ลองพิจารณาเรื่องนี้ดู
ปี 2527 นายกเปรม ประกาศว่าเราจะโชติช่วงชัชวาล เราพบน้ำมันและก๊าซในอ่าวไทย ปี 2557 เราโชติช่วงชัชวาลไหม? คนไทยยังคงใช้น้ำมันราคาตลาดโลก ขอโทษ! สูงกว่าตลาดโลก เพราะใช้ราคาตลาดจรสิงคโปร์บวกค่าขนส่ง และเราก็ส่งออกน้ำมันด้วยราคาตลาดโลกหักค่าขนส่ง เรามีโรงกลั่น 7 โรง ขนาดใหญ่ 5 โรง ปตท. ถือหุ้น ไม่เคยได้ยินว่าเจ้าของโรงกลั่นที่ไหน ซื้อน้ำมันราคาตลาดจร เว้นแต่ที่ ไทยแลนด์แดนยิ้มสยาม
มาเลเซียน้ำมันถูกกว่าเราครึ่งหนึ่ง เรคกูเลเตอร์ของเราบอกว่ามาเลเซียมีน้ำมันมหาศาล ของเรามีน้อย ความจริงก็คือ มาเลเซียสำรวจน้ำมันก่อนให้สัมปทาน เขารู้ว่ามีเท่าไรควรแบ่งกันเท่าไร ของเราให้สัมปทานโดยไม่มีการสำรวจ สูบมาเท่าไรก็ขอ 27.5% ในอ่าวไทยในเขตทับซ้อนเราตกลงกันว่า เราได้ 80% มาเลเซีย 20% ในมาเลเซียตะวันออกน้ำมัน และก๊าซส่วนใหญ่อยู่ในเขตบรูไน กับอินโดนีเซีย เป็นของมาเลเซียเล็กน้อยเท่านั้น เรคกูเลเตอร์เราบอกว่าของเราขุดเจาะยาก ต้นทุนสูง อ่าวไทยของเรากว้าง 90 กิโลเมิตร น้ำลึก 30 เมตร ขุดประมาณ 30 – 80 เมตร ก็พบน้ำมันและก๊าซ อ่าวเม็กซิโกกว้างพันกว่ากิโลเมตร น้ำลึก 10 กิโลเมตร ต้องขุด 10-12 กิโลเมตร จึงจะเจอน้ำมันและก๊าซ ได้มาขายในราคาเดียวกับเรา ขุดไม่ยากเลย
บรรดาประเทศทั้งหลายคำนวนภาษีปิโตรเลียมต่างกัน โหดที่สุดก็สหรัฐ น้ำมันทุกหยดเป็นของรัฐ ผู้รับสัมปทานได้ค่าขุด บาร์เรลละ 3 ดอลล่าร์ บริษัทน้ำมันทั้งหลายจึงหาแหล่งผลิตนอกประเทศที่ต้นทุนถูกกว่า ที่เวเนซูเอล่าขึ้นภาษีปิโตรเลียมเท่าตัวเป็น 80% ก่นด่ากันทั้งสหรัฐ แต่ก็ยอมจ่ายยอมขุด ไม่ต้องถามว่าประเทศไหนคำนวณภาษีปิโตรเลียมถูกที่สุด ก็เมดอินไทยแลนด์แดนไทยของเรา เฉลี่ย 27.5% เรคกูเลเตอร์ บอกว่าถ้าคิดแพงจะไม่มีผู้มาขอสัมปทาน รัฐก็จะไม่ได้ภาษีปิโตรเลียม
รถไฟบรรทุกน้ำมันจากบรบือ วันละ 19 ขบวน ขบวนละ 30 ตู้ ไปดูชาวบรบือหน่อย ยังคงยากจนเหมือนเมื่อ 30 ปี ที่แล้ว ทรัพยากรใต้ดินเป็นของรัฐบาล ประชาชนไม่เกี่ยว รัฐจะเอาไปแบ่งกับฝรั่งอย่างไรก็ได้ ก็ชาวบรบือยังไม่โชติช่วงชัชวาล แล้วเราจะโชติช่วงชัชวาลได้อย่างไร
เชพรอนเป็นผู้ขุดเจาะน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ในประเทศไทย เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค ลองเข้าไปดูรายงานที่ เชพรอนรายงาน ก.ล.ต. (คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค) ขุดเจาะน้ำมันและก๊าซจากทั่วโลก น้ำมันและก๊าซ 14% มาจากประเทศไทย ดูรายงานผลประกอบการรายได้ 84% มาจากประเทศไทย อุแม่เจ้า! ค้ากับไทย กำไรดีนิ
