ASTVผู้จัดการรายวัน - คลังเตรียมปรับใหญ่บอร์ดรัฐวิสาหกิจตามนโยบายคสช. ชี้ผู้บอร์ดแบงก์รัฐควรเป็นคนจากกระทรวงการคลังเข้าไปทำหน้าที่ ส่วนคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าวถือว่าพ้นสภาพแล้ว
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจว่า ในส่วนของตัวแทนกระทรวงการคลังที่นั่งในบอร์ดต่างๆ ก็จะมีการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมเช่นเดียวกัน โดยนอกจากจะดูจากความรู้ความสามารถแล้วคงต้องคุยกันด้วยเหตุด้วยผลว่าใครควรนั่งที่ไหน รวมทั้งจะหารือผู้เกี่ยวข้องเพื่อเสนอตั้งรองปลัดที่ยังว่างอยู่ 2 ตำแหน่งโดยไม่รอถึงเดือนกันยายนนี้เพื่อให้เข้ามาช่วยงานโดยเร็ว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการปรับเปลี่ยนบอร์ดรัฐวิสาหกิจนั้นมีทั้งที่ต้องเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และไม่เข้าครม.รวมทั้งเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้น แต่ในระยะนี้ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศก็น่าจะเป็นอำนาจการตัดสินใจของคสช.โดยมีทีมที่ปรึกษาช่วยกลั่นกลอง โดยในส่วนของแบงก์รัฐก็เห็นว่าควรเป็นตัวแทนจากกระทรวงการคลังจะเหมาะสมที่สุด
“ข้อเสนอของนายปิยะสวัสดิ์ที่เห็นว่าปลัดกระทรวงไม่ควรนั่งเป็นประธานบอร์ดของรัฐวิสาหกิจเพราะอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนนั้นก็เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว แต่มองว่าทุกคนที่เข้าไปก็น่าจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของรัฐอยู่แล้ว”นายรังสรรค์กล่าวและว่า โดยมารยาทเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหรือผู้บริหารใหม่บอร์ดชุดเดิมที่ตั้งโดยรัฐบาลก่อนก็อาจจะลาออกหรือไม่ลาออกก็ได้เป็นดุลพินิจของแต่ละคน แต่ที่ผ่านมาทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ยังไม่ได้รายงานมาให้ทราบว่ามีบอร์ดรัฐวิสาหกิจใดมีการลาออก รวมทั้งของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเองก็ยังไม่เห็นหนังสือลาออกแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทางสคร.ได้เสนอข้อมูลไปให้ทางคสช.แล้วเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจ ส่วนการจะปรับเปลี่ยนใครที่ใดก็ขึ้นอยู่กับนโยบาย ซึ่งตนเองก็เป็นประธานธนาคารทหารไทยอยู่แล้วจึงให้ปลัดกระทรวงเกษตรซึ่งเป็นรองประธานของบอร์ดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทำหน้าที่ประธานไปพลางก่อนเพื่อความเหมะสม
นายรังสรรค์ กล่าวอีกว่าในส่วนของคณะกรรมการปิดบัญชีข้าวที่ตั้งขึ้นสมัยรัฐบาลก่อนก็ถือว่าพ้นสภาพไป ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้เรียกประชุมไปเพียงครั้งเดียว ขณะนี้ก็ต้องรอฟังนโยบายของทางคสช.อีกครั้งว่าจะให้ตั้งกรรมการขึ้นมาใหม่หรือไม่ แต่ตัวแทนของคลังก็ยังต้องไปให้ข้อมูลกับทางป.ป.ช.ตามเดิม
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจว่า ในส่วนของตัวแทนกระทรวงการคลังที่นั่งในบอร์ดต่างๆ ก็จะมีการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมเช่นเดียวกัน โดยนอกจากจะดูจากความรู้ความสามารถแล้วคงต้องคุยกันด้วยเหตุด้วยผลว่าใครควรนั่งที่ไหน รวมทั้งจะหารือผู้เกี่ยวข้องเพื่อเสนอตั้งรองปลัดที่ยังว่างอยู่ 2 ตำแหน่งโดยไม่รอถึงเดือนกันยายนนี้เพื่อให้เข้ามาช่วยงานโดยเร็ว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการปรับเปลี่ยนบอร์ดรัฐวิสาหกิจนั้นมีทั้งที่ต้องเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และไม่เข้าครม.รวมทั้งเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้น แต่ในระยะนี้ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศก็น่าจะเป็นอำนาจการตัดสินใจของคสช.โดยมีทีมที่ปรึกษาช่วยกลั่นกลอง โดยในส่วนของแบงก์รัฐก็เห็นว่าควรเป็นตัวแทนจากกระทรวงการคลังจะเหมาะสมที่สุด
“ข้อเสนอของนายปิยะสวัสดิ์ที่เห็นว่าปลัดกระทรวงไม่ควรนั่งเป็นประธานบอร์ดของรัฐวิสาหกิจเพราะอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนนั้นก็เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว แต่มองว่าทุกคนที่เข้าไปก็น่าจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของรัฐอยู่แล้ว”นายรังสรรค์กล่าวและว่า โดยมารยาทเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหรือผู้บริหารใหม่บอร์ดชุดเดิมที่ตั้งโดยรัฐบาลก่อนก็อาจจะลาออกหรือไม่ลาออกก็ได้เป็นดุลพินิจของแต่ละคน แต่ที่ผ่านมาทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ยังไม่ได้รายงานมาให้ทราบว่ามีบอร์ดรัฐวิสาหกิจใดมีการลาออก รวมทั้งของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเองก็ยังไม่เห็นหนังสือลาออกแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทางสคร.ได้เสนอข้อมูลไปให้ทางคสช.แล้วเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจ ส่วนการจะปรับเปลี่ยนใครที่ใดก็ขึ้นอยู่กับนโยบาย ซึ่งตนเองก็เป็นประธานธนาคารทหารไทยอยู่แล้วจึงให้ปลัดกระทรวงเกษตรซึ่งเป็นรองประธานของบอร์ดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทำหน้าที่ประธานไปพลางก่อนเพื่อความเหมะสม
นายรังสรรค์ กล่าวอีกว่าในส่วนของคณะกรรมการปิดบัญชีข้าวที่ตั้งขึ้นสมัยรัฐบาลก่อนก็ถือว่าพ้นสภาพไป ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้เรียกประชุมไปเพียงครั้งเดียว ขณะนี้ก็ต้องรอฟังนโยบายของทางคสช.อีกครั้งว่าจะให้ตั้งกรรมการขึ้นมาใหม่หรือไม่ แต่ตัวแทนของคลังก็ยังต้องไปให้ข้อมูลกับทางป.ป.ช.ตามเดิม