00 มีพระบรมราชโองการโปรดกล้าฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรักษาคสามสงบแห่งชาติ (คสช.)แล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ 26 พ.ค. 57 นั่นก็มายความว่า ทุกอย่างเป็นทางการ สมบูรณ์แบบแล้ว และตามโครงสร้างอำนาจจากการรัฐประหาร ในฐานะหัวหน้า คสช. เขาก็มีอำนาจเต็ม เบ็ดเสร็จ เพียงผู้เดียว
00 ถามว่าแล้วยังไงต่อ คำตอบก็คือ ในภาวะที่บ้านเมืองต้องปฏิรูปกันอย่างขนานใหญ่แบบนี้ บางครั้งเราก็ต้องการ "ผู้นำที่เบ็ดเสร็จ" เด็ดขาด เพื่อนำพาไปสู่เป้าหมายให้สำเร็จโดยเร็ว บางครั้งเราก็ "ต้องเสี่ยง" เพราะหากใช้กลไกตามปกติ ใช้วิธีประชาธิปไตยจอมปลอม ฉาบฉวย แบบที่เคยเป็นอยู่ก่อนการรัฐประหาร ต่อให้ชาติหน้าก็ไม่มีทางสำเร็จ มิหนำซ้ำด้วยบรรยากาศอย่างที่เป็นอยู่ มันก็เสี่ยงต่อการจลาจลวุ่นวาย เพราะฝ่ายระบอบทักษิณ ก็จะพยายามขัดขวางรักษาอำนาจที่มีอยู่ทุกวิถีทาง โดยอ้างประชาธิปไตยที่เน้นเลือกตั้งแบบที่พวกเขาผูกขาดเอาไว้ได้อยู่ร่ำไป
00 การประกาศเป็น "สัญญาประชาคม" ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังการยึดอำนาจไม่กี่ชั่วโมงว่า ต้อง "ปฏิรูปทุกภาคส่วน" นั่นคือ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง และต้องทำให้เสร็จก่อนแล้วถึงจะมีการเลือกตั้ง นั่นหมายความว่า เขาเข้าใจ และที่สำคัญรู้ดีว่าความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ต้องการ "ปฏิรูป" จึงนำไปสู่การประกาศเป็นพันธสัญญาดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีถ้อยคำที่ระบุในพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า คสช. ตอนหนึ่งที่มีการนำความกราบบังคมทูลว่า "ตลอดจนเพื่อปฏิรูปโครงสร้างทางการเมืองและอื่นๆ อันก่อให้เกิดความชอบธรรมให้ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย" ทุกอย่างจึงชัดเจนถึงเป้าหมาย จึงน่าจะวางใจได้ถึงแนวทางข้างหน้า
00 เชื่อว่าประชาชนกำลังรอดูการทำงานของ คสช. ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะเป็นไปตามที่ให้สัญญาเอาไว้หรือเปล่า ถ้าทำได้และทำจริงจัง จริงใจ นั่นก็จะกลายเป็นพลังสนับสนุนอันแข็งแกร่ง และที่สำคัญต้องให้เห็นผลเร็ว ขณะเดียวกันบางครั้งห้วงเวลาแบบที่เรียกว่า "ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์" มันสั้นนัก เพราะหลังจากนี้จะเข้าสู่ของจริง ประสบการณ์จริง แต่เมื่อพิจารณาจากการลำดับการแก้ปัญหาเริ่มที่การสั่งจ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนา ถือว่า "เจ๋ง" มาก เกิดผลตามมาหลายเด้ง นั่นคือ "ได้ใจ" ไปเต็มๆ และแก้ปัญหาเศรษฐกิจ"ปากท้อง" เป็นลำดับแรก การเร่งทำงบ ประมาณปี 58 คงภาษีมูลค่าเพิ่ม เร่งรัดโครงการที่คั่งค้างให้เดินหน้า ความหมายก็คือให้ "กงล้อเศรษกิจ" ขับเคลื่อนไปได้ ซึ่งสำคัญที่สุดก็คือ เงินจำนำข้าวนี่แหละที่จะเป็นปัจจัยกระตุ้นจากฐานรากสำคัญ และเร่งด่วนที่สุด หลังจากหยุดนิ่งมานาน จากความห่วยแตกของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ที่ทุจริตทุกเมล็ด จนขาดทุนย่อยยับ ไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ชาวนา
00 เอาเป็นว่านาทีนี้คงไม่ควรที่จะแนะนำอะไร เพราะเขาน่าจะรู้ดีเข้าใจดี ต่อไปนี้เราจะนั่งดูเฉยๆ เฝ้ามองอย่างตั้งใจว่า คสช.จะทำตามสัญญาประชาคมเอาไว้ได้หรือไม่ เพราะทุกอย่างเอื้ออำนวย นั่นคือประชาชนส่วนใหญ่ให้กำลังใจ อย่าไปสนใจเสียงต่อต้านจากฝ่ายที่เสียประโยชน์ที่อ้างประชาธิปไตยปัญญาอ่อน เดินหน้าทำเพื่อคนส่วนใหญ่อย่างเดียว ซึ่งต้องพิสูจน์ให้เห็นชัดโดยเร็วเท่านั้นเอง เพียงแค่นี้ประวัติศาสตร์ก็จะจารึก อย่าทำให้ผิดหวังก็แล้วกัน !!
00 ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า ผลจากการเข้ามายึดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เที่ยวนี้ต้องกลายมาเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ ทักษิณ ชินวัตร อย่างเปิดเผยแล้ว ความหมายก็คือ ผลจากการยึดอำนาจคราวนี้เท่ากับว่า อำนาจและผลประโยชน์ของ ทักษิณ และครอบครัว ต้องสะดุดลง และมีแนวโน้มอย่างชัดเจนว่า ไม่อาจกลับมาแบบเดิม หรือแข็งแกร่งกว่าเดิมหลังจากการรัฐประหารปี 49 คราวนี้ เป็นเพราะประชาชนตื่นรู้มากมายมหาศาล สังเกตให้ดีว่า การทลายเครือข่าย ทลายคลังอาวุธ ล้วนเป็นของคนเสื้อแดง การขัดขืนต่อต้าน ก็ล้วนแต่เป็นเครือข่ายทักษิณ ทั้งสิ้น ล่าสุดการปิดล้อม จับกุมกองกำลังติดอาวุธเสื้อแดง ที่จังหวัดตราด ก็ทำให้ ทหารต้องพลีชีพไปหนึ่งราย มันยิ่งเห็นได้ชัดว่า หากปล่อยเอาไว้ต่อไปมันอันตรายต่อความมั่นคงของชาติจริงๆ ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่ เพื่อให้ "ภารกิจเพื่อการปฏิรูป" สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว
00 ในที่สุดก็ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นอัยการสำหรับแกนนำ กปปส. และแนวร่วมหลังจากถูกดำเนินคดีในข้อหากบฎ ในจำนวนนั้นแน่นอนต้องมี สุเทพ เทือกสุบรรณ โดยใช้หลักทรัพย์ประกันคนละหนึ่งแสนบาท จากนี้ไปก็จะถูกเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม และสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลอาญา ในวันที่ 28 มิ.ย. นั่นก็หมายความว่า พวกเขาก็จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ละคนก็จะได้พักเหนื่อย และรอดูการทำหน้าที่ปฏิรูปประเทศโดย คสช.กันต่อไป
00 ถามว่าแล้วยังไงต่อ คำตอบก็คือ ในภาวะที่บ้านเมืองต้องปฏิรูปกันอย่างขนานใหญ่แบบนี้ บางครั้งเราก็ต้องการ "ผู้นำที่เบ็ดเสร็จ" เด็ดขาด เพื่อนำพาไปสู่เป้าหมายให้สำเร็จโดยเร็ว บางครั้งเราก็ "ต้องเสี่ยง" เพราะหากใช้กลไกตามปกติ ใช้วิธีประชาธิปไตยจอมปลอม ฉาบฉวย แบบที่เคยเป็นอยู่ก่อนการรัฐประหาร ต่อให้ชาติหน้าก็ไม่มีทางสำเร็จ มิหนำซ้ำด้วยบรรยากาศอย่างที่เป็นอยู่ มันก็เสี่ยงต่อการจลาจลวุ่นวาย เพราะฝ่ายระบอบทักษิณ ก็จะพยายามขัดขวางรักษาอำนาจที่มีอยู่ทุกวิถีทาง โดยอ้างประชาธิปไตยที่เน้นเลือกตั้งแบบที่พวกเขาผูกขาดเอาไว้ได้อยู่ร่ำไป
00 การประกาศเป็น "สัญญาประชาคม" ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังการยึดอำนาจไม่กี่ชั่วโมงว่า ต้อง "ปฏิรูปทุกภาคส่วน" นั่นคือ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง และต้องทำให้เสร็จก่อนแล้วถึงจะมีการเลือกตั้ง นั่นหมายความว่า เขาเข้าใจ และที่สำคัญรู้ดีว่าความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ต้องการ "ปฏิรูป" จึงนำไปสู่การประกาศเป็นพันธสัญญาดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีถ้อยคำที่ระบุในพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า คสช. ตอนหนึ่งที่มีการนำความกราบบังคมทูลว่า "ตลอดจนเพื่อปฏิรูปโครงสร้างทางการเมืองและอื่นๆ อันก่อให้เกิดความชอบธรรมให้ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย" ทุกอย่างจึงชัดเจนถึงเป้าหมาย จึงน่าจะวางใจได้ถึงแนวทางข้างหน้า
