xs
xsm
sm
md
lg

ตอกฝาโลงแท็บเล็ต คสช.ชี้สิ้นเปลืองงบ หนุนสมาร์ทคลาสรูม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - คสช.มีมติยกเลิกโครงการจัดซื้อแท็บเล็ต ปี 57 หลังพิจารณาแล้วถ้านำเงินซื้อแท็บเล็ตไปพัฒนาทำโครงการอื่นเกิดประโยชน์กับเด็กมากกว่า พร้อมให้ ปลัด ศธ.ตั้งคณะทำงานเสนอโครงการอื่นมาทดแทน และให้ประสานสำนักงบฯ กรมบัญชีกลางกันงบปี 56-57 กว่า 6 พันล้านบาท ขอเปลี่ยนแปลงการใช้เงินและกันเงินแบบไม่มีหนี้

วานนี้ (16 มิ.ย.) ที่กองทัพเรือ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา ได้เชิญ นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และคณะทำงานแท็บเล็ต มาประชุมหารือเพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินโครงการ 1คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ1 นักเรียนต่อไปอย่างไร ทั้งที่ดำเนินการค้างในปีการศึกษา 2556 โซน 4 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ) และที่ ศธ. เตรียมการดำเนินการของปีงบประมาณ 2557 อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น คสช.สั่งให้ ศธ.ชะลอการดำเนินการทุกอย่างไว้และให้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปรวบรวมข้อมูลและความเห็นมาเสนอถึงข้อดีข้อเสียการใช้แท็บเล็ต รวมทั้งให้โจทย์ว่าหากไม่ซื้อแท็บเล็ตแจกจะนำเงินไปทำอะไรที่จะเกิดประโยชน์ในเรื่องของคุณภาพการศึกษา

โดย นางสุทธศรีเปิดเผยภายหลังหารือว่า จากหารือร่วมกันที่ประชุมได้วิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย ของโครงการแจกแท็บเล็ต ประกอบกับนำผลการวิจัยที่ทำดำเนินการโดยหน่วยงานที่เป็นกลาง อาทิ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) รวมไปถึงผลการติดตามการดำเนินโครงการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2555 ซึ่งเป็นปีแรกที่เริ่มดำเนินโครงการ ซึ่งทุกฝ่ายมีมติร่วมกันว่าควรจะเปลี่ยนแปลงงบประมาณของแท็บเล็ตที่เหลือทั้งหมดเพื่อนำ ไปใช้ทำโครงการอื่น ที่เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนมากกว่า

“เหตุผลที่ตัดสินใจยุติโครงการแท็บเล็ต ทั้งในส่วนของปีงบประมาณ 2556 ซึ่งเหลือการจัดซื้อในโซนที่ 4 ระดับม.1 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ) วงเงิน 1,170 ล้านบาท และการจัดซื้อแท็บเล็ต ปีงบประมาณ 2557 จำนวน 5,800 ล้านบาทของทั้ง 10 หน่วยงานนั้นยึดเรื่องผลประโยชนต่อผู้เรียนเป็นหลัก โดยหลายฝ่ายเห็นว่าถ้านำไปทำโครงการอื่น ๆ เช่น สมาร์ทคลาสรูม อี-เลิร์นนิ่ง หรือพัฒนาห้องคอมพิวเตอร์ไว้ที่โรงเรียน และให้นักเรียนหมุนเวียนมาใช้ จะเกิดประโยชน์ในวงกว้างมากกว่า ขณะเดียวกันยังไม่ต้องเสียงบประมาณจัดซื้อทุกปีเหมือนโครงการแจกแท็บเล็ต”นางสุทธศรี กล่าวและว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบให้ ศธ. ตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาโครงการที่เหมาะสมมาแทน

แหล่ง ข่าวระดับสูงจาก ศธ. เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มอบให้ ปลัด ศธ. ทำเรื่องเสนอไปยังกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายการและขอกันเงินงบประมาณแบบไม่มีหนี้ด้วย ขณะเดียวกัน ระหว่างการประชุมได้มีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง โดยมีข้อสรุปว่านักเรียนทุกคนไม่จำเป็นต้องได้รับแจกแท็บเล็ตเป็นของตนเอง เพราะใช้แท็บเล็ตเรียนเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น จึงถือว่าไม่คุ้มค่า และไม่เหมาะสมที่จะจัดซื้อให้แก่นักเรียนทุกคน ขณะเดียวกันยังเห็นว่าแท็บเล็ตไม่เหมาะที่จะนำมาใช้สอนนักเรียนตลอดเวลา ควรใช้บางชั่วโมงเท่านั้น และเด็ก ๆ ควรได้เรียนรู้จากครูผู้สอน อีกทั้งแท็บเล็ตถือเป็นครุภัณฑ์ของโรงเรียน จึงไม่เหมาะสมที่จะไปมอบให้นักเรียนเป็นของส่วนตัวได้ ซึ่งในที่ประชุมคณะกรรมการว่าด้วยพัสดุ กรมบัญชีกลาง ก็ได้ระบุว่าจะมอบแท็บเล็ตให้แก่นักเรียนไม่ได้ ที่สำคัญแท็บเล็ตมีขนาดหน้าจอที่เล็ก ทำให้นักเรียนมีปัญหาด้านสายตา นอกจากนี้ เครื่องแท็บเล็ตซื้อมาในราคถูกทำให้แท็บเล็ตที่ได้มีคุณภาพต่ำ มีอายุใช้งานที่สั้นเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้นและไม่คุ้มค่าเมื่อต้องมีการซ่อมแซม

