ประยุทธ์คืนความสุข ดูบอลโลก
**จะเรียกว่ารายการแบบนี้แหละที่เป็นการ "คืนความสุขให้คนไทย" อย่างแท้จริง เพราะเข้าไปนั่งในหัวใจคนไทยทุกระดับชั้น ตั้งแต่คนจนหาเช้ากินค่ำหรือไม่มีกินไปจนถึงคนรวยกันแบบินันร้อยชาติไม่หมด
แน่นอนำลังพูดถึงเรื่องการถ่ายทอดสดมหกรรมฟุตบอลโลก ที่เริ่มฟาดแข้งกันในวันนี้แล้ว สำหรับคอฟุตบอลขนานแท้ รวมทั้งประเภทคอฉาบฉวย ดูบ้างไม่ดูบ้าง แต่ก็ต้องดูแห่ตามกระแสกันไป เพราะในบ้านมันก็ต้องมีคนนั่งเฝ้าหน้าจออยู่แล้ว ไม่ลูก หรือพ่อ ก็ต้องมีคนบ้าบอลกันบ้างละ
ที่ผ่านมาบริษัทอาร์เอส ซึ่งไปประมูลได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลกมาจากฟีฟ่า แล้วมาจำกัดการถ่ายทอดทางฟรีทีวีได้แค่ 24 แมตซ์ จาก 64 แมตซ์ ที่เหลือหากใครอยากดูให้เต็มอิ่ม ก็ต้องเสียตังค์ซื้อกล่องกันเอาเอง โดยอ้างว่านั่นคือ สัญญาที่ทำเอาไว้กับทางฟีฟ่า จะไปฝ่าฝืนไม่ได้ แม้ว่าจะรู้กันดีว่า นี่คือธุรกิจแฝงเข้ามามหาศาล แต่จะทำอย่างไรได้ ด่ากันก็แล้ว ว่านี่คือรายการใช้ฟรีทีวีที่ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าต้องดูฟรี โดยไม่มีข้อแม้ แต่หากไม่มายุ่งกับฟรีทีวี จะหากินขายกล่อง หาโฆษณาในช่องของตัวเอง ก็คงไม่มีใครว่าอะไร อย่างไรก็ดี เมื่อมีการฟ้องศาลปกครองผ่านมาทั้งศาลปกครองกลาง จนกระทั่งถึงศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้บริษัทอาร์เอส ชนะคดีโดยอ้างว่าเป็นสัญญาที่มีมาก่อน
เอาเป็นว่าเราได้ดูการถ่ายทอดฟุตบอลโลกผ่านฟรีทีวี เพียง 24 แมตซ์ เท่านั้นตามที่บริษัทอาร์เอสกำหนดมาให้ หลังจากที่เรามี กสทช. คอยกำกับดูแลเรื่องแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ ผลก็ทำท่าจะลงเอยแบบนั้น จนกระทั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามา"กู้สถานการณ์"ได้ทันท่วงที ชนิดที่เรียกว่า "คืนความสุขให้คนไทยแบบเต็มๆ" อีกดอกใหญ่
นั่นคือสั่งให้ บริษัทอาร์เอส ไปหารือกับ กสทช.เพื่อหาทางออก หาทางให้คนไทยได้ชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกทางฟรีทีวี ครบทั้ง 64 แมตซ์ ส่วนจะทำตามที่บริษัทอาร์เอส เรียกร้องว่าต้องเยียวยาทางธุรกิจชดเชยจำนวนเท่าใดจะ 700 ล้าน หรือกี่ล้านก็ค่อยมาว่ากัน ซึ่งนาทีนี้ถือว่าคนไทยมีความสุขกันแล้ว
** ยัง ยังไม่พอ นอกจากนี้ยังใจป้ำให้คนไทยได้ชมฟรีหนังตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคยุทธหัตถี พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ เสียอีก