น้ำมันที่เราผลิตเกรดทาปิส ราคาในตลาดโลกสูงกว่าน้ำมันดูไบ 10% แต่ทำไมเราขายต่ำกว่าน้ำมันดูไบ ทาปิสกลั่นแล้วได้เบนซินสูง กำมะถันต่ำ เป็นที่ต้องการของตลาดโลก จึงขายทั้งหมด ส่วนเกรดดูไบ กำมะถันสูงได้เบนซินต่ำก็ไม่เป็นไร กองทุนน้ำมันเราจ่ายค่ากำจัดกำมะถันอยู่แล้ว
ในอ่าวเมาะตะมะ แหล่งยาดานาเป็นของเชฟรอน แต่พม่าไม่มีดอลล่าร์จะซื้อ นายบุชตัวพ่อจึงบินมาขอให้ไทยซื้อในราคาตลาดโลก (แพงกว่าราคาซื้อในเมืองไทยประมาณ 20%) บางคนไปคุยกับรัฐบาลพม่าได้สัมปทานแหล่งเยตากุนแถมมาด้วย ในราคาขายเดียวกับแหล่งยาดานา ต่อท่อส่งให้โรงไฟฟ้าราชบุรี แต่ค่าความร้อนไม่คงที่ ทำให้โรงไฟฟ้าราชบุรีไฟดับสม่ำเสมอ จึงมีการวางท่อจากโรงไฟฟ้าวังน้อยไปยังโรงไฟฟ้าราชบุรี ประกาศว่าจะเอาก๊าซจากยาดานาและเยตากุนไปใช้ที่วังน้อย แต่ก๊าซวิ่งผิดทางวิ่งจากวังน้อยไปราชบุรี เพื่อผสมให้ค่าความร้อนคงที่ไปจะได้ไฟไม่ดับ เมื่อก๊าซวิ่งจากวังน้อยไปราชบุรี แล้วเราจะซื้อจากยาดานาให้เชฟรอนรวย และซื้อจากเยตากุนให้ผู้ไม่ปรากฏชื่อรวยไปทำไม
การนำราคาตลาดจรสิงคโปร์เป็นราคารับซื้อ นักการเมืองไทยท่าน(ตัว)หนึ่งคิดสะระตะแล้วก็ส่งลูกชายไปประจำสิงคโปร์ เป็นนายหน้าจัดหาน้ำมันให้โรงกลั่นไทย ได้กำไรบาร์เรลละ 3 ดอลล่าร์ ทุกบาร์เรล คนไทยจ่าย โรงกลั่นก็ชอบ เพราะค่ากลั่นคำนวณจากราคารับซื้อ ยิ่งซื้อแพงยิ่งได้ค่ากลั่นแพง
ยังมีมหากาพย์การแปรรูปที่ให้แปรรูปหุ้น ปตท. 40% ให้นิติบุคคลต่างประเทศ แล้วนักการเมืองไทยก็ไปตั้งกองทุนให้นิติบุคคลต่างประเทศเป็นทรัสตีเข้าซื้อหุ้น ตอนที่ราคาเข้าตลาดก็ตีราคาหุ้นต่ำเข้าไว้ ท่อส่งก๊าซก็ยกให้ฟรี พอเข้าตลาดราคาขึ้นเป็นกระทิง กำไร 10 เท่าตัว เอาให้ทรัสตีมาซื้อหุ้นบริษัทลูก เรคกูเลเตอร์เราก็ป่าวประกาศว่า ปตท. รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ แต่ไม่พูดถึงบริษัทลูกว่าเป็นของใคร แล้วยังมหากาพย์ เรื่องทวงคืนท่อก๊าซอีกล่ะ ศาลสั่งให้คืนก็คืนไม่ครบ จ่ายค่าเช่าท่อให้ธนารักษ์หนึ่งหมื่นล้าน นำมาเพิ่มค่าเช่าท่อก๊าซได้เงินไปอีกสองแสนล้านบาท แล้วใครจ่าย โถ! ก็ใครซื้อก๊าซก็จ่ายค่าเช่าท่อที่เพิ่มขึ้นสิ เอ็นจีวี เลยต้องขึ้นราคาอีกกิโลละ สองบาท
แล้วเรคกูเลเตอร์ของเรายอมให้ ปตท. แผลงฤทธิ์ขนาดนี้ได้อย่างไร ก็เป็นบอร์ดทั้งบริษัทแม่ บริษัทลูกร่วมสิบแห่ง เดินเข้าเดินออกรับเบี้ยประชุมทั้งสิบบริษัท เดือนละ 2 – 10 ล้านบาท ก็ไม่มีเวลาจะคิดทำอะไรแล้ว ได้แต่พูดตาม ปตท. เป็นเสียงเดียว และจะแก้อย่างไร? อันที่จริง กฎหมาย ปปช. มาตรา 100 ก็ห้ามเรคกูเลเตอร์ไปมีส่วนได้ส่วนเสียอยู่แล้ว พรบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ก็ห้ามผู้มีส่วนได้ส่วนเสียพิจารณาในเรื่องที่ตนมีส่วนได้ส่วนเสีย แต่มีการออกฎหมายยกเว้นให้บอร์ด ปตท. ในข้อห้ามของ ปปช. และวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้ เราจึงไม่มีเร็คกูเลเตอร์ที่กำกับด้านพลังงาน เพียงแค่มีปากต่อยหอยของโฆษก ปตท. เท่านั้น แก้ง่ายมากยกเลิกกฎหมายคุณสมบัติกรรมการรัฐวิสาหกิจของ ปตท. เสีย บังคับใช้กฎหมาย ปปช. มาตรา 100 กับพรบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองอย่างจริงจัง คุณต้องเลือกจะเป็นเรคกูเลเตอร์ หรือจะเป็นปากต่อยหอยโฆษก ปตท. ก็เลือกเอา ถ้าเลือกเป็นเรคกูเลเตอร์ กินเงินเดือนหลวงหลักหลายหมื่นแต่อย่างเดียว แต่ถ้าเลือกจะเป็นปากต่อยห่อยโฆษก ปตท. ถ้าคุณไม่เป็นเรคกูเลเตอร์ ปตท. คงจ่ายคุณเดือนละหลักล้านอยู่หรอก ขอยืนยันว่าเพียงตัดนายหน้าที่สิงคโปร์ออก และบังคับใช้กฎหมายป้องกันการผูกขาดอย่างจริงจัง น้ำมันลดได้ ลิตรละ 5 บาท ถ้าตกลงสัญญาสัมปทานใหม่ที่เหมาะสม แบ่งกันรัฐจะเอาน้ำมันกี่ส่วนบริษัทรับสัมปทานจะเอาน้ำมันกี่ส่วน ส่วนของบริษัทน้ำมันเชิญขายในราคาตลาดโลกตามถนัด ส่วนของรัฐขายในประเทศก็ขายในราคาที่คนไทยจะโชติช่วงชัชวาล ก็เป็นของรัฐแล้ว รัฐพอใจจะขายเท่าก็เป็นเรื่องของรัฐที่ค้าเสรี ราคาน้ำมันจะลดลงได้อีก 15 บาท น้ำมันลดลงครึ่งหนึ่ง นี่คือการคืนความสุขให้คนไทยอย่างแท้จริง
ก่อนจบ คำถามสำหรับวันนี้ นายกคนหนึ่งสั่งให้ขายหุ้น ปตท.40% ให้นิติบุคคลต่างประเทศโดยตีราคาต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์แถมยกท่อส่งให้ฟรี แล้วไปให้นิติบุคคลต่างประเทศซื้อหุ้นแทนตน เมื่อหุ้นวิ่งเป็นกระทิงก็เทขายทำกำไร เอากำไรไปซื้อตั๋วน้ำมันในตลาดล่วงหน้าที่นิวยอร์คในราคา 147 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล หวังว่าจะให้โรงกลั่นรับซื้อในราคา 170 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำกำไร แต่เผอิญน้ำมันราคาดิ่งเหลือ 97 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล ในวันที่เรือน้ำมันเข้าเทียบท่า ทำให้ต้องขาดทุนไปประมาณ 140,000 ล้านบาท ที่จะออกทำธุรกิจทั่วโลกจึงต้องหลบกลับมากำกับรัฐบาลใหม่อีกครั้ง โดยมีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือคณะรัฐบาลและข้าราชการ เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากกิจการของรัฐ ถ้าท่านยังไม่รู้และยังให้เขาสามารถใช้สิงคโปร์เป็นฐานให้คนไทยใช้น้ำมันราคาแพงเป็น 2 เท่าของมาเลเซียอยู่ละก็ ท่านปราบเขาไม่ตาย รับรองว่าเงินจากคนไทยที่ใช้น้ำมันแพงได้กลับเข้ามาซื้ออำนาจรัฐอีก
