xs
xsm
sm
md
lg

ศาลไม่รับ"ฉลาด"ฟ้องคสช.กบฏ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (10มิ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.ฉลาด วรฉัตร นักเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยการอดอาหาร เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต ผบ.ตร. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ นายธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม กับพวก รวม 27 คน เป็นจำเลยที่ 1-27 ในความผิดฐานกบฏ เป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิด และดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 113, 83 และ 86
ทั้งนี้ โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 20 พ.ค.57 ถึงวันฟ้องต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-6 ร่วมกันประกาศกฎอัยการศึก และประกาศปฏิวัติโดยมิชอบ ตั้งตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์มีอำนาจสูงสุด โดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ ทรงใช้อำนาจทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ แต่จำเลยที่1-6 กลับจัดตั้งรัฐบาลรักษาการ ใช้กำลังทหารติดอาวุธสงครามประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่า จะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อล้มล้างเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญฯปี 2550 ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ รัฐสภา ที่มาจากการเลือกตั้ง ล้มล้างอำนาจบริหาร รัฐบาลรักษาการ ของ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ การกระทำของจำเลยที่1-6 จึงเป็นความผิดฐานเป็นกบฏ ใช้อำนาจข่มขู่กำลังทหาร ให้นำอาวุธสงครามที่มีไว้ป้องกันราชอาณาจักรออกมาข่มขู่ชาวไทย นำไปใช้ในการมิชอบ เป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ล้มร่างรัฐธรรมนูญ ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง จึงเป็นการหมิ่นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ การกระทำของจำเลยที่ 1-6 เพื่อให้ตนได้ และพวกพ้องได้มาซึ่งอำนาจรัฐ โดยจำเลยที่ 7-27 ให้การสนับสนุนจำเลยที่ 1-6 ในการกระทำผิดที่ร้ายแรง ด้วยการรับรองการประกาศกฎอัยการศึก และการปฏิวัติยึดอำนาจของปวงชนชาวไทย
การกระทำของจำเลยที่ 1-6 ทำให้อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ตกอยู่ภายใต้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ยังแทรกแซงองค์การภาครัฐและเอกชน ทำการตัดสัญญาณโทรทัศน์ เรียกประชาชนไปรายงานตัว กำจัดเสรีภาพของโจทก์ ตลอดจนห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน นำกำลังทหารไปตรึงจุดต่างๆ ทั่วประเทศ โยกย้ายข้าราชการ เอื้อประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ เป็นการได้อำนาจที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2550 ทำให้ประเทศไทย ประชาชน และโจทก์ ได้รับความเสียหาย ถูกจำกัดสิทธิปราศจากการใช้อำนาจอธิปไตย ประเทศขาดความน่าเชื่อถือจากนานาอารยประเทศ เป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ และพระมหากษัตริย์ เหตุเกิดที่แขวง และเขตดุสิต กทม. และทั่วราชอาณาจักร
เบื้องต้นศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ ที่ อ.1591/2557 เพื่อจะพิจารณาว่า คดีควรจะไต่สวนมูลฟ้อง หรือควรให้ยกฟ้อง
ต่อมาศาลพิเคราะห์คำฟ้องแล้ว เห็นว่า โจทก์บรรยายถึงเหตุฟ้องว่า เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 27 พ.ค.57 จนถึงวันฟ้องต่อเนื่องกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การเริ่มต้นแห่งการกระทำความผิดนั้นได้เกิดขึ้นก่อน ที่คสช.จะเข้ามาควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม แม้มีการกระทำความต่อเนื่องกันมา หลังจากนั้น ก็ไม่ทำให้คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม ดังนั้นศาลอาญา จึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้
แต่เมื่อพิจารณาลักษณะความผิดตามฟ้องแล้ว เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ถือได้ว่าเป็นความผิดต่อรัฐโดยตรง ซึ่งรัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหายที่มีอำนาจดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด แม้โจทก์จะอ้างว่า ได้รับความเสียหายในการใช้ชีวิตอย่างปกติสุขเรื่องสิทธิและเสรีภาพ แต่โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องในคดีนี้ ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28 ที่บัญญัติพนักงานอัยการ และผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาล จึงให้ยกฟ้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น