xs
xsm
sm
md
lg

นักเรียนเก่าตอก"มะกัน" แทรกแซงไทย ประยุทธ์ไม่สนระงับความร่วมมือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ส่งทหาร-ตำรวจ ตรึงกำลัง 38 กองร้อย คุมพื้นที่ 8 จุดเสี่ยง ที่จะมีการชุมนุมต่อต้าน คสช. แฉ "ลายจุด" ตัวการนัดมวลชน ชุมนุมหน้าห้างเทอร์มินอล 21 ผ่านทางเฟซบุ๊ก มาแค่ 100 กว่าคน แต่รีบสลายตัวเมื่อทหารเข้าประชิด รวบสาวใหญ่วัย 50 ปี เขียนข้อความว่า "People" ปิดบังใบหน้าป่วน "ประยุทธ์" ไม่หวั่น "มะกัน-ออสซี่" ระงับความร่วมมือ นัดถกคณะ คสช. วันนี้ ขณะที่นักเรียนเก่าโต้รัฐบาลสหรัฐฯ แทรกแซงไทย

จากกรณีที่ฝ่ายความมั่นคง โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้ประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่อต้านการทำรัฐประหาร ที่มีการข่าวว่าจะรวมตัวกัน 8 จุด ในวันที่ 1 มิ.ย. คือ ที่ ราชประสงค์ อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สี่แยกเทพารักษ์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อนุสาวรีย์ปราบกบฏหลักสี่ เซ็นทรัลบางนา และซีคอนสแควร์

ทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ทำการปิดการจราจร ในเส้นทางที่จะเข้าสู่พื้นที่ดังกล่าว พร้อมทั้งได้จัดกำลังตำรวจ-ทหาร ทั้งสิ้น 38 กองร้อย ดูแลทั้ง 8 จุด พร้อมทั้งจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว หากมีการชุมนุมในจุดอื่น

พล.ต.องสมยศ กล่าวว่า การนัดชุมนุมทางการเมือง ที่แยกราชประสงค์ ได้วางมาตรการรองรับการบังคับใช้กฎหมาย โดยจะปิดถนนทุกเส้นทางที่จะผ่านเข้าสี่แยกราชประสงค์ และประชาชนที่จะเดินผ่านย่านราชประสงค์ จะต้องแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ เว้นแขกที่จะเข้าพักโรงแรม ให้จัดเจ้าหน้าที่ของโรงแรมประจำจุดตรวจคอยอำนวยความสะดวก นอกจากนั้น จะปิดการสัญจรบนสกายวอล์ก ตั้งแต่เวลา 09.00 น. จนจบภารกิจ ส่วนรถไฟฟ้าบีทีเอส งดจอดสถานีชิดลม เพลินจิต และราชดำริ

**"ลายจุด"นัดม็อบหน้า"เทอร์มินอล 21"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงใกล้เที่ยง ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร ประมาณ 100 คน รวมตัวกันบริเวณทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสถานีอโศก - ห้างเทอร์มินอล 21 เพื่อแสดงเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านการรัฐประหารในครั้งนี้ ซึ่งมีทั้งการชูป้ายผ้ากระดาษ เขียนข้อความไม่เอาทหาร เล่นดนตรี และใช้สัญลักษณ์การชู 3 นิ้ว ซึ่งสื่อถึง เสรีภาพ อิสรภาพ สันติภาพ โดยมีกำลังทหาร และตำรวจประมาณ 2 กองร้อยได้พยายามกระชับขอคืนพื้นที่ แต่กลุ่มผู้ชุมนุม กลับต่อต้านรุนแรงขึ้น ด้วยการโห่ร้อง และขยับเข้าประชิดกำลังเจ้าหน้าที่ จนเจ้าหน้าที่ต้องถอยออกมาตั้งรับบริเวณด้านหน้าโรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท

จากนั้น กำลังทหารได้เข้าควบคุมพื้นที่บริเวณด้านหน้าห้างเทอร์มินอล 21 ทั้งหมด และสั่งปิดทางขึ้น - ลงรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีอโศก จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ขณะที่ทางศูนย์การค้า ได้ประกาศปิดให้บริการแล้ว เช่นเดียวกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อโศก ที่ปิดทางเข้าออกฝั่งที่เชื่อมต่อกับศูนย์การค้า จึงใช้บริการได้เพียงฝั่งเดียวคือ ฝั่งที่เชื่อมต่อกับรถใต้ดินเอ็มอาร์ที