ปี 2527 นายกเปรม ประกาศว่าเราจะโชติช่วงชัชวาล เราพบน้ำมันและก๊าซในอ่าวไทย ปี 2557 เราโชติช่วงชัชวาลไหม? คนไทยยังคงใช้น้ำมันราคาตลาดโลก ขอโทษ! สูงกว่าตลาดโลก เพราะใช้ราคาตลาดจรสิงคโปร์บวกค่าขนส่ง และเราก็ส่งออกน้ำมันด้วยราคาตลาดโลกหักค่าขนส่ง เรามีโรงกลั่น 7 โรง ขนาดใหญ่ 5 โรง ปตท. ถือหุ้น ไม่เคยได้ยินว่าเจ้าของโรงกลั่นที่ไหน ซื้อน้ำมันราคาตลาดจร เว้นแต่ที่ ไทยแลนด์แดนยิ้มสยาม
มาเลเซียน้ำมันถูกกว่าเราครึ่งหนึ่ง เรคกูเลเตอร์ของเราบอกว่ามาเลเซียมีน้ำมันมหาศาล ของเรามีน้อย ความจริงก็คือ มาเลเซียสำรวจน้ำมันก่อนให้สัมปทาน เขารู้ว่ามีเท่าไรควรแบ่งกันเท่าไร ของเราให้สัมปทานโดยไม่มีการสำรวจ สูบมาเท่าไรก็ขอ 27.5% ในอ่าวไทยในเขตทับซ้อนเราตกลงกันว่า เราได้ 80% มาเลเซีย 20% ในมาเลเซียตะวันออกน้ำมัน และก๊าซส่วนใหญ่อยู่ในเขตบรูไน กับอินโดนีเซีย เป็นของมาเลเซียเล็กน้อยเท่านั้น เรคกูเลเตอร์เราบอกว่าของเราขุดเจาะยาก ต้นทุนสูง อ่าวไทยของเรากว้าง 90 กิโลเมิตร น้ำลึก 30 เมตร ขุดประมาณ 30 – 80 เมตร ก็พบน้ำมันและก๊าซ อ่าวเม็กซิโกกว้างพันกว่ากิโลเมตร น้ำลึก 10 กิโลเมตร ต้องขุด 10-12 กิโลเมตร จึงจะเจอน้ำมันและก๊าซ ได้มาขายในราคาเดียวกับเรา ขุดไม่ยากเลย
บรรดาประเทศทั้งหลายคำนวนภาษีปิโตรเลียมต่างกัน โหดที่สุดก็สหรัฐ น้ำมันทุกหยดเป็นของรัฐ ผู้รับสัมปทานได้ค่าขุด บาร์เรลละ 3 ดอลล่าร์ บริษัทน้ำมันทั้งหลายจึงหาแหล่งผลิตนอกประเทศที่ต้นทุนถูกกว่า ที่เวเนซูเอล่าขึ้นภาษีปิโตรเลียมเท่าตัวเป็น 80% ก่นด่ากันทั้งสหรัฐ แต่ก็ยอมจ่ายยอมขุด ไม่ต้องถามว่าประเทศไหนคำนวณภาษีปิโตรเลียมถูกที่สุด ก็เมดอินไทยแลนด์แดนไทยของเรา เฉลี่ย 27.5% เรคกูเลเตอร์ บอกว่าถ้าคิดแพงจะไม่มีผู้มาขอสัมปทาน รัฐก็จะไม่ได้ภาษีปิโตรเลียม
รถไฟบรรทุกน้ำมันจากบรบือ วันละ 19 ขบวน ขบวนละ 30 ตู้ ไปดูชาวบรบือหน่อย ยังคงยากจนเหมือนเมื่อ 30 ปี ที่แล้ว ทรัพยากรใต้ดินเป็นของรัฐบาล ประชาชนไม่เกี่ยว รัฐจะเอาไปแบ่งกับฝรั่งอย่างไรก็ได้ ก็ชาวบรบือยังไม่โชติช่วงชัชวาล แล้วเราจะโชติช่วงชัชวาลได้อย่างไร
เชพรอนเป็นผู้ขุดเจาะน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ในประเทศไทย เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค ลองเข้าไปดูรายงานที่ เชพรอนรายงาน ก.ล.ต. (คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค) ขุดเจาะน้ำมันและก๊าซจากทั่วโลก น้ำมันและก๊าซ 14% มาจากประเทศไทย ดูรายงานผลประกอบการรายได้ 84% มาจากประเทศไทย อุแม่เจ้า! ค้ากับไทย กำไรดีนิ
