กสทช.ยอมควัก 427 ล้านบาท จ่ายอาร์เอส แลกกับคนไทยได้ดูฟุตบอลโลก 2014 ทั้ง 64 นัดผ่านฟรีทีวีช่อง 5, 7 และ 8 ย้ำไม่เกี่ยวกับ คสช.แต่อย่างใด แนะผู้ซื้อกล่องเคลียร์เงินชดเชยกับอาร์เอสเอง ด้านผู้บริโภคเสนอให้ใช้เงินค่าโฆษณาจ่ายสมทบค่าลิขสิทธิ์ พร้อมขอเอาร์เอสคืนเงินค่ากล่องให้กับผู้บริโภค ขณะที่ ไอซีที เผยสั่งปิดเว็บไซต์ทายผลฟุตบอลแล้ว 100 แห่ง จากทั้งหมด 300 แห่ง
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดกสทช. วานนี้ (12 มิ.ย.) มีมติเห็นชอบให้มีการนำเงินของกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.)ไปสนับสนุนการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 ทั้ง 64 นัด ผ่านฟรีทีวี ภายใต้กรอบวงเงินไม่เกิน 427.015 ล้านบาท เพื่อนำไปจ่ายให้ บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นค่าชดเชยค่าเสียโอกาสในการนำการถ่ายทอดฟุตบอลโลกมาเผยแพร่เป็นการทั่วไปบนฟรีทีวีทุกแพลทฟอร์ม
ทั้งนี้ เงินจำนวนดังกล่าวเป็นการคิดคำนวนมาจากค่าเสียโอกาสของอาร์เอส ประกอบด้วย ค่าเสียโอกาสในการจำหน่ายกล่องบอลโลก ค่าลิขสิทธิ์ทรูวิชั่น และรายได้ของตัวแทนจำหน่าย ที่อาร์เอสประเมินค่าเสียโอกาสไว้ 766.515 ล้านบาท แต่ กสทช.ประเมินว่าราคาดังกล่าวสูงเกินจริง จึงเห็นชอบกรอบวงเงินที่ 427.015 ล้านบาท
'ล่าสุดอาร์เอสยอมรับกับค่าชดเชยในจำนวนดังกล่าวแล้ว และทางผู้แทนอาร์เอส ได้แจ้งว่ายินดีที่จะถ่ายทอดสดผ่านทางฟรีทีวีให้ครบทั้ง 64 คู่ โดยจะนำไปออกทางช่อง 5 ช่อง 7 และทางทีวีดิจิตอลช่อง 8 ของอาร์เอส ซึ่งได้ขออนุญาตฟีฟ่าแล้ว แต่กำลังจะยื่นขออนุญาตให้ออกอากาศทางช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ด้วยเช่นเดียวกัน'
สำหรับเงินชดเชยที่กสทช.อนุมัติในครั้งนี้เป็นเงินจากกองทุนกทปส.ในส่วนที่โอนมาจากกองทุน กทช. เดิม และค่าปรับทางปกครอง โดยไม่เกี่ยวกับเงินที่ได้จากการประมูลทีวีดิจิตอล และเงินค่า USO จากฝั่งโทรคมนาคมแต่อย่างใด ดังนั้นการนำเงินจำนวนดังกล่าวมาใช้จึงไม่กระทบต่อการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ทีวีดิจิตอลด้วยการแจกคูปองมูลค่า 1,000 บาทแต่อย่างใด
นอกจากนี้ กสทช.มั่นใจว่าการนำเงินจากกองทุนกทปส.มาใช้ในเรื่องดังกล่าวกสทช.ได้ พิจารณาอย่างรอบครอบแล้วในแง่ของข้อกฏหมายได้แก่ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 และพ.ร.บ. ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 รวมไปถึงยังสอดคล้องกับคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดำที่ อ.413/2557 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.215/2557 ด้วย
'การอนุมัติเงินกองทุนกทปส.เพื่อให้คนไทยได้ดูฟุตบอลโลก 2014 ทั้ง 64 นัดผ่านฟรีทีวีในครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)แต่อย่างใด เนื่องจากตรงกับวัตถุประสงค์ของกองทุนกทปส.'
