วานนี้ (19 มิ.ย.) นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ ตนนี้ได้ขอให้ผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ. และหน่วยงานในกำกับ หารือในการจัดทำร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ให้เชื่อมโยงกับนโยบายบริหารราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเบื้องต้น คสช. ได้ปรับเพิ่มวงเงินให้ศธ. 2% จากงบประมาณที่ได้รับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 จำนวน 482,788 ล้านบาท เท่ากับว่าในปีงบประมาณ 2558 ศธ. จะได้รับงบฯรวมอยู่ที่ ประมาณ 500,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การจัดทำร่างงบประมาณฯ ของ ศธ.จะให้คำนึงความสอดคล้องกับนโยบายของ คสช.และ 9 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1. การสร้างความสมานฉันท์สามัคคีแก่ประชาชน 2. การเพิ่มและการกระจายโอกาสทางการศึกษาให้แก่ประชาชนอย่างเท่าเทียม
3. การเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและการส่งเสริมการวิจัยพัฒนาประเทศ 4. การยกระดับคุณภาพการศึกษาและปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม จิตสำนึกความเป็นไทย 5. การปฏิรูปครูโดยเน้นการผลิตและพัฒนาครูที่มีคุณภาพ 6.การปฏิรูประบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ 7.การพัฒนาการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 8. การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และ 9. การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาให้ทันสมัย โดยจากนี้องค์กรหลักของศธ. จะต้องไปจัดทำร่างงบประมาณของตนเอง และต้องมาหารือร่วมกันอีกครั้ง ก่อนที่จะไปนำเสนอให้ฝ่ายสังคมจิตยา พิจารณาร่วมกับงบประมาณของอีก 7 กระทรวงในวันที่24 มิถุนายนนี้
นางสุทธศรี กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ไม่นานนี้ ศธ.ได้หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำพิมพ์เขียวหรือโรดแม็บการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งที่ประชุมร่วมกันว่า ควรจะมีการยกร่างแผนแม่บทในการปฏิรูปการศึกษาขึ้นมา เป็นแผนระยะยาว 10 ปี และจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติเป็นผู้ยกร่างแผนปฏิรูปการศึกษาดังกล่าว ดังนั้นเร็ว ๆ นี้ศธ. จะเสนอต่อ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา ให้มีการตั้งสำนักงานปฏิรูปการศึกษา และเชิญทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมในคณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าว เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องของ ศธ.เพียงหน่วยงานเดียว แต่ให้ทุกภาคส่วนในสังคมเข้ามามีส่วนร่วม โดยครั้งนี้จะเป็นการร่างพิมพ์เขียวไว้ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าน่าจะจัดตั้งได้ประมาณเดือน สิงหาคม-กันยายน นี้ พิจารณาเห็นชอบต่อไป
3. การเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและการส่งเสริมการวิจัยพัฒนาประเทศ 4. การยกระดับคุณภาพการศึกษาและปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม จิตสำนึกความเป็นไทย 5. การปฏิรูปครูโดยเน้นการผลิตและพัฒนาครูที่มีคุณภาพ 6.การปฏิรูประบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ 7.การพัฒนาการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 8. การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และ 9. การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาให้ทันสมัย โดยจากนี้องค์กรหลักของศธ. จะต้องไปจัดทำร่างงบประมาณของตนเอง และต้องมาหารือร่วมกันอีกครั้ง ก่อนที่จะไปนำเสนอให้ฝ่ายสังคมจิตยา พิจารณาร่วมกับงบประมาณของอีก 7 กระทรวงในวันที่24 มิถุนายนนี้
นางสุทธศรี กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ไม่นานนี้ ศธ.ได้หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำพิมพ์เขียวหรือโรดแม็บการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งที่ประชุมร่วมกันว่า ควรจะมีการยกร่างแผนแม่บทในการปฏิรูปการศึกษาขึ้นมา เป็นแผนระยะยาว 10 ปี และจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติเป็นผู้ยกร่างแผนปฏิรูปการศึกษาดังกล่าว ดังนั้นเร็ว ๆ นี้ศธ. จะเสนอต่อ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา ให้มีการตั้งสำนักงานปฏิรูปการศึกษา และเชิญทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมในคณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าว เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องของ ศธ.เพียงหน่วยงานเดียว แต่ให้ทุกภาคส่วนในสังคมเข้ามามีส่วนร่วม โดยครั้งนี้จะเป็นการร่างพิมพ์เขียวไว้ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าน่าจะจัดตั้งได้ประมาณเดือน สิงหาคม-กันยายน นี้ พิจารณาเห็นชอบต่อไป
