xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

สกัดนองเลือด เชือดกองกำลังเสื้อแดง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -กล่าวได้ว่าทันทีที่ 'บิ๊กตู่' พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาประกาศกฎอัยการศึก ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งประกาศตั้ง กอ.รส.(กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย) ขึ้นมาทำหน้าที่แทน ศอ.รส.(ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย) และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้ามารักษาการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการจัดชุมนุมใหญ่ของมวลชนทั้งสองขั้วคือ กปปส. และ นปช. รวมถึงดูแลพื้นที่เสี่ยงต่างๆ แทนเจ้าที่ตำรวจซึ่งถูกระดมเข้ามาดูแลการชุมนุม โดยคำสั่งของ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนหน้านี้ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางกลับที่ตั้ง ก็ปรากฏภาพเจ้าหน้าที่ทหารดำเนินการกวาดล้างจับกุมคลังอาวุธสงครามขนานใหญ่ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับ 'กองกำลังชายชุดดำ' ที่ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มมวลชน กปปส. และสถานที่สำคัญหลายแห่งตลอดการชุมนุม 6 เดือนที่ผ่านมา ชนิดที่เรียกว่าทหารทำงานวันเดียวแต่มีผลงานมากกว่าเจ้าหน้าตำรวจที่ทำงานถึงครึ่งปี

ทั้งนี้ จากปฏิบัติการกวาดล้างอาวุธสงครามของกลุ่มกองกำลังเสื้อแดง ในช่วงระหว่างการประกาศกฎอัยการศึก 1-2 วันนั้น เจ้าหน้าที่ทหารซึ่งสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมผู้พกอาอาวุธสงครามได้ทั้งหมด 5 คดี อันประกอบด้วย

คดีที่ 1.จับกุมอาวุธสงครามที่จันทรารีสอร์ท จ.นครนายก ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการประกาศกฎอัยการศึก โดยรีสอร์ทดังกล่าวของ 'ซ้อน้อย' อุษา จันทรา ภรรยา 'เสี่ยแหมะ' กิตติชัย กิตตินเรศวร อดีต ส.ส.นครนายก พรรคเพื่อไทย หลังจากที่ดาราสาว 'จอย' รินลณี ศรีเพ็ญ ซึ่งเข้าพักที่รีสอร์ทดังกล่าวแล้วปรากฎว่าต่างหูเพชรในกระเป๋าหายไปจึงเข้าแจ้งความต่อเจ้าตำรวจให้มาตรวจสอบ จึงพบอาวุธสงครามถูกทิ้งไว้ในรถซึ่งเสี่ยแหมะรับสมอ้างว่าเป็นรถของโรงแรม และส่งลูกชายไปวิ่งเต้นขอรถคืนแต่ไม่สำเร็จ หนำซ้ำยังมีเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาร่วมสอบเนื่องจากรีสอร์ทดังกล่าว เป็นหนึ่งใน 'แบล็กลิสต์' ของ กอ.รมน.(กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน) เพราะมีข้อมูลว่ามีการเคลื่อนไหวผิดปกติมานานนับปี

คดีที่ 2 กำลังเจ้าหน้าที่ของกองอำนวยรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ประกอบด้วย ตำรวจ และทหารจากมณฑลทหารบกที่ 13 ได้นำกำลังบุกเข้าตรวจค้นและจับกุมนายเชาว์วัฒน์ ทองเผือก หรือ “นวย” อายุ 54 ปี อดีตทหารพราน ที่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 8 ต.ชอนสรเดช อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบแมกกาซีน และกระสุนปืนสงครามอยู่ใต้เตียงนอน นอกจากนี้ ยังพบวัตถุระเบิด และอุปกรณ์ที่ใช้ควบคู่กันอีก
จำนวนมาก รวมถึงอาวุธปืนสงคราม และเครื่องกระสุนอีกหลายรายการซุกซ่อนในป่าละเมาะหลังบ้านอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งจากการสอบสวน นายเชาว์วัฒน์ รับสารภาพว่าอาวุธปืน และวัตถุระเบิดที่พบเป็นของ น.ส.จันทนา วรากรสกุลกิจ และนายชัชชาญ บุปผาวัลย์ สองสามีภรรยา ซึ่งบุคคลดังกล่าวให้ตนประกอบวัตถุระเบิดเพื่อจะนำไปใช้ก่อความไม่สงบในกรุงเทพฯ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ส่งมอบระเบิดไปแล้ว 1 ชุด แต่ไม่ทราบว่านำไปก่อเหตุที่ใด

คดีที่ 3. ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้มีการจับกุม น.ส.จันทนา วรากรสกุลกิจ อายุ 44 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ซึ่งเช่าห้องพักจำนวน 3 ห้อง อยุ่ที่ ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน โดยตรวจพบอาวุธสงครามจำนวนมาก อาทิ ปืนเอเค 47 พับฐาน พร้อมกระสุน 777 นัด, ปืนไรเฟิลพร้อมลำกล้อง กระสุน 38 นัด, เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 พร้อมลูกระสุนขนาด 40 มม.9 นัด, ปืนเอ็มพี พร้อมกระสุน 48 นัด, ปืนคาร์บิน พร้อมกระสุน 154 นัด, ระเบิดขว้าง 3 ลูก ขนาดเอ็ม 26-27 และอาร์ดีจี 5, ระเบิดแสวงเครื่อง 8 ลูก, ดินระเบิด 120 ขวด, และบัตรการ์ด นปช. จำนวนมาก

คดีที่ 4. ตำรวจกองปราบปราม ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ทหารให้ไปรับตัว นายประเสริฐ ดาวสุข อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/5 หมู่ 18 ต.คลอง หนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมของกลาง อาวุธปืนเอ.เค.47 กระสุนปืน 30 นัด โทรศัพท์มือถือ และกระเป๋าเอกสาร หลังควบคุมตัวไว้ได้ โดยทหารจับกุมได้ที่ ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กทม. ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ได้พบตัว นายประเสริฐ ภายในรถยนต์ซึ่งผ่านมาในบริเวณใกล้กับพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ถนนอุทยาน หรือถนนอักษะ จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น ก่อนพบอาวุธสงครามพร้อมของกลางทั้งหมด จึงประสานแจ้งให้ตำรวจ บก.ป.เข้าควบคุมตัวเพื่อสอบสวนดำเนินคดี ซึ่งนายประเสริฐอ้างว่า ไม่ทราบว่าอาวุธของกลางทั้งหมดเป็นของใคร เพียงแต่ขับรถมาเพื่อจะรอรับภรรยา ซึ่งทำหน้าที่แม่ครัวให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. โดยตนไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมแต่อย่างใด ช่วงที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาตรวจค้นนั้นกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ในรถ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ โดยจะสอบปากคำอย่างละเอียดต่อไป

คดีที่ 5. ล่าสุดตำรวจพหลโยธิน ยังตรวจค้นจับกุมอาวุธสงครามได้เพิ่ม หลังเข้าไปตรวจสอบเหตุคนร้ายงัดบ้านพักเลขที่ 40/34 ซอยรัชดาภิเษก 32 แยก 7-3 ของนายสมเกียรติ (ไม่ทราบนามสกุล) แต่กลับพบระเบิด และกระสุนปืนเอ็ม 16 กว่าร้อยนัด ซึ่งเจ้าของบ้านให้การว่าอาวุธสงครามที่พบไม่ใช่ของตน และไม่รู้เข้ามาอยู่ในบ้านได้อย่างไร เนื่องจากต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย นานๆ จึงกลับมาบ้านสักที ก็พบบ้านถูกงัด จึงแจ้งตำรวจ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เก็บลายนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุ และบนอาวุธอย่างละเอียดเพื่อหาความเชื่อมโยง และเป็นเบาะแสในการจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป

นอกจากนั้น ชุดปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 ยังบุกเข้าคุมตัว “เลิศ ไม้เก่า” หรือนายบุญเลิศ เรืองทิม แกนนำการเคลื่อนไหวเสื้อแดง นปช.พิษณุโลก กลุ่มนักรบพระองค์ดำ ในช่วงเย็นวันที่ 20 พ.ค. หลังประกาศใช้กฎอัยการศึก โดยชุดปฏิบัติการของกองทัพภาคที่ 3 ได้เข้าควบคุมตัวตามข้อหายั่วยุ ก่อให้เกิดความไม่สงบ ประกอบกับยังมีหมายจับเกี่ยวข้องกับคดีฆ่านักนักศึกษารามคำแหง ถือเป็นการปิดฉาก 'แดงฮาร์ดคอร์' ตัวเอ้ไปอีกหนึ่งราย

ทั้งนี้ รายงานข่าวจากฝ่ายความมั่นคงระบุว่า ทันทีที่มีการประกาศกฎอัยการศึก บรรดาแกนนำเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ที่ส่องสุมกองกำลังและอาวุธสงครามไว้ที่บ้านพักหรือสำนักงานของตนเพราะถือเป็นที่ปลอดภัยเนื่องจากตำรวจไม่กล้าตรวจค้น ต่างก็เร่งสั่งการให้ลูกน้องขนย้ายอาวุธสงครามดังกล่าวออกไปเก็บไว้ตามจุดต่างๆ โดยส่วนมากจะเป็นบ้านพักหรือห้องเช่าที่ลูกน้องของตนได้เช่าไว้ นอกจากนั้นอาวุธบางส่วนยังถูกขนย้ายออกไปเก็บไว้ในประเทศเพื่อบ้าน ทั้งกัมพูชาและมาเลเซีย โดยฝากไว้กับบรรดานักธุรกิจไทยที่มีสายสัมพันธ์กับคนดูไบและเข้าไปทำธุรกิจในประเทศนั้นๆ ซึ่งในการขนย้ายแต่ละครั้งนั้นล้วนได้รับการอำนวยความสะดวกจากนายตำรวจมะเขือเทศ

“ ตอนนี้แดงฮาร์ดคอร์ระดับแกนนำหลายคนหนีไปกบดานในต่างประเทศหมดแล้ว เพราะคนพวกนี้ถูกหมายหัวเนื่องจากมีทั้งกองกำลังและอาวุธสงครามครบมือ พร้อมปฏิบัติ โดยขวัญชัย ไพรพนา และแรมโบ้อีสาน (สุภรณ์ อัตถาวงศ์) หนีไปกบดานกับนักธุรกิจไทยในเขมร ส่วนโกตี๋ (นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ) ถูกสั่งให้หนีไปกบดานในมาเลเซีย โดยไปอาศัยอยู่กับกลุ่มก่อการร้าย RKK ซึ่งเป็นกลุ่มที่ 'คนดูไบ' ได้ว่าจ้างให้ส่งอาวุธและกองกำลังเข้ามาปฏิบัติการป่วนเมืองในไทย ทั้งนี้เพื่อให้โกตี๋รับหน้าที่ประสานกับกองกำลังเหล่านี้ หากคนดูไบเห็นว่าจำเป็นต้องปฏิบัติการเผาบ้านเผาเมืองเพื่อทวงคืนอำนาจ” แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคง ระบุ

ดังนั้น สถานการณ์ ณ ขณะนี้จึงถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่กองทัพจะต้องเร่งไล่ล่ากวาดล้างคลังแสงและกองกำลังเสื้อแดงฮาร์ดคอร์โดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ







กำลังโหลดความคิดเห็น