ส่วนกรณีผู้บริโภคที่ซื้อกล่องบอลโลกของบริษัทอาร์เอสไปแล้วนั้นทางกสทช.ระบุว่า เป็นเรื่องที่ผู้บริโภคต้องไปเจรจากับทางอาร์เอส เองเนื่องจากหากกสทช.เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องดังกล่าวคงจะไม่จบอย่างแน่นอน
สำหรับบรรยากาศในที่ประชุม กสทช. วันนี้มีผู้เข้าประชุม 8 คน ลงมติ 6 ต่อ 1 เห็นชอบให้นำเงินจากกองทุน กทปส.ไปใช้ โดยกรรมการ กสทช. ที่ลงมติเห็นด้วย ได้แก่ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานบอร์ด กสทช. พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ นายสุทธิพล ทวีชัยการ นายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร มีนางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ลงมติไม่เห็นด้วย ส่วนนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ไม่ขอลงมติ เช่นเดียวกับ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. ขอออกจากที่ประชุม เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้เสียในเรื่องดังกล่าว ขณะที่นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ และพ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า ไม่เข้าร่วมประชุม
*** แนะอาร์เอสคืนเงินค่ากล่องให้ลูกค้า
นางสาวสารี อ่องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า การใช้เงินกองทุน กทสป. จ่ายชดเชยค่าเสียโอกาสให้อาร์เอส มีคนคัดค้านกันมากว่า สมควรที่จะใช้เงินกองทุนฯ ในการจ่ายตอบแทนค่าลิขสิทธิ์ให้ RS หรือไม่ และต้องพิจารณาเงินกองทุนฯสามารถใช้เพื่อจ่ายสมทบค่าลิขสิทธิ์ในครั้งนี้ได้หรือไม่ และหากบังคับให้ถ่ายทอดทั้งหมดในช่อง 5 และ 7 จะเกิดปัญหากับผู้บริโภคที่ซื้อกล่อง RS ไป ว่า จะขอเงินคืนได้จากใครเพราะถึงไม่มีกล่องก็สามารถดูได้อยู่แล้ว
พร้อมได้แนะนำข้อเสนอทางออกเรื่องนี้ที่พอจะเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในสายตาผู้บริโภค
1. ใช้งบโฆษณาที่ได้รับจากทั้งช่อง 5 และช่อง 7 จ่ายสมทบค่าลิขสิทธิให้กับ RS เพราะการถ่ายทอดสดที่เกิดขึ้น ย่อม มีผลประโยชน์เกิดขึ้น สัดส่วนของผลประโยชน์จะจัดสรรสมทบให้กับRS อย่างไร โดยไม่ต้องใช้เงินกองทุน ฯ
2.RS รับผิดชอบคืนเงินค่ากล่องให้กับผู้บริโภคที่ต้องการเอาเงินคืน
3. การหามาตรการป้องกันการทำสัญญาที่เกินเลยกฎหมายภายในประเทศ หรือ การจัดซื้อลิขสิทธิ์ร่วมกัน เหมือนอย่างที่เคยดำเนินการ
4. การปรับแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิให้เกิดสมดุล ระหว่างการคุ้มครองเจ้าของสิทธิและการคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาทั้งของไทยและต่างประเทศในปัจจุบัน ต่างกำหนดข้อยึดหยุ่นเพื่อไม่ให้การคุ้มครองสิทธิมาลุกล้ำสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารการศึกษาและประโยชน์ของสาธารณะ
5. พึงระวังในการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไม่ว่ากับทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา และ TPP ที่ต้องไม่เกินเลย WTO โดยเฉพาะ ไม่ให้การคุ้มครองความตกลงใหม่ ACTA (Anti Counterfeit Trade Agreement) เพราะละเมิดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารความรู้ของประชาชนผู้บริโภค
