xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯระบุเก็บ-ไม่เก็บ capital gain taxนักลงทุนปรับตัวได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - โบรกเกอร์ กองทุนประสานเสียง หากเก็บภาษี capital gain tax รวมถึงยกเลิกสิทธ์ทางภาษีกองทุน LTF RMF ส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นระยะสั้น เชื่อนักลงทุนปรับตัวได้ อย่างไรก็ตามขอให้ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ พิจารณานำมาใช้ในระยะเวลาที่เหมาะสม

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่าจะมีการเก็บภาษีกำไรจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ (capital gain tax) และ ยกเลิกสิทธิประโยชน์ภาษีกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ LTF และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว RMF ส่งกระทบจิตวิทยาการลงทุนกดดันความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า จนถึงปัจจุบันยังมีการนำประเด็นดังกล่าวเข้ามาหารือ หรือสำรวจความเห็นของผู้ประกอบการธุรกิจหลักทรัพย์ และวานิชธรกิจแต่อย่างใด

นายสุกิจ แสดงทรรศะส่วนตัวเกี่ยวกับกระแสข่าวดังกล่าว ว่า การพิจาณาจะนำกฎเกณฑ์ใดมาใช้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละช่วงเวลา นักลงทุนตั้งเข้าใจว่า ณ เวลาที่ผ่อนผันการจัดเก็บภาษีเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีผู้สนใจลงทุนในตลาดทุน การปรับลดภาษีถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดความสนใจเข้ามาลงทุน ดังนั้นหากช่วงเวลา และปัจจัยต่างต่างเปลี่ยนแปลงไป การพิจารณาเปลี่ยแปลงหลักเกณฑ์ให้เหมาะสมก็ถือเป็นอำนาจของผู้มีหน้าที่กำกับดูแล

“ต้องดูด้วยว่าปัจจัยประกอบการพิจารณาแต่ละช่วงเวลาเหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไร ไม่มีใครตอบได้ว่ากฎใดควรใช้เมื่อไหร่ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้พิจารณาว่าเหมาะสมที่จะนำมาใช้หรือไม่ ซึ่งถ้านำมาใช้ตอนนี้ผู้ที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบคงมีประมาณกว่า 1 ล้าน ส่วนผลกระทบที่เกิดกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็น่าจะเป็นเพียงระยะสั้น เบื้องต้นยังไม่มีรายงานเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนของนักลงทุนระหว่างกลุ่มประเทศที่เก็บภาษี กับกลุ่มประเทศที่ไม่เก็บภาษีอย่างชัดเจนจึงไม่สามารถตอบได้ว่าเหมาะสมที่จะนำมาใช้ ณ เวลานี้หรือไม่” นายสุกิจ กล่าว

ขณะที่นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทจัดการกองทุนรวมวรรณ จำกัด หรือ บลจ.วรรณ กล่าวว่า ปัจจุบันสัดส่วนนักลงทุนสถาบันในไทยมี 12 - 13% หากยกเลิกสิทธิประโยชน์ภาษีกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ LTF และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว RMF ที่จะหมดลงในปี 2559 ว่า อาจส่งผลให้เงินลงทุนส่วนนี้จะหายไปและทำให้สัดส่วนนักลงทุนสถาบันลดลงไปอีกประมาณ 2 - 3% กระทบต่อการสร้างสมดุลของนักลงทุนในตลาดเพียงระยะสั้นเท่านั้น ส่วนเงินลงทุนหลังปี 2559 คาดว่าจะหายไปประมาณ 50%

“แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบตลาดหุ้นมากนักเพราะเป็นการทยอยขายออก ในส่วนของบลจ.วรรณ เองคงรอดูแรงขายว่าสุดท้ายเหลือเงินในกองทุนมากน้อยเพียงไหน แต่ถ้าเหลือน้อยมากคงปิดกองและแนะนำนักลงทุนย้ายเงินไปลงทุนกองหุ้นปกติหรือกองทุนอื่นต่อไป” นายวิน กล่าว

เช่นเดียวกับนายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่าหากภาครัฐไม่ต่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีกองทุน LTF และ RMF ที่จะหมดลงในปี 2559 นั้น จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการสร้างสมดุลระหว่างนักลงทุนสถาบัน กับนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนนักลงทุนสถาบันในตลาดหุ้นมีไม่ถึง 10% โดยสัดส่วนนักลงทุนรายย่อยมีสูงถึงเกือบ 70% และเชื่อว่านักลงทุนสถาบันจะโยกย้ายเม็ดเงินลงทุนออกจากกองทุน LTF เข้าไปลงทุนในกองหุ้นปกติแทนส่งผลให้เม็ดเงินออมระยะยาวจะหายออกไปประมาณ 50% ปัจจุบันมีเม็ดเงินลงทุนในกองทุน LTF ประมาณ 230,000 ล้านบาท และ RMF ประมาณ 150,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามทันทีที่มีกระแสข่าว นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธาน กรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกมาแสดงทรรศนะ ว่า ไม่เห็นด้วยหากจะมีการเก็บภาษี capital gain tax เพราะขณะนี้สัดส่วนนักลงทุนกว่า 50% เป็นรายย่อย หากมีการจัดเก็บภาษีก็จะกระทบต่อนักลงทุนรายย่อย และจะมีผลต่อการส่งเสริมให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น โดยย้ำอย่างชัดเจนว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการสร้างความเชื่อมั่น รวมถึงความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้น เป็นการลงทุนของนักลงทุนหลากหลายกลุ่มไม่ใช่แค่ช่องทางลงทุนของผู้มีฐานะดีเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น