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมใช้เวลาในการชุมนุมแสดงสัญญลักษณ์ไม่นาน ก็สลายตัวไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.40 น. นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ขอให้ผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร ไปพบกันที่ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21

** ลดกำลัง จนท.ดูแลย่านราชประสงค์

อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่าย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตรง ได้เดินทางมายังพื้นที่แยกราชประสงค์ เพื่อตรวจตราความเรียบร้อย และกล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการปรับยุทธวิธีการดูแลความเรียบร้อยบริเวณแยกราชประสงค์ แยกเฉลิมเผ่า แยกชิดลม และราชดำริ โดยให้เหลือกำลังทหาร 4 กองร้อย จากเดิม 9 กองร้อย ตำรวจเหลือ 3 กองร้อย จากเดิม 4 กองร้อย เนื่องจาก ผบ. เหตุการณ์ฝ่ายทหาร ประเมินสถานการณ์ขณะนี้ว่า น่าจะคลี่คลาย ไม่น่าจะมีการชุมนุมในบริเวณนี้

ทั้งนี้ จากเดิมที่จะปิดการจราจร 4 จุด ก็ได้ผ่อนปรนให้รถที่ไม่มีผู้ชุมนุมผ่านได้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ในส่วนของประชาชนที่จะเดินผ่าน เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมแฝงตัวมา และหากบุคคลใดแสดงสัญลักษณ์ต้านรัฐประหาร เจ้าหน้าที่จะจับกุมทันที ส่วนรถไฟฟ้าบีทีเอส จะยังงดจอดใน 3 สถานี ได้แก่ สถานีเพลินจิต ชิดลม และราชดำริ ตามเดิมจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อว่า แม้สถานการณ์จะคลี่คลาย แต่เจ้าหน้าที่ยังคงไม่วางใจ จะยังคงเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ นอกเครื่องแบบไว้ ส่วนอื่นๆ จะเข้าไปอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ ขอยืนยันการตั้งจุดตรวจตามแยกต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และลดความสูญเสีย นอกจากนี้ ยังได้ประสานไปยังผู้บริหารร้านแมคโดนัล เพื่อขอทราบจำนวนสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อที่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปสังเกตการณ์ด้วย ขณะที่ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่ปิดบริการนั้น ขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้สั่งให้ปิดแต่อย่างใด แต่ผู้ประกอบการปิดเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์การชุมนุมโดยรวม ยังคงปกติ มีการสัญจรไปมาโดยรอบ ร้านค้าหลายร้านยังคงเปิดให้บริการ ขณะที่บางร้านปิดเนื่องจากหวั่นเกรงสถานการณ์ทางการเมือง ส่วนบรรยากาศที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ร้านค้าหลายร้านปิดไม่เปิดขายของทำให้บรรยากาศเงียบเหงา ผู้คนไม่เดินทางสัญจรคับคั่งอย่างที่เคยเป็น และยังไม่มีกลุ่มต่อต้านรัฐประหาร ออกมาแสดงสัญลักษณ์แต่อย่างใด เช่นเดียวกับจุดอื่นๆ ที่ฝ่ายความมั่นคงคาดการณ์ว่าจะมีการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านรัฐประหาร ก็ไม่มีการชุมนุมแต่อย่างใด

**ทหารจับสาวใหญ่วัย 50 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ได้จับกุม หญิงสาวที่ แสดงออกทางสัญลักษณ์ในการต่อต้านรัฐประหาร โดยเบื้องต้นทราบว่ามีอายุประมาณ 50 ปี สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กางกางสีเข้ม ใส่หมวกสีขาว สะพายกระเป๋าสีขาว เดินทางมาแสดงออกทางสัญลักษณ์ต่อต้านการยึดอำนาจ โดยมีกระดาษเขียนข้อความว่า “People” ปิดบังบริเวณใบหน้า พร้อมยกมือ และชู 2 นิ้ว อยู่บริเวณแยกแยกราชประสงค์ ก่อนจะเดินเท้ามุ่งหน้าแยกประตูน้ำ

ภายหลังถูกคุมตัวส่ง สน.ลุมพินี เพื่อทำการสอบสวน ก่อนส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ทหารดำเนินการ ทั้งนี้ขณะถูกควบคุมตัว หญิงคนดังกล่าว ได้ตะโกนร้อง "ช่วยด้วย" และ “help me”เพื่อขอให้คนช่วย พร้อมถามเจ้าหน้าที่ว่า ทำผิดอะไร ตนเองมาคนเดียว ขณะที่กฎหมายห้ามชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไป แต่ไม่ประสบผล ถูกควบคุมตัวในที่สุด