อนึ่ง สำหรับหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัดที่ต้องซื้อแท็บเล็ตแจกนักเรียนมีทั้งสิ้น 10 หน่วยงาน ได้แก่ สพฐ. สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ,สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ,กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น, สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร, สำนักการศึกษา เมืองพัทยา ,กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน, สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ,สถาบันการพลศึกษา และสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์

**คสช.สั่งรื้อสิทธิประโยชน์รสก.

เวลา 14.20 น.วานนี้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ทีมโฆษก คสช.ฝ่ายพลเรือน แถลงภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้า คสช.เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวันและรับทราบผบลการดำเนินงานตามนโยบาย คสช.ที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.)ว่า การปรับปรุงประสิทธิภาพกรรมการรัฐวิสาหกิจ พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ทำงานคู่ขนานฝ่ายเศรษฐกิจ สคร.ทำการประเมินสถานการณ์และวิเคราะห์ประสิทธิภาพรัฐวิสาหกิจ 56 แห่ง รวบรวมผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ส่วนเกินของกรรมการบอร์ด อาทิ โบนัส เบี้ยประชุม ค่าใช้จ่ายอื่นๆ จัดทำเป็นข้อเสนอมายังหัวหน้า คสช.เพื่อพิจารณาปรับลดตามเหมาะสมของหลักเกณฑ์การใช้เงิน เช่น หากเป็นกรรมการบริษัทมหาชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ให้คำนึงถึงหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดไว้ คำนึงถึงขนาดรัฐวิสาหกิจ และบริษัทมหาชน เพราะมีขนาดใหญ่หรือเล็กไม่เท่ากัน

***คตร.ลุยตรวจ 8โครงการรัฐ

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ คณะทำงานทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ว่า คตร.ได้ติดตามการใช้งบประมาณ ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา หัวหน้าคสช. มอบหมายและแต่งตั้งหน่วยงานต่างๆเข้ามาทำงาานร่วมกัน โดยมี ปลัดบัญชีทหารบกเป็นประธานในการประชุมวางแนวทางติดตามโครงการที่มีมูลค่ามากกว่า1พันล้านบาท ทั้งนี้หน่วยงานในคตร.ประกอบด้วยหน่วยงานติดตามตรวจสอบงบประมาณทั้งสิ้น ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กรมบัญชีกลาง และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ทั้งนี้คตร.จะมีการประชุมทุกวันพุธ และคณะอนุกรรมการฯจะส่งเรื่องมาให้คตร.ชุดใหญ่พิจารณา และภาพใหญ่จะเสร็จภารกิจในช่วงเดือนกันยายน

"ซึ่งคณะกรรมการคตร.ทำหน้าที่ตรวจสอบติดตามแต่ไม่มีหน้าที่ฟ้องร้องดำเนินคดี หากโครงการใดมีการกระทำผิดมีมูลความผิดจะส่งสตง.และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ปปช.)ดำเนินการต่อ ส่วนโครงการใดวงเงินสูงเกินไปก็อาจจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับลด โครงการใดไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนอาจจะชะลอ ยกเลิกหรือให้มีการนำโครงการอื่นมาทดแทน ส่วนโครงการที่มีจุดบกพร่องก็ให้กระทรวงทบวงกรมนำไปทบทวน"ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าว

ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า วันนี้คตร.ส่งอนุกรรมการฯลงพื้นที่ ติดตามตรวจสอบ8โครงการในช่วงวันที่ 16-18มิ.ย. 1.โครงการจัดหารถรุ่นใหม่ สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน 115คัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) 2.โครงการจัดหารถจักร จำนวน 126คัน ของรฟท. 3.โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส2 (ปีพ.ศ.2554-2560) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) 4.โครงการจ้างให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า ของทอท. 5.กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ของสำนักนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน 6. โครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 8.โครงการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่3บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ8.โครงการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ของกสทช.

**คสช.ปัดบีบ"ปานปรีย์"ไขก๊อก

ด้านนายยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษก คสช.ฝ่ายพลเรือน กล่าวว่า เป็นดำริของหัวหน้า คสช.ที่ต้องการให้มีแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม เป็นธรรม โปร่งใส โดยเฉพาะเรื่องของสิทธิประโยชน์ของบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ส่วนการที่นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออกจากประธานบอร์ดการปิโตเลียมแห่งประเทศไทย(ปตท.) เป็นเรื่องที่นายปานปรีย์ตัดสินใจเอง คสช.ไมได้บีบให้ลาออกอย่างที่เป็นข่าวว่า คสช.ต้องการปรับเปลี่ยนบอร์ดรัฐวิสาหกิจที่มาจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา และที่ประชุมวันเดียวกันก็ไม่ได้มีการพิจารณาตัวบุคคลที่จะมาเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ซึ่งหัวหน้าคสช.ระบุที่ประชุมเรื่องของบอร์ดให้เป็นเรื่องที่แต่รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งจะไปพิจารณากันเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น