xs
xsm
sm
md
lg

“พล.อ.ประยุทธ์”ต้องชัดเจน เด็ดเดี่ยว-มั่นคง-ทำเพื่อชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**สถานการณ์การเมืองในเดือนพฤษภาคมนี้ เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับการปรากฏตัวที่ชัดเจนของดุลอำนาจที่แท้จริงในสังคมไทยว่า นอกจากอำนาจอธิปไตยคือ บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ แล้ว ยังมีการเคลื่อนไหวของมวลชน ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศและกองทัพรวมอยู่ด้วย
เมื่อฝ่ายบริหารยึดกุมอำนาจนิติบัญญัติ เป็นเผด็จการเสียงข้างมาก กระทำการขัดหลักนิติรัฐ นิติธรรม จนประชาชนออกมาต่อต้าน และยังถูกฝ่ายตุลาการตัดสินว่ามีความผิด กระทั่งยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องกระเด็นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่วายที่บรรดาขี้ข้าในระบอบทักษิณจะตะแบงข้อกฎหมายเพื่อรักษาอำนาจ ทำให้“การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง”ไม่สามารถทำได้
เมื่อเจอนักการเมืองที่หน้าด้านไร้ความละอายต่อบาป สำนึกต่ำทรามยิ่งกว่าทรราชในทุกยุค เพราะไม่ยอม“ลาออก”เปิดทางให้มีการคลี่คลายวิกฤตการณ์ ทั้งที่สถานะความเป็นรัฐมนตรีมีปัญหา ทั้งความชอบธรรม และข้อถกเถียงในทางกฎหมาย
**การตัดสินใจประกาศใช้กฎอัยการศึกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะในภาวะที่เกือบจะเป็นสุญญากาศในการบริหารบ้านเมือง ต้องใช้บทบาทของ “กองทัพ”เข้ามารองรับเพื่อรักษาความมั่นคงในประเทศ ก่อนที่จะเกิดมิคสัญญี และเป็นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ดำเนินการได้โดยมีกฎหมายรองรับด้วย
100 ปีที่ประเทศไทยมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกมา ตั้งแต่ในปี 2457 ดูเหมือนว่าการประกาศใช้เครื่องมือด้านความมั่นคงในครั้งนี้ จะมีความแตกต่างไปจากทุกครั้งที่ผ่านมา ที่จะเป็นการประกาศในภาวะศึกสงคราม หรือมีการปฏิวัติ
แต่กฎอัยการศึกฉบับ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เพื่อระงับเหตุจลาจล ในระหว่างการหาทางออกให้บ้านเมืองอย่างยั่งยืน
"กองทัพบกนั้นมุ่งหวังที่จะนำพาความสงบเรียบร้อยมาสู่บ้านเมืองอันเป็นที่รักยิ่งของคนไทยทุกคน โดยเร็วที่สุด ขอให้ทุกพวกทุกฝ่ายนั้น หยุดการเคลื่อนไหว เพื่อเข้าสู่กระบวนการในการแก้ปัญหาของชาติอย่างยั่งยืนโดยเร็ว อำนาจตามความในมาตราต่างๆ ของ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก 2457 นั้น จะแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน ขอให้ประชาชนทั่วไปอย่าตื่นตระหนก ยังคงทำหน้าที่ปฏิบัติงานไปตามปกติทุกประการ ทั้งนี้ กองทัพบก มุ่งหวังที่จะให้สถานการณ์นั้นคลี่คลายลงโดยเร็ว สวัสดี "
**จากถ้อยแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงให้เห็นว่า กองทัพไม่ประสงค์ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาทั้งหมดด้วยตัวเอง จึงไม่คิดที่จะทำการรัฐประหาร แต่ใช้กฎอัยการศึกปรามทั้งสองฝ่ายที่มีความต้องการต่างขั้วให้อยู่ในที่ตั้ง เพื่อให้กระบวนการแก้ปัญหาเกิดขึ้นได้ โดยไม่มีเหตุร้ายเข้ามาแทรกแซง
** สิ่งที่น่าจับตาคือ อะไรจะเกิดขึ้นได้บ้างในภาวการณ์นี้
หากเป็นไปตามสูตรของ คณะรัฐบุคคล ที่นำโดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีต ผบ.ส.ส. เคยเสนอแนวทางแก้ปัญหา ด้วยการพึ่งพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านทางผบ.เหล่าทัพ โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.สายหยุด เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เพื่อขอให้ร่างพระบรมราชโองการ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย และลงพระปรมาภิไธย เพื่อแก้ไขวิกฤติของบ้านเมือง