**ไม่สน 'มะกัน-ออสซี่' ระงับร่วมมือ

พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ประเเทศออสเตรเลีย ประกาศลดระดับความร่วมมือทางการทหารกับไทยว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวจากกระทรวงการต่างประเทศแล้ว รวมถึงมีการห้ามผู้นำทางทหารของกองทัพไทยเข้าประเทศออสเตรเลียด้วย ซึ่งทางกองทัพของไทย มีความเข้าใจ และพยายามใช้ทุกช่องทางที่มี อธิบายกับทุกประเทศให้เข้าใจและพยายามหาทางผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆ

ทั้งนี้เราไม่ได้ตกใจ แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมาไทย สหรัฐฯ และออสเตรเลีย มีความร่วมมือทางทหารค่อนข้างมาก แต่ต้องเข้าใจว่าการทหารของทั้งสองประเทศ ผูกพันกับรัฐสภาของเขา เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นทางรัฐสภาของเขาก็ต้องมีการประชุมทบทวนความช่วยเหลือต่างๆ ทั้งนี้ความสัมพันธ์ทางทหารของไทยและสหรัฐฯ มีมายาวนาน 185 ปี และไทยกับออสเตรเลีย ยาวนานกว่า 60 ปี กองทัพหวังว่า ต่างประเทศจะเข้าใจ และทบทวนมาตรการต่างๆต่อไป แม้ว่าความร่วมมืออื่นๆ จะลดลงตาม

พ.อ.วีรชน กล่าวต่อว่า ส่วนประเทศในอาเซียนก็มีความเข้าใจ และมีการออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วง แต่กฎ กติกา ของอาเซียนนั้น จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศใดประเทศหนึ่ง

**นักเรียนเก่าโต้มะกันแทรกแซงไทย

ที่สมาคมนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกา ตึกจามจุรีสแควร์ คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี นายกสมาคมนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกา และคณะกรรมการสมาคม อาทิ นายสุวิทย์ ยอดมณี อดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ อดีต ส.ว. นายขจิต สุขุม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างประเทศ คุณหญิงวินิตา ดิถียนต์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ร่วมกันแถลงข่าว ตอบโต้สหรัฐอเมริกา จากการที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาแถลงว่า ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทย และกระตุ้นให้มีการเลือกตั้งให้เร็วที่สุดโดยเห็นว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องชะลอการเลือกตั้งออกไป และยังมองว่าโรดแมปของ คสช.ไม่มีความชัดเจน

**คสช.ไม่ใช้ทำเนียบฯ เป็นที่ทำงาน

พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค ยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีการใช้ทำเนียบรัฐบาลในการทำงานว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่มีนโยบายใช้ทำเนียบรัฐบาล เป็นสถานที่ทำงาน โดยยังคงใช้สถานที่ของกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน เป็นศูนย์กลางในการทำงาน และเชิญผู้แทนของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาในบก.ทบ. ในส่วนของหน่วยงานที่ใช้สถานที่ทำเนียบรัฐบาลทำงาน ก็ยังคงเป็นหน่วยงานเดิมที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาล เช่น สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น

พ.อ.วีรชน ยังกล่าวถึง กรณีที่มีกลุ่มต่อต้านทหารจะออกมาเคลื่อนไหวในหลายพื้นที่ของกทม. ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าว อย่างใกล้ชิด

ส่วนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารนั้น มีแผนในการรับมือตามสถานการณ์ ส่วนแผนจะเป็นอย่างไรนั้น ขอให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ในพื้นที่เป็นผู้ประเมินสถานการณ์ โดยใช้ขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง

**"ประยุทธ์" ถกคณะ คสช.เช้าวันนี้

พ.อ.ณัฐวัฒน์ จันทร์เจริญ รองโฆษกคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.)กล่าวว่า ในวันนี้ (2 มิ.ย.) เวลา 08.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคสช. ได้เชิญรองหัวหน้าคสช. ประกอบด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.ทหารสูงสุด พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. รวมถึง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผบ.ทบ. ในฐานะ เลขาธิการ คสช. เพื่อประชุมหารือ ภายหลังจากที่ได้ให้หัวหน้าหน่วยต่างๆได้ไปประชุมส่วนย่อยทั้ง 7 กลุ่มงานที่ได้รับผิดชอบในช่วงที่ผ่านมา