**ต้องบอกว่า "ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา" จริงๆ !!
หากมองในมุมการเมือง ก็ต้องบอกว่าใช่เลย เป็นแผนอันแยบยล ที่ได้ผลทางจิตวิทยาตามมาหลายเด้ง เพราะอย่างที่บอกไว้แล้วว่า กีฬาฟุตบอลนี่คนไทยคลั่งใคล้กันทุกบ้าน ยิ่งมหกรรมฟุตบอลโลก ยิ่งไม่ต้องพูดถึง การที่ คสช. เข้ามากู้สถานการณ์แบบถูกจังหวะเวลาพอดี มันก็ย่อมได้ใจคนไทยไปเต็มๆ เป็นการสร้างความสุขให้คนไทยที่นานแล้วไม่ได้รู้สึกแบบนี้ และนาทีนี้เชื่อว่ามีแต่ คสช. เท่านั้นที่ทำได้ แม้ว่าจะออกไปในทางบังคับกลายๆ กันบ้าง แต่เมื่อทำเพื่อความรู้สึกเป็นสุขของคนส่วนใหญ่มันก็โอเค
ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่า มหกรรมกีฬาดังกล่าวจะมีต่อเนื่องไปราวสองสัปดาห์ มันก็ย่อมทำให้เกิดกระแสฟีเวอร์เหมือนกับการ"หยุดโลก" หลายคนจดจ่ออยู่กับเรื่องนี้ แน่นอนว่าเรื่องอื่นจะไม่มีใครค่อยพูดถึง โดยเฉพาะพวกที่ยอมตายเพื่อรักษาประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งของเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ที่พยายามออกมาอยู่เรื่อยๆ จากเดิมที่ฝ่ออยู่แล้ว เจอฟุตบอลโลกเข้าไป ก็ยิ่งเฉาลงไปอีก อย่างน้อยก็เงียบไปได้หลายวัน
ดังนั้นการให้ถ่ายทอดฟุตบอลโลกทางฟรีทีวีครบทุกนัด และการเปิดโอกาสให้คนไทยได้ชมภาพยนต์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ของ คสช. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คราวนี้ต้องบอกว่าซื้อใจคนไทยได้อีกดอกใหญ่ จะเรียกว่า "ประชานิยมสีเขียว" ก็น่าจะได้ แต่จะแตกต่างกันในเรื่องผลที่ตามมา
นั่นคือไม่มีความเสียหายตามมา มีแต่ความสุข แถมยังได้เรื่องของความรู้สึกชาตินิยมเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น รู้สึกรักสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้น เมื่อได้ชมภาพยนต์ดังกล่าว
**ที่บอกว่าเป็นดอกสอง เพราะดอกแรก ที่ได้ใจชาวนาทั่วประเทศจากการจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวที่ค้างเอาไว้ในสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กว่าเก้าหมื่นล้านบาท คราวนั้นแม้ว่าทำให้ชาวนามีความสุข แต่นั่นก็เป็นแวดวงเฉพาะกลุ่มอาชีพ แต่ดอกหลังนี่ ครอบคลุมทั่วประเทศ ก็ต้องบอกว่า ไม่ธรรมดา !!
**จะเรียกว่ารายการแบบนี้แหละที่เป็นการ "คืนความสุขให้คนไทย" อย่างแท้จริง เพราะเข้าไปนั่งในหัวใจคนไทยทุกระดับชั้น ตั้งแต่คนจนหาเช้ากินค่ำหรือไม่มีกินไปจนถึงคนรวยกันแบบินันร้อยชาติไม่หมด
แน่นอนำลังพูดถึงเรื่องการถ่ายทอดสดมหกรรมฟุตบอลโลก ที่เริ่มฟาดแข้งกันในวันนี้แล้ว สำหรับคอฟุตบอลขนานแท้ รวมทั้งประเภทคอฉาบฉวย ดูบ้างไม่ดูบ้าง แต่ก็ต้องดูแห่ตามกระแสกันไป เพราะในบ้านมันก็ต้องมีคนนั่งเฝ้าหน้าจออยู่แล้ว ไม่ลูก หรือพ่อ ก็ต้องมีคนบ้าบอลกันบ้างละ
ที่ผ่านมาบริษัทอาร์เอส ซึ่งไปประมูลได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลกมาจากฟีฟ่า แล้วมาจำกัดการถ่ายทอดทางฟรีทีวีได้แค่ 24 แมตซ์ จาก 64 แมตซ์ ที่เหลือหากใครอยากดูให้เต็มอิ่ม ก็ต้องเสียตังค์ซื้อกล่องกันเอาเอง โดยอ้างว่านั่นคือ สัญญาที่ทำเอาไว้กับทางฟีฟ่า จะไปฝ่าฝืนไม่ได้ แม้ว่าจะรู้กันดีว่า นี่คือธุรกิจแฝงเข้ามามหาศาล แต่จะทำอย่างไรได้ ด่ากันก็แล้ว ว่านี่คือรายการใช้ฟรีทีวีที่ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าต้องดูฟรี โดยไม่มีข้อแม้ แต่หากไม่มายุ่งกับฟรีทีวี จะหากินขายกล่อง หาโฆษณาในช่องของตัวเอง ก็คงไม่มีใครว่าอะไร อย่างไรก็ดี เมื่อมีการฟ้องศาลปกครองผ่านมาทั้งศาลปกครองกลาง จนกระทั่งถึงศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้บริษัทอาร์เอส ชนะคดีโดยอ้างว่าเป็นสัญญาที่มีมาก่อน
เอาเป็นว่าเราได้ดูการถ่ายทอดฟุตบอลโลกผ่านฟรีทีวี เพียง 24 แมตซ์ เท่านั้นตามที่บริษัทอาร์เอสกำหนดมาให้ หลังจากที่เรามี กสทช. คอยกำกับดูแลเรื่องแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ ผลก็ทำท่าจะลงเอยแบบนั้น จนกระทั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามา"กู้สถานการณ์"ได้ทันท่วงที ชนิดที่เรียกว่า "คืนความสุขให้คนไทยแบบเต็มๆ" อีกดอกใหญ่
นั่นคือสั่งให้ บริษัทอาร์เอส ไปหารือกับ กสทช.เพื่อหาทางออก หาทางให้คนไทยได้ชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกทางฟรีทีวี ครบทั้ง 64 แมตซ์ ส่วนจะทำตามที่บริษัทอาร์เอส เรียกร้องว่าต้องเยียวยาทางธุรกิจชดเชยจำนวนเท่าใดจะ 700 ล้าน หรือกี่ล้านก็ค่อยมาว่ากัน ซึ่งนาทีนี้ถือว่าคนไทยมีความสุขกันแล้ว
** ยัง ยังไม่พอ นอกจากนี้ยังใจป้ำให้คนไทยได้ชมฟรีหนังตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคยุทธหัตถี พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ เสียอีก
**ต้องบอกว่า "ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา" จริงๆ !!
หากมองในมุมการเมือง ก็ต้องบอกว่าใช่เลย เป็นแผนอันแยบยล ที่ได้ผลทางจิตวิทยาตามมาหลายเด้ง เพราะอย่างที่บอกไว้แล้วว่า กีฬาฟุตบอลนี่คนไทยคลั่งใคล้กันทุกบ้าน ยิ่งมหกรรมฟุตบอลโลก ยิ่งไม่ต้องพูดถึง การที่ คสช. เข้ามากู้สถานการณ์แบบถูกจังหวะเวลาพอดี มันก็ย่อมได้ใจคนไทยไปเต็มๆ เป็นการสร้างความสุขให้คนไทยที่นานแล้วไม่ได้รู้สึกแบบนี้ และนาทีนี้เชื่อว่ามีแต่ คสช. เท่านั้นที่ทำได้ แม้ว่าจะออกไปในทางบังคับกลายๆ กันบ้าง แต่เมื่อทำเพื่อความรู้สึกเป็นสุขของคนส่วนใหญ่มันก็โอเค
ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่า มหกรรมกีฬาดังกล่าวจะมีต่อเนื่องไปราวสองสัปดาห์ มันก็ย่อมทำให้เกิดกระแสฟีเวอร์เหมือนกับการ"หยุดโลก" หลายคนจดจ่ออยู่กับเรื่องนี้ แน่นอนว่าเรื่องอื่นจะไม่มีใครค่อยพูดถึง โดยเฉพาะพวกที่ยอมตายเพื่อรักษาประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งของเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ที่พยายามออกมาอยู่เรื่อยๆ จากเดิมที่ฝ่ออยู่แล้ว เจอฟุตบอลโลกเข้าไป ก็ยิ่งเฉาลงไปอีก อย่างน้อยก็เงียบไปได้หลายวัน
ดังนั้นการให้ถ่ายทอดฟุตบอลโลกทางฟรีทีวีครบทุกนัด และการเปิดโอกาสให้คนไทยได้ชมภาพยนต์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ของ คสช. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คราวนี้ต้องบอกว่าซื้อใจคนไทยได้อีกดอกใหญ่ จะเรียกว่า "ประชานิยมสีเขียว" ก็น่าจะได้ แต่จะแตกต่างกันในเรื่องผลที่ตามมา
นั่นคือไม่มีความเสียหายตามมา มีแต่ความสุข แถมยังได้เรื่องของความรู้สึกชาตินิยมเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น รู้สึกรักสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้น เมื่อได้ชมภาพยนต์ดังกล่าว
**ที่บอกว่าเป็นดอกสอง เพราะดอกแรก ที่ได้ใจชาวนาทั่วประเทศจากการจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวที่ค้างเอาไว้ในสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กว่าเก้าหมื่นล้านบาท คราวนั้นแม้ว่าทำให้ชาวนามีความสุข แต่นั่นก็เป็นแวดวงเฉพาะกลุ่มอาชีพ แต่ดอกหลังนี่ ครอบคลุมทั่วประเทศ ก็ต้องบอกว่า ไม่ธรรมดา !!