โดย วัตถุประสงค์ของกองทุนวิจัยและพัฒนาฯ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ประกอบด้วย
1. ดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม อย่างทั่วถึง ตลอดจนส่งเสริมชุมชนและสนับสนุนผู้ประกอบกิจการบริการชุมชน ตามมาตรา 51
2. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรสื่อสาร การวิจัยและพัฒนาด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม รวมทั้งความสามารถในการรู้เท่าทันสื่อเทคโนโลยีด้านการใช้คลื่นความถี่ เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
3. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลาการด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนการดำเนินการขององค์กรซึ่งทำหน้าที่จัดทำมาตรฐานทางจริยธรรมของการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
4. สนับสนุน ส่งเสริม และคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม
5. สนับสนุนการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยจัดสรรเงินให้แก่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
*** ไอซีทีสั่งปิด 100 เว็บพนันบอลแล้ว
วานนี้(12 มิ.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ที่ปรึกษากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เข้าพบพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปราบปรามการเล่นพนันฟุตบอล เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่เข้าข่ายการรับทายผลพนันฟุตบอลโลก 2014
โดย พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่ามีเว็บไซต์ที่เข้าข่ายรับพนันฟุตบอลประมาณ 300 เว็บไซต์ ซึ่งกระทรวงไอซีทีได้สั่งปิดไปแล้วประมาณ 100 เว็บไซต์ และบางส่วนเริ่มปิดตัวเองลงแล้วประมาณ 100 เว็บไซต์ แต่ยังคงเหลือเว็บไซต์อยู่ประมาณ 5-6 เว็บ ที่มีเซอร์เวอร์อยู่ในต่างประเทศ ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย และกัมพูชา ซึ่งกระทรวงได้มีการป้องกันโดยการปิดเกทเวย์ หรือ ทางเชื่อมต่อของเว็บที่เข้าออกประเทศในประเทศไทย ซึ่งสามารถตรวจสอบเซอร์เวอร์ได้ว่าอยู่ที่ใด และจะดำเนินการปิดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการพนันฟุตบอล แต่หากพบว่ายังมีการลักลอบเปิดให้บริการอีกครั้ง ก็อาจมีความจำเป็นที่จะต้องปิดเซอร์เวอร์แม่ข่าย แต่อาจส่งผลกระทบกับเว็บไซต์อื่นที่ใช้เซอร์เวอร์เดียวกัน
ทั้งนี้ ได้เตือนผู้ที่เปิดบัญชีผ่านธนาคารเพื่อให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีผ่านทางอินเตอร์เน็ต กระทรวงไอซีทีได้ประสานให้ธนาคารส่งข้อมูลให้อยู่เป็นระยะ ซึ่งส่วนใหญ่ที่พบว่าจะเป็นตัวแทนที่มารับจ้างเปิดบัญชีแทนเท่านั้น
พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการพนันทายผลฟุตบอล เปิดเผยถึงมาตรการป้องกันการเล่นพนันฟุตบอลว่า ตนได้กำชับสั่งการให้ตำรวจเร่งประสานทำความเข้าใจกับสถานศึกษาแต่ละแห่งเนื่องจากมีข้อมูลพบว่ากลุ่มวัยรุ่นเยาวชนมีอัตราการเล่นพนันสูงขึ้น ขณะที่แนวทางการป้องกันปราบปรามพบมี เครือข่ายโต๊ะพนันบอลรายใหญ่ทั่วประเทศประมาณ 40-50 ราย โดยรายใหญ่จริงๆ มีประมาณ 5-10 ราย เจ้าหน้าที่มีข้อมูลและกำลังจับตาการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้