โดยเฉพาะกลุ่มงานเศรษฐกิจ ซึ่ง หัวหน้าคสช.ได้ใหความสำคัญ เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการแก้ไขให้เร็วที่สุด จึงได้มีการเชิญ สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานกระทรวงการคลัง เพื่อบรรยายสรุป ผลงานดำเนินการที่ผ่านมา รวมถึงแผนงานเร่งด่วน แผนการจัดการ การบูรณาการ เสนอเป็นโรดแมป เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการปฏิบัติต่อไป

ส่วนการประเมินสถานการณ์ประจำวันนั้น คสช. มีการประชุมทุกวันอยู่แล้ว เพราะยังมีกลุ่มต่อต้าน ซึ่งหัวหน้า คสช. ได้เน้นย้ำให้เจรจาและทำความเข้าใจเป็นหลัก และขอความกรุณาให้ คณะคสช. ได้ทำงานแก้ปัญหาบ้านเมือง รวมถึงปัญหาปากท้องของประชาชนก่อน
"อยากให้กลุ่มต่อต้าน ได้เห็นถึงความตั้งใจจริงและรอดูผลงานของ คสช.ก่อนว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติหรือไม่ และถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้ ขอให้มั่นใจว่า คสช.จะคืนอำนาจ จัดให้มีการเลือกตั้งอย่างแน่นอน" รองโฆษกคสช. ระบุ

**“ปู” ขอบคุณทุกกำลังใจที่ห่วงใย

วานนี้ (1 มิ.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเห็นผ่านทางเฟซบุ๊กYingluck Shinawatra ระบุว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลง หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา และมีหลายท่านแสดงความห่วงใย และถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบ ดิฉันจึงขอใช้โอกาสนี้ ขอบคุณในความห่วงใยของพ่อแม่พี่น้องทุกท่านที่ได้ส่งผ่านมา ทั้งผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก และผ่านสื่ออื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ดิฉันจึงขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ดิฉันมาโดยตลอดค่ะ และขอเป็นกำลังให้กับพี่น้องคนไทยทุกคนมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ

**ให้ประกันสาวใหญ่พ่นสีรถทหารแล้ว

เมื่อเวลา 10.30 น. (31 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท ควบคุมตัว น.ส.พรรณมณี ชูเชาวน์ อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเทคโนโลยีเผยแพร่พัฒนาบุคลากร กระทรวงศึกษาธิการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ เลขที่ ก1/2557 ลงวันที่ 30 พ.ค.57 ในข้อหาร่วมกันฝ่าฝืน ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามฉบับที่ 7/2557 ห้ามมิให้มั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานฯ นำตัวฝากขังที่ศาลทหารกรุงเทพ โดยน.ส.พรรณมณีได้ใช้สีสเปรย์พ่นใส่กระจกรถฮัมวี่ของเจ้าหน้าที่ทหาร จนเกิดความเสียหาย ในระหว่างที่มีเหตุชุลมุนที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.พรรณมณี ยังมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมชู 2 นิ้ว ให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ พร้อมกล่าวเพียงสั้นๆว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา นอนหลับปกติ ไม่ได้คิดอะไรมาก ขณะเดียวกันได้คุยปรึกษากันกับญาติเกี่ยวกับเรื่องประกันตัว และคงต้องไปดำเนินการในชั้นศาลทหาร แต่ก็ยังไม่ทราบว่า ทางศาลทหารจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ โดยได้เตรียมเอกสารรวมถึงหลักทรัพย์พร้อมไว้หมดแล้ว
ด้านพ.ต.ท.วิทยากร สุวรรณเรืองศรี พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สน.พญาไท กล่าวว่า ตามที่เจ้าหน้าที่ทหารมาแจ้งความร้องทุกข์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เจ้าพนักงานได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหาย โดยทางเจ้าหน้าที่ทหารได้นำหลักฐานเป็นภาพถ่ายบุคคลที่ก่อเหตุในวันและเวลาดังกล่าวมาแจ้งความด้วย ทางพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นขออนุมัติหมายจับบุคคลที่ปรากฏตามภาพ กับศาลทหารทั้งหมด 14 คน ขณะนี้สามารถจับกุมได้แล้ว 1 คน คือ น.ส.พรรณมณี ทางพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวส่งฝากขังศาลทหาร โดยไม่ได้ทำเรื่องคัดค้านการประกันตัว ซึ่งฝ่ายผู้ต้องหาต้องไปดำเนินการตามขั้นตอนที่ศาลทหาร และขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 13 คนยังไม่ทราบชื่อ และอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าล่าสุด ศาลทหารกรุงเทพ อนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว นางสาวพรรณมณี ชูเชาว์ อายุ 42 ปี ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ต้องหาตามหมายจับ กรณีพ่นสีสเปรย์ใส่รถฮัมวี่ทหาร ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยตีวงเงินประกันเงินสด 40,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามชุมนุมและแสดงความคิดเห็นใดๆ ทางการเมือง และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

ทั้งนี้ ภายหลังได้รับการประกันตัว น.ส.พรรณมณี มีสีหน้าสดใส และได้ถ่ายภาพคู่กับทนายความ และเจ้าหน้าที่ทหาร ก่อนที่จะถูกปล่อยตัว

**ตรวจเข้มยาเสพติดเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกคำสั่งที่ 41/2557 เรื่อง การปราบปรามและการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด
เพื่อให้การบริหารราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนและสังคมโดยรวม คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

1. ให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และชุดปราบปรามยาเสพติดของทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามและจับกุมผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้นำเข้าและส่งออก รวมทั้งผู้สมคบและสนับสนุนช่วยเหลือ ให้ได้ผลอย่างจริงจังในทุกพื้นที่ สกัดกั้นการลอบนำเข้ายาเสพติดตลอดแนวชายแดน ปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดในทุกหมู่บ้านและชุมชนทั่วประเทศ และใช้มาตรการตรวจสอบเพื่อยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้องทั้งระบบ

2. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบควบคุมตรวจสอบสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ ที่พักอาศัยในเชิงพาณิชย์ประเภทหอพัก อาคารชุด หรือ เกสต์เฮาส์ ที่ให้ผู้อื่นเช่า ส่านที่ที่จัดให้มีการเล่นบิลเลียด สนุกเกอร์ รวมทั้งโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและสถานประกอบการอื่นๆ หากพบว่ามีการปล่อยปละละเลยให้มีการซุกซ่อน จำหน่าย และเสพยาเสพติด ให้ดำเนินการลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับเจ้าของหรือผู้ประกอบการในทันที

3. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบนำผู้เสพยาเสพติดเข้ารับการบำบัดรักษาโดยทันที และติดตาม ดูแล ให้การช่วยเหลือผ่านการบำบัด ให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติทั้งในด้านการศึกษาและการประกอบอาชีพ โดยประสานงานกับทุกองค์กรที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคประชาชน และองค์กรชุมนุมได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานดังกล่าวอย่างจริงจัง

4. เจ้าหน้าที่ของรัฐคนใดปล่อยปละละเลย หรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จะต้องถูกดำเนินการทางวินัยและทางอาญาทันที

5. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดติดตามผลการดำเนินงานตามข้อ 1-4 และรายงานผลการปฏิบัติให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

**ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีเลือกตั้งต่อ

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกประกาศฉบับที่ 51/2557 เรื่อง การพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น

ตามที่ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง การสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แล้วนั้น เพื่อให้ศาลอุทธรณ์สามารถดำเนินการพิจารณาและพิพากษาคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นต่อไป คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศดังต่อไปนี้

ให้ศาลอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาคมีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น ในกรณีที่ประกาศผลการเลือกตั้งแล้วต่อไป ทั้งนี้ วิธีพิจารณาและวินิจฉัยคดีดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบที่ประชุมศาลฏีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2550 ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 31 พ.ค.57 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.

**ทหารเชียงใหม่-น่านคุมสถานการณ์

ที่ จ.เชียงใหม่ หลังมีกระแสข่าวกลุ่มต่อต้านรัฐประหารได้นัดออกมาชุมนุมใหญ่ทั้งในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัดทั่วประเทศใน วันที่ 1 มิ.ย. ทางเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมกำลังตำรวจกว่า 300 นาย ได้มีการจัดกำลังเข้าดูแลความสงบบริเวณภายในศาลากลางจังหวัดอย่างเข้มงวด พร้อมกับมีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามสถานที่สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานกงสุล และคลังน้ำมัน เป็นต้น