แต่ถ้าเป็นไปตามที่ สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา และสมาชิกวุฒิสภา พยายามทำอยู่ แต่ไม่สำเร็จคือ ให้รัฐบาลลาออกเปิดทางไปสู่การเสนอชื่อนายกฯ คนใหม่ โดยไม่มีความขัดแย้งเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่เดินต่อไม่ได้ เพราะรัฐบาลไม่ยอมลาออก
ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับความเด็ดเดี่ยวของ สุรชัย ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะมีการมอบอำนาจให้ สุรชัย และคณะทำงานตัดสินใจแล้ว
ส่วนความต้องการของรัฐบาลมีการคาดหวังว่า ทหารจะประกาศกฎอัยการศึก เพื่อดูแลสถานการณ์ให้กลับไปสู่กระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากการใช้ปืนมาบังคับให้คนไทยไปลงคะแนน ทำให้ประชาชนกลายเป็นแค่ทางผ่านของอำนาจไปสู่มือของนักเลือกตั้งเท่านั้น
ทุกก้าวย่างของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน นับต่อจากนี้ไป จึงมีความหมายอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนผ่านบ้านเมืองให้เกิดความเรียบร้อยอย่างยั่งยืน
ซึ่งหนีไม่พ้นว่าต้องมีการปฏิรูปประเทศ และกลับสู่กระบวนการเลือกตั้ง เพราะลำพังเครื่องมือด้านความมั่นคง และกำลังของกองทัพอย่างเดียว ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดสำหรับปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้
เนื่องจากการเมืองซึ่งเป็นเครื่องมือในการบริหารบ้านเมืองต้องเดินหน้าไปพร้อมๆ กันด้วย ไม่แน่ว่าเมื่อทหารประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้ว อาจกระตุกให้รัฐบาลดวงตาเห็นธรรม สละอำนาจ เปิดทางให้มีรัฐบาลเฉพาะกิจ เข้ามาแก้ปัญหา กำหนดแนวทางปฏิรูป สัก 6 เดือน หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย ก่อนที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับ
**สิ่งที่กองทัพพึงระมัดระวัง คือ ต้องหนักแน่น และมีความเด็ดเดี่ยวในเจตนารมณ์ที่จะทำเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ต้องไปกลัวคำขู่เรื่องการไม่ยอมรับของนานาชาติ หรือการโจมตีว่าเป็นการทำรัฐประหาร โดยเฉพาะมหาอำนาจจอมจุ้นอย่าง สหรัฐอเมริกา เพราะประวัติศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศปรากฏชัดว่า ประชาธิปไตยมีไว้เป็นข้ออ้างเท่านั้น แต่สหรัฐฯ พร้อมสนับสนุน และอยู่เคียงข้างผู้ชนะ
เหมือนที่ให้วีซ่า นักโทษหนีคดีทักษิณ เข้าประเทศ ทั้งที่เป็นโจรปล้นชาติ โดยไม่ตะขิดตะขวงเกี่ยวกับปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล
เหมือนที่สนับสนุนชาวยูเครนล้มผู้บริหารที่มาจากการเลือกตั้ง และล่าสุดสหรัฐฯ สนับสนุน การขึ้นครองอำนาจของ นเรนดา โมดี ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอินเดีย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในปี 2549 สหรัฐฯ เคยปฏิเสธที่จะออกวีซ่าทางการทูตให้กับ นเรนดา โมดี เนื่องจากปล่อยให้เกิดการจลาจลในเมืองคุชราต เมื่อปี 2546 จนทำให้มีชาวมุสลิม เสียชีวิต 790 คน ชาวฮินดู 254 คน โดยไม่พยายามยับยั้งและยังปฏิเสธความรับผิดชอบ ทั้งที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐในขณะนั้น
**ปัญหาของไทยต้องแก้โดยคนไทย เพียงแต่ต้องทำอย่างรอบคอบ มีคำตอบและเป้าหมายที่ชัดเจนว่า เป็นไปเพื่อคืนความสงบเรียบร้อยให้ประเทศ แม้แต่เอกชนก็ยังยอมรับกฎอัยการศึกได้มากกว่ารัฐบาลที่ไร้อำนาจแต่นั่งขวางทางเจริญประเทศอยู่ในขณะนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น