ส่วนเว็บไซต์ที่เข้าข่ายเปิดรับทายผลฟุตบอลนั้น พบว่ามีการเปิดในประเทศร้อยละ 20 และในต่างประเทศร้อยละ 8 โดยมีฐานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ในวันนี้จะมีการประชุมหารือร่วมกับ พล.ต.ต.พิสิฐษ์ เปาอินทร์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที เพื่อหามาตรการสกัดกั้นและปิดเว็บไซต์ดังกล่าว ส่วนพื้นที่เป้าหมายและมีอัตราการเล่นการพนันสูงยังคงอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตลอดจนหัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง สงขลา นครราชสีมา และสงขลา เป็นต้น
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะบูรณการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่มีเบาะแสเกี่ยวกับการพนันฟุตบอล สามารถโทร.แจ้งที่หมายเลขด่วน 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดกสทช. วานนี้ (12 มิ.ย.) มีมติเห็นชอบให้มีการนำเงินของกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.)ไปสนับสนุนการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 ทั้ง 64 นัด ผ่านฟรีทีวี ภายใต้กรอบวงเงินไม่เกิน 427.015 ล้านบาท เพื่อนำไปจ่ายให้ บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นค่าชดเชยค่าเสียโอกาสในการนำการถ่ายทอดฟุตบอลโลกมาเผยแพร่เป็นการทั่วไปบนฟรีทีวีทุกแพลทฟอร์ม
ทั้งนี้ เงินจำนวนดังกล่าวเป็นการคิดคำนวนมาจากค่าเสียโอกาสของอาร์เอส ประกอบด้วย ค่าเสียโอกาสในการจำหน่ายกล่องบอลโลก ค่าลิขสิทธิ์ทรูวิชั่น และรายได้ของตัวแทนจำหน่าย ที่อาร์เอสประเมินค่าเสียโอกาสไว้ 766.515 ล้านบาท แต่ กสทช.ประเมินว่าราคาดังกล่าวสูงเกินจริง จึงเห็นชอบกรอบวงเงินที่ 427.015 ล้านบาท
'ล่าสุดอาร์เอสยอมรับกับค่าชดเชยในจำนวนดังกล่าวแล้ว และทางผู้แทนอาร์เอส ได้แจ้งว่ายินดีที่จะถ่ายทอดสดผ่านทางฟรีทีวีให้ครบทั้ง 64 คู่ โดยจะนำไปออกทางช่อง 5 ช่อง 7 และทางทีวีดิจิตอลช่อง 8 ของอาร์เอส ซึ่งได้ขออนุญาตฟีฟ่าแล้ว แต่กำลังจะยื่นขออนุญาตให้ออกอากาศทางช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ด้วยเช่นเดียวกัน'
สำหรับเงินชดเชยที่กสทช.อนุมัติในครั้งนี้เป็นเงินจากกองทุนกทปส.ในส่วนที่โอนมาจากกองทุน กทช. เดิม และค่าปรับทางปกครอง โดยไม่เกี่ยวกับเงินที่ได้จากการประมูลทีวีดิจิตอล และเงินค่า USO จากฝั่งโทรคมนาคมแต่อย่างใด ดังนั้นการนำเงินจำนวนดังกล่าวมาใช้จึงไม่กระทบต่อการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ทีวีดิจิตอลด้วยการแจกคูปองมูลค่า 1,000 บาทแต่อย่างใด
นอกจากนี้ กสทช.มั่นใจว่าการนำเงินจากกองทุนกทปส.มาใช้ในเรื่องดังกล่าวกสทช.ได้ พิจารณาอย่างรอบครอบแล้วในแง่ของข้อกฏหมายได้แก่ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 และพ.ร.บ. ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 รวมไปถึงยังสอดคล้องกับคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดำที่ อ.413/2557 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.215/2557 ด้วย
'การอนุมัติเงินกองทุนกทปส.เพื่อให้คนไทยได้ดูฟุตบอลโลก 2014 ทั้ง 64 นัดผ่านฟรีทีวีในครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)แต่อย่างใด เนื่องจากตรงกับวัตถุประสงค์ของกองทุนกทปส.'