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้มีการวางมาตรการเตรียมพร้อมรับมือการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านรัฐประหารหากมีการนัดหมายชุมนุมใหญ่ต่อต้านการรัฐประหารบที่ริเวณใดก็จะได้มีการใช้มาตรการทางกฎหมายควบคุมอย่างเข้มงวด โดยจะมีการนำตัวขึ้นศาลทหารในทันที
ด้าน พล.ต.วิจักข์ สิริบรรสพ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกน่าน ในฐานะผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบจังหวัดทหารบกน่าน และนายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมผู้บังคับบัญชาหน่วยทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กระจายกำลังลงพื้นที่ตรวจด่าน 27 แห่ง ครอบคลุมทั้ง 15 อำเภอ ทั่วทั้งจังหวัด ซึ่งแต่ละด่านมีทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่รักษาความสงบเรียบร้อยของแต่ละพื้นที่เพื่อเร่งสร้างทำความเข้าใจกับแกนนำและมวลชนให้เข้าใจอย่างถูกต้องหาหากจะเดินทางไป กทม. เพราะอาจหมิ่นเหม่ต่อการฝ่าฝืนคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

**กลุ่มต้านคสช.เชียงรายเงียบกริบ

ส่วนที่ จ.ลำปาง พล.ต.พัฒนา มาตร์มงคล ผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จังหวัดทหารบกเชียงราย นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.เชียงราย ได้ออกตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ที่ประจำตามจุดสำคัญในพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวและป้องกันกลุ่มคนที่จะออกมาต่อต้าน คสช.

โดยเจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดสกัดทั้งสิ้น 7 จุด โดยแต่ละจุดมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเอาไว้พร้อมสรรพ ปรากฏว่า ตลอดทั้งวันไม่มีกลุ่มต่อต้านออกมาเคลื่อนไหวตามที่เป็นกระแสแต่อย่างใด ขณะที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ถูกปล่อยออกจากการควบคุมตัวที่ค่ายเม็งรายมหาราชมาแล้วหลายคน เช่น น.ส.จิรนันท์ จันทวงษ์ และนายออด สุขตะโก ก็ไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวเช่นกัน

**ลำปางตั้งด่านเข้ม 5 จุดไร้ม็อบต้าน

ที่ จ.ลำปาง พล.ต.อุกฤษณ์ อากาศวิภาต ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย มณฑลทหารบกที่ 32 (ผบ.มทบ.32) พร้อมคณะ ได้ออกตรวจพร้อมมอบน้ำดื่มให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตามจุดตรวจต่างๆ หลังจากที่ได้มีการจัดกำลังเพื่อป้องกันเหตุ การชุมนุมของมวลชน โดยจุดแรกได้เข้าตรวจที่ศาลากลางจังหวัดลำปาง ตรึงกำลังกว่าร้อยนาย ทั้งตำรวจ และ อส. โดยศาลากลางจังหวัดลำปางได้เปิดประตูเพียงหนึ่งประตูเพื่อใช้ในการเข้า-ออกเท่านั้น หลังจากนั้นทางคณะได้ออกตรวจจุดที่เข้าออก กฟผ.แม่เมาะ ถือว่าเป็นจุดสำคัญและเสี่ยงภัยอีกแห่งหนึ่ง รวมถึงจุดเข้า-ออกตัวเมืองลำปาง ได้มีการตั้งจุดตรวจเข้มทั้งหมดรวม 5 จุด

สำหรับบรรยากาศโดยทั่วไปของจังหวัดลำปาง เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่มีกลุ่มผู้ต่อต้านออกมารวมตัวหรือออกมาต่อต้านการทำรัฐประหารแต่อย่างใด ผบ.มทบ.32 ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในการทำงานพร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มงวดกวดขันและอดทน เพื่อให้บ้านเมืองกลับมาสู่ความสงบสุขโดยเร็ว

**กำแพงเพชรสกัดขนมวลชน-อาวุธ

ทางด้านกองกำลังทหารราบที่ 14 พัน 3 ค่ายวชิรปราการ จ.ตาก พร้อมตำรวจกำแพงเพชร และ อส.ได้สนธิกำลังตั้งด่านตรวจค้นที่บริเวณถนนสายหลักทุกสายในเขตเทศบาลเมืองกำแพงเพชร ที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการเคลื่อนย้ายมวลชน และการจับกลุ่มรวมตัวคัดค้านต่อต้านการรัฐประหาร หลังประกาศกฎอัยการศึก โดยมีการผลัดเปลี่ยนกำลังตรวจค้นอย่างเข้มงวด ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่จะลักลอบขนอาวุธสงคราม วัตถุระเบิด นำไปก่อเหตุความรุนแรง รวมทั้งสกัดกั้นไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายกลุ่มมวลชนร่วมชุมนุมสร้างความวุ่นวายในจังหวัดด้วย

นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดกำลังเฝ้าระวังตามจุดสำคัญต่าง ๆ ด้วยเช่น ศูนย์ราชการจังหวัดกำแพงเพชร หน้าสิริจิตอุทยาน หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองกำแพงเพชร จุดตรวจจุดสกัดหน้า TKC หน้า กศน. และ หน้าขนส่ง บขส. พร้อมกันนี้ยังได้มีคำสั่งให้ตำรวจ ทหาร และ อส.เตรียมพร้อมในที่ตั้ง สภ.เมืองกำแพงเพชรด้วย

เบื้องต้นการตั้งจุดตรวจค้นยังไม่พบการลักลอบขนอาวุธ สิ่งผิดกฎหมาย และการเคลื่อนย้ายมวลชนแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่จะมีการตรวจค้นอย่างต่อเนื่อง ไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

**"ตร.-ทหารกาฬสินธุ์" รปภ.เข้มศาลากลาง

ส่วนที่ จ.ขอนแก่น พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รักษาราชการแทน ผบช.ภ.จว.ภาค 4 ได้เรียกประชุมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในสังกัด 10 จังหวัดภาคอีสานตอนบนเพื่อรับทราบแนวทางการรับมือกลุ่มมวลชนต่อต้านรัฐประหาร พร้อมให้มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้ารายงานความเคลื่อนไหวทุกๆ 1 ชั่วโมง

ขณะที่บริเวณศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เจ้าหน้าที่ได้มีการปิดประตูทางเข้า-ออกทั้ง 4 ทาง พร้อมนำป้ายเขตหวงห้ามเด็ดขาดมาติดบริเวณประตู โดยเปิดประตูชั่วคราวบริเวณฝั่งตรงข้ามศาลาประชาคม แต่อนุญาตให้เฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้า-ออกเท่านั้น โดยมีการวางกำลังทหาร ตำรวจ และ อส.กว่า 200 นาย พร้อมลวดหนามเพื่อเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น

ส่วนตามสี่แยกในเขตเทศบาลนครขอนแก่น และหน้าธนาคารแห่งประเทศไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีกำลังทหารพร้อมอาวุธประจำจุดเพื่อรักษาความปลอดภัยด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกับ พบเริ่มความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาที่เตรียมออกมาเคลื่อนไหวบริเวณศาลากลางจังหวัดและศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ขอนแก่น

**ทหารอุบลฯเอาจริง-บ่อนปิดเงียบ

ที่ จ.อุบลราชธานี มีการวางกำลังผสมทหารจากกรมทหารราบที่ 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ตำรวจ และ อส.กว่า 300 นาย บนถนนแจ้งสนิท ฝั่งขาเข้า อ.เมืองอุบลราชธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลปกครอง และศาลากลางจังหวัด 5 จุด อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวันหน่วยงานด้านความมั่นคงรายงานว่าไม่พบความเคลื่อนไหวทั้งแบบเปิดเผยและใต้ดินแต่อย่างใด เพราะอดีตแกนนำกลุ่มเสื้อแดง และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ประกาศไม่สนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองในระยะนี้ เพราะเกรงกลัวความผิดตามกฎอัยการศึกที่ประกาศใช้ทั่วประเทศ

ขณะเดียวกัน หลัง คสช.ประกาศไม่ให้มีการเล่นการพนันผิดกฎหมาย ปรากฏว่า บ่อนบาคาราออนไลน์ บ่อนไฮโลไฮเทค ซึ่งใช้เจ้ามือเป็นผู้หญิงไม่สวมเสื้อผ้า บ่อนพนันเบี้ยโบกและหวยใต้ดิน ซึ่งมีเกลื่อนในพื้นที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี และ อ.วารินชำราบ โดยมีนายตำรวจใหญ่จากส่วนกลางเป็นนายทุนมาเปิดได้พากันปิดกิจการ เพราะตำรวจในพื้นที่เกรงอำนาจทหารได้สั่งหยุดชั่วคราว ซึ่งชาวชุมชนจะได้ร่วมกันกดดันไม่ให้กลับมาเปิดได้อีก เพราะส่งผลกระทบต่อครอบครัว และสังคมต่อไปด้วย

**ทหารสนธิกำลัง จนท.อยุธยาตั้งจุดสกัดเข้ม

ด้าน จ.พระนครศรีอยุธยา กองกำลังทหาร ตำรวจ และ อส.กว่า 100 นายได้ร่วมกันตั้งจุดสกัดเพื่อรักษาความปลอดภัยทั้งภายในและภายนอกบริเวณหน้าศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นอกจากนี้ ยังได้มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่สำคัญต่างๆ อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะบริเวณถนนสายเอเชีย ด้านหน้าศูนย์ราชการฯ มีทหาร ตำรวจ และ อส.ตั้งด่านสกัดตรวจตรารถของผู้ที่เดินทาง โดยได้ทำการปิดทางคู่ขนานด้านในที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองจำนวน 1 ช่องทาง และเปิดให้เดินรถได้ 1 ช่องทาง ทำให้รถเคลื่อนตัวได้ช้าสลับหยุดนิ่ง ประตูทางเข้าของศูนย์ราชการฯ ถูกปิดให้รถสามารถเข้าออกได้เพียง 1 ประตู ส่วนภายในตัวอาคารของศูนย์ราชการฯ มีกองกำลังทหารกว่า 20 นาย คอยเฝ้าและเดินตรวจตราความเรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา

นอกจากนี้ ยังได้มีการกระจายกองกำลังทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ปกครอง กระจายตั้งจุดสกัดตามจุดต่างๆ ที่มีความเสี่ยงในพื้นที่ จ.พระครศรีอยุธยา รวมทั้งได้ย้ำให้นายอำเภอทั้ง 16 อำเภอ คอยติดตามสถานการณ์ภายในพื้นที่อย่างใกล้ชิดทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน

**ผบก.อ่างทองระดมกำลังเข้มที่ราชการ

ส่วนที่หน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทอง พล.ต.ต.สมศักดิ์ โอภาสเจริญกิจ ผบก.ภ.จว.อ่างทอง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจำนวน 1 กองร้อยพร้อมรถขยายเสียงเตรียมพร้อมดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณสถานที่ราชการ หลังมีกระแสข่าวกลุ่มมวลชนต่อต่านรัฐประหารเตรียมชุมนุมบริเวณหน้าศาลากลางทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ยังได้เตรียมเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วและสั่งให้ตั้งจุดตรวจทั่วจังหวัดอ่างทองเพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้มีการทำผิดกฎหมายและประกาศ คสช.โดยได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดเนื่องจากเกรงว่าจะมีมือที่สามอาศัยช่วงเวลานี้ก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ ขณะที่ความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนต่างๆ ในพื้นที่ จ.อ่างทอง ยังไม่พบความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด แต่ทางเจ้าหน้าที่ต้องเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง

**ทภ.2 เร่งสลายทุกสีเสื้อ สร้างปรองดอง

ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา พงอ.ชินกาจ รัตนจิตติ โฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้ประสานงานให้ทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดกิจกรรมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ตามนโยบาย คสช.ในการเดินหน้าขับเคลื่อนศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปประเทศ โดยจะมีการจัดกำลังทหารหน่วยต่างๆ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ, ฝ่ายพลเรือน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงพื้นที่ทำความเข้าใจ เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติทางการเมือง เริ่มตั้งแต่ระดับครอบครัว, หมู่บ้าน, ชุมชน, ตำบล, อำเภอ ไปจนถึงระดับจังหวัด

ทั้งนี้ ทางกองทัพภาคที่ 2 ไม่ได้เลือกปฏิบัติเฉพาะกลุ่มการเมืองใด แต่จะเน้นไปที่หมู่บ้าน หรือชุมชน ที่มีความแตกแยกทางการเมืองเป็นหลัก เพื่อสลายเสื้อทุกสีที่มีความแตกแยก ให้เป็นบรรยากาศการปรองดองของคนในชาติ ส่วนพื้นที่ จ.อุดรธานี ซึ่งมีความแตกแยกอย่างรุนแรงนั้น ถือว่าเป็นภารกิจที่เร่งด่วน ที่ทางกองทัพภาคที่ 2 ต้องดำเนินการทำความเข้าใจให้เร็วที่สุด เพื่อให้เป็นอุดรธานีโมเดล ก่อนขยายไปสู่จังหวัดอื่นๆ ต่อไป.
กำลังโหลดความคิดเห็น