัญญัติไว้แล้วในทุกสังคม
อย่างไรก็ตาม...แต่ละชาติยังมีกฎหมาย ที่ทั้งต่างกัน-เกือบเหมือนกัน-เหมือนกัน ตามสภาพสังคมของแต่ละชาติที่แตกต่างกันไปนั่นเอง
แต่ส่วนใหญ่ที่เหมือนกันคือ ต้องมีเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรม เช่น ตำรวจ-อัยการ-ศาล-คุก ฯลฯ ไว้จับไว้พิพากษาไว้ขังคนชั่วสารพัดชนิด ที่ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นนักต้มตุ๋น-โจรใจโฉด-ผู้ก่อการร้าย-นักการเมืองโกงชาติ ฯลฯ หากคนชั่วคิดจะทำความชั่ว ก็ยังคงเป็นเพียงแค่ความคิดจะทำชั่วเท่านั้น ทว่า..หากมีปฏิบัติการทำความชั่วเกิดขึ้นแล้ว นั่นย่อมมิใช่แค่เรื่องมีความเห็นต่างกัน ระหว่างคนดีกับคนชั่วอีกต่อไป ฉะนั้น...ใครเป็นคนดีและใครเป็นคนชั่ว จะดูกันแค่ภาพภายนอกว่าเป็นคนเหมือนกันไม่ได้ แต่ต้องดูผลการกระทำของคนคนนั้นว่า ได้กระทำชั่วหรือกระทำดีให้เป็นที่ประจักษ์ต่างหาก
เมื่อสังคมโลกส่วนใหญ่ ถือหลักการ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” คนทำชั่วทุกชาติจึงถูกกฎหมายลงโทษตามความผิด ส่วนคนทำดีจะได้รับการยกย่องจากสังคมเป็นธรรมดา
ใครที่ได้เป็นผู้นำจึงต้องบริหารชาติ โดยจำแนกธรรมแห่งมนุษย์ให้ถูกต้องว่า ความดีกับความชั่วนั้น...ไม่มีวันจะปรองดองกันได้ และจะต้องไม่ปรองดองกันอย่างเด็ดขาดอีกด้วย
การที่คนดีกับคนชั่วในสังคม และตำรวจ-อัยการ-ศาล ฯลฯ ที่มีหน้าที่จับโจรทั่วไป กับโจรการเมืองเข้าคุกไม่ปรองดองกันนั้น ย่อมเป็นเรื่องดีเรื่องถูกต้องของสังคมทุกชาติ
เพราะคนทำชั่วคือคนทำผิดกฎหมาย ส่วนตำรวจ-อัยการ-ศาลที่เป็นคนดี ก็ต้องทำหน้าที่ตามตัวบทกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนคนดีที่ต่อสู้กับคนชั่วนั้น ก็ต้องถือเป็นผู้เสียสละให้แก่ชาติ เพื่อทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ และทำให้ชาติมีนิติธรรมเป็นนิติรัฐนั่นเอง
คนชั่วทั่วโลก-คนชั่วทุกสาขาอาชีพ คือ ต้นเหตุปัญหาร้ายแรงที่ทุกชาติต้องการขจัด ตรงกันข้ามกับคนดีที่เป็นทรัพยากรมนุษย์อันเลอค่าที่ทุกชาติต้องการเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากคนดีเหล่านี้ได้ขึ้นปกครองชาติ ชาติก็จะเจริญรุ่งเรืองและสงบสันติ เพราะคนชั่วสารพัดรูปแบบจะไม่มีโอกาสได้ขึ้นปกครองชาติและโกงบ้านเมืองอีกต่อไป
โจรทุกชาติ-หากไม่ละทิ้งสันดานโจร คนที่เป็นโจรก็ย่อมไม่ละเลิกการปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์!
นักการเมืองชั่วทุกชาติ-หากยังมีสันดานไม่รู้จักพอและขี้โกง คนที่เป็นนักการเมืองชั่วพวกนี้ ก็ไม่มีวันหยุดการโกงชาติได้เลย ดังนั้น ตำแหน่งรัฐมนตรี-นายกรัฐมนตรี-ประธานาธิบดี ที่มีไว้เพื่อทำความดีให้ชาติ จึงถูกนักการเมืองชั่วบ้าอำนาจนำไปใช้ เพื่อทำผิดกฎหมายหรือปล้นชาติไปเสียฉิบ!
หลายชาติในโลกนี้ มิได้สร้าง “คุก” ไว้ “ขัง” แค่คนชั่วทั่วไปเท่านั้น แต่ยังมีไว้ “ขัง” รัฐมนตรี-นายกรัฐมนตรี-ประธานาธิบดี ที่เป็นคนโคตรชั่วอีกด้วย
ผู้บริหารชาติที่มีคุณภาพและเปี่ยมความรู้ ต้องทำให้ชาติมีนิติธรรมและนิติรัฐ จะใช้ข้ออ้างผิดๆ ว่า “คนเหมือนกันต้องให้อภัยกัน” หรือ “คนไทยเหมือนกันต้องปรองดองกัน” โดยไม่แยกแยะว่า คนไทยคนไหนทำดี-ทำชั่ว-ทำถูก-ทำผิด คนไทยทำชั่วจะต้องถูกลงโทษ และคนไทยทำดีจะต้องไม่โดนลงโทษ และจะต้องถูกยกย่องสรรเสริญอีกต่างหาก ฯลฯ
คนไทยคนไหน-คือโจรชั่วปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์อย่างหฤโหด? คนไทยคนไหน-คือเจ้าของบ้านถูกปล้นจนต้องใช้อาวุธปกป้องตนเอง? รัฐบาลคนไทยคนไหนที่ชั่ว-โกงและขายชาติจนพลเมืองไทยดีๆ อดรนทนไม่ไหวต้องเสี่ยงชีวิตออกมาขับไล่ ทำให้ทหารจำต้องออกมาทำรัฐประหารถึง 2 ครั้ง?
ผู้มีอำนาจที่ดีต้องจำแนกแยกแยะเรื่องเหล่านี้ให้ชัดเจนที่สุด จะต้องไม่ให้ความดีกับความชั่ว “สมสู่” กัน โดยเฉพาะตำรวจ-อัยการ-ข้าราชการบางคน กับมหาโจรหรือคนชั่วเป็นพวกเดียวกัน เหมือนยุคเหลี่ยมเป็นใหญ่ในแผ่นดินไม่ได้เด็ดขาด
คนไทยมีทั้งคนที่เหมือนและไม่เหมือนกัน คนไทยชั่วๆ ที่โกงชาติและขายชาติได้ จึงไม่เหมือนกับคนไทยดีๆ ส่วนใหญ่ในชาตินะโว้ย…