00 เชื่อว่าประชาชนกำลังรอดูการทำงานของ คสช. ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะเป็นไปตามที่ให้สัญญาเอาไว้หรือเปล่า ถ้าทำได้และทำจริงจัง จริงใจ นั่นก็จะกลายเป็นพลังสนับสนุนอันแข็งแกร่ง และที่สำคัญต้องให้เห็นผลเร็ว ขณะเดียวกันบางครั้งห้วงเวลาแบบที่เรียกว่า "ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์" มันสั้นนัก เพราะหลังจากนี้จะเข้าสู่ของจริง ประสบการณ์จริง แต่เมื่อพิจารณาจากการลำดับการแก้ปัญหาเริ่มที่การสั่งจ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนา ถือว่า "เจ๋ง" มาก เกิดผลตามมาหลายเด้ง นั่นคือ "ได้ใจ" ไปเต็มๆ และแก้ปัญหาเศรษฐกิจ"ปากท้อง" เป็นลำดับแรก การเร่งทำงบ ประมาณปี 58 คงภาษีมูลค่าเพิ่ม เร่งรัดโครงการที่คั่งค้างให้เดินหน้า ความหมายก็คือให้ "กงล้อเศรษกิจ" ขับเคลื่อนไปได้ ซึ่งสำคัญที่สุดก็คือ เงินจำนำข้าวนี่แหละที่จะเป็นปัจจัยกระตุ้นจากฐานรากสำคัญ และเร่งด่วนที่สุด หลังจากหยุดนิ่งมานาน จากความห่วยแตกของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ที่ทุจริตทุกเมล็ด จนขาดทุนย่อยยับ ไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ชาวนา
00 เอาเป็นว่านาทีนี้คงไม่ควรที่จะแนะนำอะไร เพราะเขาน่าจะรู้ดีเข้าใจดี ต่อไปนี้เราจะนั่งดูเฉยๆ เฝ้ามองอย่างตั้งใจว่า คสช.จะทำตามสัญญาประชาคมเอาไว้ได้หรือไม่ เพราะทุกอย่างเอื้ออำนวย นั่นคือประชาชนส่วนใหญ่ให้กำลังใจ อย่าไปสนใจเสียงต่อต้านจากฝ่ายที่เสียประโยชน์ที่อ้างประชาธิปไตยปัญญาอ่อน เดินหน้าทำเพื่อคนส่วนใหญ่อย่างเดียว ซึ่งต้องพิสูจน์ให้เห็นชัดโดยเร็วเท่านั้นเอง เพียงแค่นี้ประวัติศาสตร์ก็จะจารึก อย่าทำให้ผิดหวังก็แล้วกัน !!
00 ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า ผลจากการเข้ามายึดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เที่ยวนี้ต้องกลายมาเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ ทักษิณ ชินวัตร อย่างเปิดเผยแล้ว ความหมายก็คือ ผลจากการยึดอำนาจคราวนี้เท่ากับว่า อำนาจและผลประโยชน์ของ ทักษิณ และครอบครัว ต้องสะดุดลง และมีแนวโน้มอย่างชัดเจนว่า ไม่อาจกลับมาแบบเดิม หรือแข็งแกร่งกว่าเดิมหลังจากการรัฐประหารปี 49 คราวนี้ เป็นเพราะประชาชนตื่นรู้มากมายมหาศาล สังเกตให้ดีว่า การทลายเครือข่าย ทลายคลังอาวุธ ล้วนเป็นของคนเสื้อแดง การขัดขืนต่อต้าน ก็ล้วนแต่เป็นเครือข่ายทักษิณ ทั้งสิ้น ล่าสุดการปิดล้อม จับกุมกองกำลังติดอาวุธเสื้อแดง ที่จังหวัดตราด ก็ทำให้ ทหารต้องพลีชีพไปหนึ่งราย มันยิ่งเห็นได้ชัดว่า หากปล่อยเอาไว้ต่อไปมันอันตรายต่อความมั่นคงของชาติจริงๆ ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่ เพื่อให้ "ภารกิจเพื่อการปฏิรูป" สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว
00 ในที่สุดก็ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นอัยการสำหรับแกนนำ กปปส. และแนวร่วมหลังจากถูกดำเนินคดีในข้อหากบฎ ในจำนวนนั้นแน่นอนต้องมี สุเทพ เทือกสุบรรณ โดยใช้หลักทรัพย์ประกันคนละหนึ่งแสนบาท จากนี้ไปก็จะถูกเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม และสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลอาญา ในวันที่ 28 มิ.ย. นั่นก็หมายความว่า พวกเขาก็จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ละคนก็จะได้พักเหนื่อย และรอดูการทำหน้าที่ปฏิรูปประเทศโดย คสช.กันต่อไป