น้ำมันที่เราผลิตเกรดทาปิส ราคาในตลาดโลกสูงกว่าน้ำมันดูไบ 10% แต่ทำไมเราขายต่ำกว่าน้ำมันดูไบ ทาปิสกลั่นแล้วได้เบนซินสูง กำมะถันต่ำ เป็นที่ต้องการของตลาดโลก จึงขายทั้งหมด ส่วนเกรดดูไบ กำมะถันสูงได้เบนซินต่ำก็ไม่เป็นไร กองทุนน้ำมันเราจ่ายค่ากำจัดกำมะถันอยู่แล้ว
ในอ่าวเมาะตะมะ แหล่งยาดานาเป็นของเชฟรอน แต่พม่าไม่มีดอลล่าร์จะซื้อ นายบุชตัวพ่อจึงบินมาขอให้ไทยซื้อในราคาตลาดโลก (แพงกว่าราคาซื้อในเมืองไทยประมาณ 20%) บางคนไปคุยกับรัฐบาลพม่าได้สัมปทานแหล่งเยตากุนแถมมาด้วย ในราคาขายเดียวกับแหล่งยาดานา ต่อท่อส่งให้โรงไฟฟ้าราชบุรี แต่ค่าความร้อนไม่คงที่ ทำให้โรงไฟฟ้าราชบุรีไฟดับสม่ำเสมอ จึงมีการวางท่อจากโรงไฟฟ้าวังน้อยไปยังโรงไฟฟ้าราชบุรี ประกาศว่าจะเอาก๊าซจากยาดานาและเยตากุนไปใช้ที่วังน้อย แต่ก๊าซวิ่งผิดทางวิ่งจากวังน้อยไปราชบุรี เพื่อผสมให้ค่าความร้อนคงที่ไปจะได้ไฟไม่ดับ เมื่อก๊าซวิ่งจากวังน้อยไปราชบุรี แล้วเราจะซื้อจากยาดานาให้เชฟรอนรวย และซื้อจากเยตากุนให้ผู้ไม่ปรากฏชื่อรวยไปทำไม
การนำราคาตลาดจรสิงคโปร์เป็นราคารับซื้อ นักการเมืองไทยท่าน(ตัว)หนึ่งคิดสะระตะแล้วก็ส่งลูกชายไปประจำสิงคโปร์ เป็นนายหน้าจัดหาน้ำมันให้โรงกลั่นไทย ได้กำไรบาร์เรลละ 3 ดอลล่าร์ ทุกบาร์เรล คนไทยจ่าย โรงกลั่นก็ชอบ เพราะค่ากลั่นคำนวณจากราคารับซื้อ ยิ่งซื้อแพงยิ่งได้ค่ากลั่นแพง
ยังมีมหากาพย์การแปรรูปที่ให้แปรรูปหุ้น ปตท. 40% ให้นิติบุคคลต่างประเทศ แล้วนักการเมืองไทยก็ไปตั้งกองทุนให้นิติบุคคลต่างประเทศเป็นทรัสตีเข้าซื้อหุ้น ตอนที่ราคาเข้าตลาดก็ตีราคาหุ้นต่ำเข้าไว้ ท่อส่งก๊าซก็ยกให้ฟรี พอเข้าตลาดราคาขึ้นเป็นกระทิง กำไร 10 เท่าตัว เอาให้ทรัสตีมาซื้อหุ้นบริษัทลูก เรคกูเลเตอร์เราก็ป่าวประกาศว่า ปตท. รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ แต่ไม่พูดถึงบริษัทลูกว่าเป็นของใคร แล้วยังมหากาพย์ เรื่องทวงคืนท่อก๊าซอีกล่ะ ศาลสั่งให้คืนก็คืนไม่ครบ จ่ายค่าเช่าท่อให้ธนารักษ์หนึ่งหมื่นล้าน นำมาเพิ่มค่าเช่าท่อก๊าซได้เงินไปอีกสองแสนล้านบาท แล้วใครจ่าย โถ! ก็ใครซื้อก๊าซก็จ่ายค่าเช่าท่อที่เพิ่มขึ้นสิ เอ็นจีวี เลยต้องขึ้นราคาอีกกิโลละ สองบาท
แล้วเรคกูเลเตอร์ของเรายอมให้ ปตท. แผลงฤทธิ์ขนาดนี้ได้อย่างไร ก็เป็นบอร์ดทั้งบริษัทแม่ บริษัทลูกร่วมสิบแห่ง เดินเข้าเดินออกรับเบี้ยประชุมทั้งสิบบริษัท เดือนละ 2 – 10 ล้านบาท ก็ไม่มีเวลาจะคิดทำอะไรแล้ว ได้แต่พูดตาม ปตท. เป็นเสียงเดียว และจะแก้อย่างไร? อันที่จริง กฎหมาย ปปช. มาตรา 100 ก็ห้ามเรคกูเลเตอร์ไปมีส่วนได้ส่วนเสียอยู่แล้ว พรบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ก็ห้ามผู้มีส่วนได้ส่วนเสียพิจารณาในเรื่องที่ตนมีส่วนได้ส่วนเสีย แต่มีการออกฎหมายยกเว้นให้บอร์ด ปตท. ในข้อห้ามของ ปปช. และวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้ เราจึงไม่มีเร็คกูเลเตอร์ที่กำกับด้านพลังงาน เพียงแค่มีปากต่อยหอยของโฆษก ปตท. เท่านั้น แก้ง่ายมากยกเลิกกฎหมายคุณสมบัติกรรมการรัฐวิสาหกิจของ ปตท. เสีย บังคับใช้กฎหมาย ปปช. มาตรา 100 กับพรบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองอย่างจริงจัง คุณต้องเลือกจะเป็นเรคกูเลเตอร์ หรือจะเป็นปากต่อยหอยโฆษก ปตท. ก็เลือกเอา ถ้าเลือกเป็นเรคกูเลเตอร์ กินเงินเดือนหลวงหลักหลายหมื่นแต่อย่างเดียว แต่ถ้าเลือกจะเป็นปากต่อยห่อยโฆษก ปตท. ถ้าคุณไม่เป็นเรคกูเลเตอร์ ปตท. คงจ่ายคุณเดือนละหลักล้านอยู่หรอก ขอยืนยันว่าเพียงตัดนายหน้าที่สิงคโปร์ออก และบังคับใช้กฎหมายป้องกันการผูกขาดอย่างจริงจัง น้ำมันลดได้ ลิตรละ 5 บาท ถ้าตกลงสัญญาสัมปทานใหม่ที่เหมาะสม แบ่งกันรัฐจะเอาน้ำมันกี่ส่วนบริษัทรับสัมปทานจะเอาน้ำมันกี่ส่วน ส่วนของบริษัทน้ำมันเชิญขายในราคาตลาดโลกตามถนัด ส่วนของรัฐขายในประเทศก็ขายในราคาที่คนไทยจะโชติช่วงชัชวาล ก็เป็นของรัฐแล้ว รัฐพอใจจะขายเท่าก็เป็นเรื่องของรัฐที่ค้าเสรี ราคาน้ำมันจะลดลงได้อีก 15 บาท น้ำมันลดลงครึ่งหนึ่ง นี่คือการคืนความสุขให้คนไทยอย่างแท้จริง
ก่อนจบ คำถามสำหรับวันนี้ นายกคนหนึ่งสั่งให้ขายหุ้น ปตท.40% ให้นิติบุคคลต่างประเทศโดยตีราคาต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์แถมยกท่อส่งให้ฟรี แล้วไปให้นิติบุคคลต่างประเทศซื้อหุ้นแทนตน เมื่อหุ้นวิ่งเป็นกระทิงก็เทขายทำกำไร เอากำไรไปซื้อตั๋วน้ำมันในตลาดล่วงหน้าที่นิวยอร์คในราคา 147 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล หวังว่าจะให้โรงกลั่นรับซื้อในราคา 170 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำกำไร แต่เผอิญน้ำมันราคาดิ่งเหลือ 97 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล ในวันที่เรือน้ำมันเข้าเทียบท่า ทำให้ต้องขาดทุนไปประมาณ 140,000 ล้านบาท ที่จะออกทำธุรกิจทั่วโลกจึงต้องหลบกลับมากำกับรัฐบาลใหม่อีกครั้ง โดยมีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือคณะรัฐบาลและข้าราชการ เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากกิจการของรัฐ ถ้าท่านยังไม่รู้และยังให้เขาสามารถใช้สิงคโปร์เป็นฐานให้คนไทยใช้น้ำมันราคาแพงเป็น 2 เท่าของมาเลเซียอยู่ละก็ ท่านปราบเขาไม่ตาย รับรองว่าเงินจากคนไทยที่ใช้น้ำมันแพงได้กลับเข้ามาซื้ออำนาจรัฐอีก