ส่วนกรณีผู้บริโภคที่ซื้อกล่องบอลโลกของบริษัทอาร์เอสไปแล้วนั้นทางกสทช.ระบุว่า เป็นเรื่องที่ผู้บริโภคต้องไปเจรจากับทางอาร์เอส เองเนื่องจากหากกสทช.เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องดังกล่าวคงจะไม่จบอย่างแน่นอน
สำหรับบรรยากาศในที่ประชุม กสทช. วันนี้มีผู้เข้าประชุม 8 คน ลงมติ 6 ต่อ 1 เห็นชอบให้นำเงินจากกองทุน กทปส.ไปใช้ โดยกรรมการ กสทช. ที่ลงมติเห็นด้วย ได้แก่ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานบอร์ด กสทช. พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ นายสุทธิพล ทวีชัยการ นายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร มีนางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ลงมติไม่เห็นด้วย ส่วนนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ไม่ขอลงมติ เช่นเดียวกับ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. ขอออกจากที่ประชุม เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้เสียในเรื่องดังกล่าว ขณะที่นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ และพ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า ไม่เข้าร่วมประชุม
*** แนะอาร์เอสคืนเงินค่ากล่องให้ลูกค้า
นางสาวสารี อ่องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า การใช้เงินกองทุน กทสป. จ่ายชดเชยค่าเสียโอกาสให้อาร์เอส มีคนคัดค้านกันมากว่า สมควรที่จะใช้เงินกองทุนฯ ในการจ่ายตอบแทนค่าลิขสิทธิ์ให้ RS หรือไม่ และต้องพิจารณาเงินกองทุนฯสามารถใช้เพื่อจ่ายสมทบค่าลิขสิทธิ์ในครั้งนี้ได้หรือไม่ และหากบังคับให้ถ่ายทอดทั้งหมดในช่อง 5 และ 7 จะเกิดปัญหากับผู้บริโภคที่ซื้อกล่อง RS ไป ว่า จะขอเงินคืนได้จากใครเพราะถึงไม่มีกล่องก็สามารถดูได้อยู่แล้ว
พร้อมได้แนะนำข้อเสนอทางออกเรื่องนี้ที่พอจะเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในสายตาผู้บริโภค
1. ใช้งบโฆษณาที่ได้รับจากทั้งช่อง 5 และช่อง 7 จ่ายสมทบค่าลิขสิทธิให้กับ RS เพราะการถ่ายทอดสดที่เกิดขึ้น ย่อม มีผลประโยชน์เกิดขึ้น สัดส่วนของผลประโยชน์จะจัดสรรสมทบให้กับRS อย่างไร โดยไม่ต้องใช้เงินกองทุน ฯ
2.RS รับผิดชอบคืนเงินค่ากล่องให้กับผู้บริโภคที่ต้องการเอาเงินคืน
3. การหามาตรการป้องกันการทำสัญญาที่เกินเลยกฎหมายภายในประเทศ หรือ การจัดซื้อลิขสิทธิ์ร่วมกัน เหมือนอย่างที่เคยดำเนินการ
4. การปรับแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิให้เกิดสมดุล ระหว่างการคุ้มครองเจ้าของสิทธิและการคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาทั้งของไทยและต่างประเทศในปัจจุบัน ต่างกำหนดข้อยึดหยุ่นเพื่อไม่ให้การคุ้มครองสิทธิมาลุกล้ำสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารการศึกษาและประโยชน์ของสาธารณะ
5. พึงระวังในการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไม่ว่ากับทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา และ TPP ที่ต้องไม่เกินเลย WTO โดยเฉพาะ ไม่ให้การคุ้มครองความตกลงใหม่ ACTA (Anti Counterfeit Trade Agreement) เพราะละเมิดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารความรู้ของประชาชนผู้บริโภค
โดย วัตถุประสงค์ของกองทุนวิจัยและพัฒนาฯ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ประกอบด้วย
1. ดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม อย่างทั่วถึง ตลอดจนส่งเสริมชุมชนและสนับสนุนผู้ประกอบกิจการบริการชุมชน ตามมาตรา 51
2. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรสื่อสาร การวิจัยและพัฒนาด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม รวมทั้งความสามารถในการรู้เท่าทันสื่อเทคโนโลยีด้านการใช้คลื่นความถี่ เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
3. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลาการด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนการดำเนินการขององค์กรซึ่งทำหน้าที่จัดทำมาตรฐานทางจริยธรรมของการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
4. สนับสนุน ส่งเสริม และคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม
5. สนับสนุนการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยจัดสรรเงินให้แก่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
*** ไอซีทีสั่งปิด 100 เว็บพนันบอลแล้ว
วานนี้(12 มิ.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ที่ปรึกษากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เข้าพบพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปราบปรามการเล่นพนันฟุตบอล เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่เข้าข่ายการรับทายผลพนันฟุตบอลโลก 2014
โดย พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่ามีเว็บไซต์ที่เข้าข่ายรับพนันฟุตบอลประมาณ 300 เว็บไซต์ ซึ่งกระทรวงไอซีทีได้สั่งปิดไปแล้วประมาณ 100 เว็บไซต์ และบางส่วนเริ่มปิดตัวเองลงแล้วประมาณ 100 เว็บไซต์ แต่ยังคงเหลือเว็บไซต์อยู่ประมาณ 5-6 เว็บ ที่มีเซอร์เวอร์อยู่ในต่างประเทศ ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย และกัมพูชา ซึ่งกระทรวงได้มีการป้องกันโดยการปิดเกทเวย์ หรือ ทางเชื่อมต่อของเว็บที่เข้าออกประเทศในประเทศไทย ซึ่งสามารถตรวจสอบเซอร์เวอร์ได้ว่าอยู่ที่ใด และจะดำเนินการปิดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการพนันฟุตบอล แต่หากพบว่ายังมีการลักลอบเปิดให้บริการอีกครั้ง ก็อาจมีความจำเป็นที่จะต้องปิดเซอร์เวอร์แม่ข่าย แต่อาจส่งผลกระทบกับเว็บไซต์อื่นที่ใช้เซอร์เวอร์เดียวกัน
ทั้งนี้ ได้เตือนผู้ที่เปิดบัญชีผ่านธนาคารเพื่อให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีผ่านทางอินเตอร์เน็ต กระทรวงไอซีทีได้ประสานให้ธนาคารส่งข้อมูลให้อยู่เป็นระยะ ซึ่งส่วนใหญ่ที่พบว่าจะเป็นตัวแทนที่มารับจ้างเปิดบัญชีแทนเท่านั้น
พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการพนันทายผลฟุตบอล เปิดเผยถึงมาตรการป้องกันการเล่นพนันฟุตบอลว่า ตนได้กำชับสั่งการให้ตำรวจเร่งประสานทำความเข้าใจกับสถานศึกษาแต่ละแห่งเนื่องจากมีข้อมูลพบว่ากลุ่มวัยรุ่นเยาวชนมีอัตราการเล่นพนันสูงขึ้น ขณะที่แนวทางการป้องกันปราบปรามพบมี เครือข่ายโต๊ะพนันบอลรายใหญ่ทั่วประเทศประมาณ 40-50 ราย โดยรายใหญ่จริงๆ มีประมาณ 5-10 ราย เจ้าหน้าที่มีข้อมูลและกำลังจับตาการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้
ส่วนเว็บไซต์ที่เข้าข่ายเปิดรับทายผลฟุตบอลนั้น พบว่ามีการเปิดในประเทศร้อยละ 20 และในต่างประเทศร้อยละ 8 โดยมีฐานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ในวันนี้จะมีการประชุมหารือร่วมกับ พล.ต.ต.พิสิฐษ์ เปาอินทร์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที เพื่อหามาตรการสกัดกั้นและปิดเว็บไซต์ดังกล่าว ส่วนพื้นที่เป้าหมายและมีอัตราการเล่นการพนันสูงยังคงอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตลอดจนหัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง สงขลา นครราชสีมา และสงขลา เป็นต้น
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะบูรณการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่มีเบาะแสเกี่ยวกับการพนันฟุตบอล สามารถโทร.แจ้งที่หมายเลขด่วน 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง
