ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ความ “วัว” ยังไม่ทันหาย
ความ “ควาย” ก็เข้ามาแทรกในฉับพลันทันที
สุภาษิตข้างต้นนี้ ดูเหมือนจะสอดคล้องกับ “สภาพความเป็นจริง”ของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.มากที่สุด
เหตุที่เป็นเช่นนั้นย่อมมีที่มาที่ไป
และที่มาที่ไปของ “ความควาย” ที่เข้ามาแทรกก็เห็นจะหนีไม่พ้นเรื่อง “ปาร์ตี้ลายพราง” ของบรรดาแกนนำ กปปส.ที่พร้อมใจกันแต่งชุดทหารมาร่วมฉลองวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 48 ปีของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำ กปปส. ที่ร้านอาหารฝรั่งเศส 4 Garcons ซอยทองหล่อ 13 กทม. แถมยังสนุกสุดเหวี่ยงกันแบบที่ภาษาฝรั่งเขาใช้คำว่า Unlimited จนเป็นที่โจษจันและวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของประชาชนทั้งฝั่ง กปปส.และ นปช.
ทั้งนี้ ถัดจากการปรากฏภาพหวานเยิ้มหยดย้อยของ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ในวันที่กลับคืนสู่อ้อมอกอันอบอุ่นของ “ศรีภรรยา” นางศรีสกุล พร้อมพันธุ์” หลังถูก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้บัญชาการทหารบก” ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ทำรัฐประหารและควบคุมตัวเอาไว้ มวลมหาประชาชนก็เฝ้าจับตามองปฏิกิริยาและความเคลื่อนไหวของลุงกำนันอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะมวลมหาประชาชนที่ไม่ได้รักและศรัทธาในตัว “ลุงกำนัน” แต่เกลียด “ระบอบทักษิณ” เป็นชีวิตจิตใจ พร้อมทั้งอยากเห็นลุงกำนันประสบความสำเร็จใน “การปฏิวัติประชาชน” และนำพาประเทศไทยสู่ความโชติช่วงชัชวาล
พวกเขากระหายใคร่รู้ว่าลุงกำนันจะนำพา กปปส.เคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ หรือจะสลายตัวไปเสียเฉยๆ หลังการทำรัฐประหาร แล้วแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน
เพราะต้องไม่ลืมว่า จุดยืนของนายสุเทพและ กปปส.คือการถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณ
เพราะต้องไม่ลืมว่า จุดยืนของนายสุเทพและ กปปส.คือการปฏิรูปประเทศไทยก่อนการเลือกตั้ง
แต่หลังจาก 2 สัปดาห์ของการทำรัฐประหารผ่านไป ไม่มีใครได้เห็นปฏิกิริยาและจุดยืนเหล่านี้ออกมาจากนายสุเทพและ กปปส.เลย
เท่าที่มวลมหาประชาชนได้เห็นก็คือ ภาพของนายสุเทพเดินทางไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมของ กปปส.มอบเงินเยียวยา พร้อมกับรับปากว่าจะดูแลให้ถึงที่สุด นอกจากนี้ ก็เห็นจะมีแต่ขาวของ “ขิง-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” ลูกเลี้ยงของนายสุเทพที่ตัดสินใจบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่เสียชีวิตจากการชุมนุม
.......ก็เท่านั้น.....
ยิ่งเรื่องปฏิรูปประเทศไทย ยิ่งเงียบหายไปเสียอย่างนั้น ราวกับว่าจะฝากผีฝากไข้ ฝากการบ้านทั้งหมดทั้งมวลให้กับคณะรัฐประหารเสียอย่างนั้น จนมวลมหาประชาชนอดตั้งคำถามด้วยความอึดอัดไม่ได้ว่า แล้วที่ต่อสู้มากว่า 7 เดือนนั้น ทำเพื่ออะไร
แต่แล้ว เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2557 มวลชน กปปส.และคนไทยจำนวนไม่น้อยได้เห็นความเคลื่อนไหวอันเป็นรูปธรรมครั้งแรกของบรรดาแกนนำ กปปส. แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่ต้องบอกว่าเจ็บจี๊ดไปที่ขั้วหัวใจของมวลมหาประชาชนเลยทีเดียว เมื่อปรากฏภาพแกนนำ กปปส.พร้อมใจกันใส่ “ชุดเขียวลายพรางทหาร” ในงาน “ปาร์ตี้” ฉลองวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 48 ปีของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำ กปปส. ที่ร้านอาหารฝรั่งเศส 4 Garcons ซอยทองหล่อ 13 กทม.
เป็นณัฏฐพลผู้เป็นสามีของ “น้องอีฟ-ทยา ทีปสุวรรณ” อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในยุค ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้เป็นแกนนำของ กปปส.ระดับหัวแถวและลูกสาวคนสวยของคุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นอื้ออึงจนกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์กันเลยทีเดียวว่า “แกนนำ กปปส.ไม่มีความคิด กระทำการอันไม่เหมาะสม แกนนำ กปปส.และที่เจ็บที่สุดก็คือ กปปส. ไม่รู้จักกาลเทศะ”
ทั้งนี้ ต้นเหตุของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปรากฏภาพและคลิปภาพในโลกสังคมออนไลน์ของแกนนำกปปส. หลายคน อาทิ เฟซบุ๊กของนายสกลธี ภัททิยกุล ชื่อ “Sakoltee Phattiyakul” และอินสตาแกรมของน.ส.จิตภัสร์ กฤดากร
น.ส.จิตภัสร์โพสต์อธิบายเอาไว้ว่า “วันนี้รวมพลแกนนำในวันเกิด พี่ตั้น ณัฐพล ทีปสุวรรณค่ะ”
สำหรับภาพที่มีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์นั้น เป็นภาพงานเลี้ยงที่มีแกนนำ กปปส. นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมแกนนำ กปปส. และแนวร่วม เข้าร่วมงานเลี้ยงจำนวนมาก เมื่อวันที่ 29 พ.ค. โดยผู้เข้าร่วมงานสวมเสื้อยืดลายพรางทหารเกือบทุกคน พร้อมกับร่วมกันขับร้องเพลง สู้ไม่ถอย ที่เป็นเพลงประจำการชุมนุมกลุ่ม กปปส. ด้วย
นอกจากนั้นยังปรากฏภาพของแกนนำกปปส. ร้องเพลง เต้นรำกันสนุกสนานโดยเฉพาะนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กับนางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยาที่มีการกอดกันและหอมแก้มกัน รวมทั้งภาพของนางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ กอดคอนายสุเทพ ที่ถือแก้วไวน์
ยิ่งเมื่อเห็น “น้องตั๊น” จิตภัสร์ นามสกุลเดิม ภิรมย์ภักดี และนามสกุลใหม่ กฤดากร ใส่เสื้อลายพรางทหารที่สกรีนข้างหลังตัวเป้งว่า “บูรพาพยัคฆ์” ด้วยแล้ว ก็ยิ่งสงสัยไม่ได้ว่า ทำไปเพื่ออะไร
นี่ไม่นับรวมเสื้อที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ลูกเลี้ยงของนายสุเทพใส่และมีคำว่า “ชัยชนะ” ปรากฏอยู่บนเสื้อ ซึ่งผู้คนสงสัยเช่นกันว่า หมายความว่าอย่างไร หมายความ กปปส.ชนะแล้วเช่นนั้นหรือ และถ้า กปปส.คิดว่า กปปส.ชนะ ถามว่า อะไรคือชัยชนะในความหมายของ กปปส.
อย่างไรก็ตามหลังเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในสถานการณ์ขณะนี้ ทำให้แกนนำหลายคนได้ลบรูปภาพและคลิปภาพที่ไม่เหมาะสมออกจากเฟซบุ๊กส่วนตัวทันที
ด้านนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ แกนนำ กปปส. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ“Nataphol Teepsuwan - ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” พร้อมภาพที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ ถือเค้กอวยพรวันเกิด โดยมีข้อความว่า “ ปลายเดือนนี้มีวันสำคัญในชีวิต 2 วัน ขอบคุณ อีฟที่จัดงานเซอร์ไพร์ส์วันเกิดครบ 4 รอบ และครบรอบแต่งงาน 15 ปีให้ ขอบคุณผู้ใหญ่ที่เคารพและเพื่อนๆที่รักทุกๆคนที่สละเวลามาร่วมงาน มีความสุขมากที่อยู่ท่ามกลางคนที่เรารัก เสียดายที่มีคนฉวยโอกาสเอาความจริงไปบิดเบือนเพื่อสร้างความเกลียดชังและทำให้คนเข้าใจผิด พวกเราจริงใจและเต็มที่กับทุกๆอย่างที่ทำ พฤติกรรมที่ทำให้คนแตกแยกกันด้วยข้อมูลเท็จ ไม่ควรเป็นนิสัยของคนไทย เลิกเถอะครับ”
“บิ๊กตั้น” ของน้องอีฟอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งกล่าวหาเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายทั้งปวงว่า เป็นการบิดเบือนเพื่อสร้างความเกลียดชังและทำให้คนเข้าใจผิด ซึ่งก็ต้องบอกว่า เป็นคำอธิบายที่ฟังไม่ขึ้น
แน่นอน ท่ามกลางบ้านเมืองที่ตกอยู่ในภาวะวิกฤต ทหารเข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ ทุกสายตาทั้งในประเทศและต่างประเทศย่อมจับจ้องทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้ และมีการตีความในเชิงสัญลักษณ์เชื่อมโยงกันไปต่างนานา
ถามว่า แกนนำ กปปส.ผิดไหมที่จัดงานรื่นเริงในช่วงนี้
คำตอบคือไม่ผิด แต่เหมาะสมหรือไม่ ภาพที่ปรากฏคือคำตอบในตัวเองอยู่แล้ว
ยิ่งเมื่อมีการนำภาพเหล่านั้นเข้าสู่โลกสังคมออนไลน์ด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะคนที่มีวุฒิภาวะย่อมรับรู้ว่า แม้เฟซบุ๊ก อินสตราแกรม ทวิตเตอร์เป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่เมื่อพื้นที่ส่วนตัวเหล่านั้นทับซ้อนกับความเป็น “บุคคลสาธารณะ” ด้วย จึงต้องยิ่งเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากโอกาสที่จะเผยแพร่ในสู่สายตาของสาธารณชนนั้นเป็นไปได้ง่ายดายยิ่ง
ถามว่า แกนนำ กปปส.ผิดไหมที่จัดงานรื่นเริงพร้อมกับแต่งชุดลายพรางทหาร
คำตอบคือไม่ผิด เพราะเป็นแค่ชุดลายพราง ไม่ใช่เครื่องแบบทหาร
แต่ถามว่าเหมาะสมหรือไม่ เป็นอีกเรื่อง เพราะต้องไม่ลืมว่า สถานการณ์การเมืองในประเทศไทยยังคงมีความอ่อนไหว และถ้าไม่ระมัดระวัง ผลที่จะตามมาย่อมสั่นสะเทือนไปในวงกว้าง ทั้งต่อตัวคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เอง และตัวแกนนำ กปปส.เอง
จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ แต่ความรู้สึกของประชาชนเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ที่สำคัญที่สุดก็คือ การกระทำดังกล่าวไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของทหารและ คสช.เลยแม้แต่น้อย เพราะการตัดสินใจทำรัฐประหารในครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศชัดเจนว่า ต้องการทำเพื่อยุติความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย มิใช่ทำรัฐประหารเพื่อ กปปส.เสียเมื่อไหร่
ดังนั้น จงอย่าแปลกใจกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้น
ด้วยเหตุดังกล่าวเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2557 หรือถัดจากเกิดเหตุเพียง 1 วัน เสธ.ต๊อด-พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบกถึงกับต้องออกมาพูดถึงเรื่องนี้ ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ระบุว่ามีต้นสายปลายเหตุมาจากเรื่องอะไร แต่ก็น่าจะคาดเดาไม่ได้ยากนัก
“เนื่องจากช่วงนี้เริ่มมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลได้สวมชุดแต่งกายคล้ายทหาร ไปทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่บางครั้งอาจดูไม่เหมาะสมทำให้สังคมเข้าใจผิด ส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กรทหาร จึงขอความร่วมมือทุกท่านในช่วงขณะนี้งดแต่งกายลอกเลียนทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นแบบหญิงหรือชาย หรือตามแบบแฟชั่น เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและมิสมควร”พ.อ.วินธัยกล่าว
โปรดฟังอีกครั้ง.. “โปรดงดแต่งกายเลียนแบบทหาร”
อย่างไรก็ตาม นอกจากทำให้ภาพลักษณ์ของทหารและ คสช.เสียหายแล้ว ยังต้องบอกว่า งานปาร์ตี้ด้วยชุดลายพรางทหารยังถือเป็นการไม่เคารพต่อการชุมนุมของตัวเองและไม่เคารพต่อมวลมหาประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมด้วย
ทำไมถึงไม่เคารพ?
เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบายหรือขยายความในรายละเอียด
แต่ที่แน่ๆ คือ นี่เป็นความผิดพลาดที่ไม่อาจประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นได้เลยว่า หนักหน่วงและรุนแรงมากแค่ไหน
เว้นเสียแต่ว่าจะปลอบใจตัวเองว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
กระนั้นก็ดี สิ่งที่มวลมหาประชาชนอยากเห็นและยังไม่สายที่จะรอก็คือ นายสุเทพและแกนนำ กปปส.จะต้องเคลื่อนไหวเพื่อทำให้เป้าหมายของมวลมหาประชาชนกลายเป็นความจริง นั่นคือ การปฏิรูปประเทศ โดยทั้งนำเสนอ ติดตามและตรวจสอบผลงานทำงานของ คสช.อย่างเข้มข้นในทุกๆ ด้าน
ทั้งเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม
เพราะแกนนำ กปปส.ต้องไม่ลืมว่า มวลชนของ กปปส.คือมวลชนที่ทรงพลังและที่สำคัญนายสุเทพในฐานะเลขาธิการ กปปส.ยังไม่ได้ประกาศยุติบทบาทความเป็น กปปส.แต่ประการใด