ASTVผู้จัดการรายวัน- บีโอไอเผยยอดคำขอรับส่งเสริมในช่วง 5 เดือนแรกปี 2557 มีทั้งสิ้น 515 โครงการมูลค่า 3.08 แสนล้านบาทลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 2.54 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 42% เหตุจากภาวะศก.ชะลอและปัญหาการเมืองที่ผ่านมาคาดการณ์ครึ่งปีหลังจะกระเตื้องขึ้นหลัง”คสช.”ตั้งบอร์ดบีโอไอฟื้นเชื่อมั่น
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2557 (มกราคม - พฤษภาคม2557) พบว่า มีจำนวนโครงการยื่นขอรับส่งเสริม 515 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 308,300 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการลดลง 39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีจำนวน 848 โครงการ ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนลดลง 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีมูลค่า 537,000 ล้านบาท
สำหรับการยื่นขอรับส่งเสริมของโครงการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) 5 เดือนแรก มีจำนวน 334 โครงการ เงินลงทุนทั้งสิ้น 230,000 ล้านบาท โดยมูลค่าเงินลงทุนลดลง 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าเงินลงทุน 256,000 ล้านบาท โครงการลงทุนจากญี่ปุ่นเป็นกลุ่มที่ยื่นขอรับส่งเสริมมากที่สุด จำนวน 168 โครงการ เงินลงทุน 72,800 ล้าน โครงการลงทุนจากสหภาพยุโรป มีมูลค่าเงินลงทุน 64,200ล้านบาท เพิ่มขึ้น 300% หรือ 3 เท่าตัว โครงการลงทุนจากสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าเงินลงทุน 41,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 570% โครงการลงทุนจากเกาหลีใต้ มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 12,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150% และโครงการลงทุนจากจีน มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 9,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 260%
นายอุดมกล่าวว่า แม้ว่าการลงทุน 5 เดือนแรกยังคงลดลงในภาพรวมเนื่องจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวที่ผ่านมาแต่ล่าสุดจากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บอร์ดบีโอไอ นักลงทุนกลุ่มที่ชะลอการตัดสินใจยื่นขอรับส่งเสริมก่อนหน้านี้จะเกิดความมั่นใจและตัดสินใจยื่นขอรับส่งเสริมเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง 2557 และหากบอร์ดบีโอไอพิจารณาอนุมัติให้การส่งเสริมแก่โครงการที่รอการพิจารณาได้เร็ว ก็จะส่งผลดีต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะมาจากเม็ดเงินลงทุนของโครงการที่ได้รับส่งเสริม และการจ้างงานใหม่อีกหลายแสนตำแหน่งในช่วงปี 2558 เป็นต้นไป
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2557 (มกราคม - พฤษภาคม2557) พบว่า มีจำนวนโครงการยื่นขอรับส่งเสริม 515 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 308,300 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการลดลง 39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีจำนวน 848 โครงการ ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนลดลง 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีมูลค่า 537,000 ล้านบาท
สำหรับการยื่นขอรับส่งเสริมของโครงการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) 5 เดือนแรก มีจำนวน 334 โครงการ เงินลงทุนทั้งสิ้น 230,000 ล้านบาท โดยมูลค่าเงินลงทุนลดลง 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าเงินลงทุน 256,000 ล้านบาท โครงการลงทุนจากญี่ปุ่นเป็นกลุ่มที่ยื่นขอรับส่งเสริมมากที่สุด จำนวน 168 โครงการ เงินลงทุน 72,800 ล้าน โครงการลงทุนจากสหภาพยุโรป มีมูลค่าเงินลงทุน 64,200ล้านบาท เพิ่มขึ้น 300% หรือ 3 เท่าตัว โครงการลงทุนจากสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าเงินลงทุน 41,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 570% โครงการลงทุนจากเกาหลีใต้ มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 12,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150% และโครงการลงทุนจากจีน มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 9,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 260%
นายอุดมกล่าวว่า แม้ว่าการลงทุน 5 เดือนแรกยังคงลดลงในภาพรวมเนื่องจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวที่ผ่านมาแต่ล่าสุดจากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บอร์ดบีโอไอ นักลงทุนกลุ่มที่ชะลอการตัดสินใจยื่นขอรับส่งเสริมก่อนหน้านี้จะเกิดความมั่นใจและตัดสินใจยื่นขอรับส่งเสริมเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง 2557 และหากบอร์ดบีโอไอพิจารณาอนุมัติให้การส่งเสริมแก่โครงการที่รอการพิจารณาได้เร็ว ก็จะส่งผลดีต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะมาจากเม็ดเงินลงทุนของโครงการที่ได้รับส่งเสริม และการจ้างงานใหม่อีกหลายแสนตำแหน่งในช่วงปี 2558 เป็นต้นไป