องค์ความรู้ที่ถูกต้องยิ่งใหญ่คือ กองทัพมีสถานภาพ 2 ลักษณะ คือ
1) กองทัพในฐานะเป็นองค์ประกอบแห่งรัฐทุกประเทศ ประเทศไทยเป็นประเทศราชอาณาจักร โดยมีองค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ และทรงเป็นจอมทัพไทย
นี่คือความถูกต้องยิ่งใหญ่ของนายทหารทุกคน ทุกประเทศ แต่ผู้นำเหล่าทัพไทย ไม่เคยใส่ใจ ไม่สนใจในฐานะกองทัพเป็นองค์ประกอบของรัฐเลย ไม่เคยทำหน้าที่ในฐานะองค์ประกอบแห่งรัฐ
ว่ากันตรงๆ สอนกันอย่างตรงไปตรงมา เพราะผู้นำกองทัพขาดปัญญาทางการเมืองกองทัพไทยเป็นกองทัพที่ตกอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา แต่ผู้นำกองทัพกลับเข้าใจตามกระแสสังคมว่า เป็นประชาธิปไตย เช่น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เข้าใจผิดอย่างร้ายแรง ว่า “เป็นรัฐบาลภายใต้ระบอบประชาธิปไตย”
เราเชื่อว่า ทั้ง ผบ.เหล่าทัพทั้ง 4 ก็คงจะเข้าใจไปในทางเห็นผิดอย่างร้ายแรงเช่นกัน
จำไว้เถิดว่า “กองทัพแห่งชาติ ตกอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการ รบที่ไหน แพ้ที่นั่น” เพราะ 1) แพ้ทางการเมือง 2) ตกเป็นฝ่ายรับทางการเมือง 3) ฝ่ายตรงข้ามรุกทางการเมืองอย่างเป็นไปเอง
เพราะกองทัพถือระบอบเผด็จการแต่หลงผิด หลอกตนเองว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย นี่คืออันตรายที่สุดของกองทัพในฐานะองค์ประกอบแห่งรัฐ กลายเป็นว่ากองทัพไทยเป็นกองทัพที่อ่อนแอมากๆ
ผู้นำเหล่าทัพต้องรู้ หากกองทัพอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการนั่นคือ ความหายนะของประชาชน ของชาติ และเป็นความหายนะของกองทัพในท้ายที่สุด
2) กองทัพในฐานะกลไกรัฐ (State Machine) คือเป็นหน่วยงานราชการ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรีในยามปกติ ประเด็นนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ในยามวิกฤต กองทัพจะต้องทำการวิเคราะห์ วิจัย ปรึกษานักปราชญ์ ราชบัณฑิต ผู้รู้ทั้งหลาย เพื่อให้ทราบแน่ชัดว่า ระบอบคืออะไร ระบอบในปัจจุบันมันเป็นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา มันเป็นอย่างไร มันสร้างความหายนะให้ชาติมากมายมหาศาลอย่างไร นักการเมืองโกงกินชาติ คอร์รัปชันอย่างไร ฯลฯ
กองทัพทำได้ทันที โดยอ้างเหตุผลและที่สำคัญร้ายแรงคือ ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญนี้ ทำความแตกแยกภายในชาติอย่างร้ายแรงที่สุด
และกองทัพพึงรู้ว่า ในแต่ละฝ่ายนั้น ก็ไม่มีแนวทางที่แก้ไขเหตุวิกฤตชาติได้ ภาพที่ออกมาต่างก็เพื่อแย่งชิงอำนาจซึ่งกันและกัน ทำลายล้างซึ่งกันและกัน ต่างก็ต้องการให้อีกฝ่ายหนึ่งล่มจมสูญหายไปจากแผ่นดินไทย
กองทัพสามารถใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ “ความมั่นคงแห่งชาติ เป็นกฎหมายสูง” นี่หลักสากลที่ยึดถือกันทุกประเทศ จะบัญญัติด้วยลายลักษณ์อักษรหรือไม่บัญญัติไว้ก็ตาม
ดังนั้น กองทัพต้องออกมาสนับสนุนประชาชน ปกป้องเป็นพี่เลี้ยงร่วมกันจัดการบ้านเมือง เพราะทุกแนวทางของสองขั้วการเมือง ล้วนเห็นผิดอย่างร้ายแรงทั้งสิ้น กองทัพ จะต้องชูธง เชิดชู สถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เพื่อพาประเทศออกจาก ความเข้าใจผิดทางการเมืองอย่างร้ายแรงต่อชาติและประชาชน อันยาวนานแสนนานร่วม 82 ปี ซึ่งคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายต่างก็เห็นรัฐธรรมนูญเป็นระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นความโง่เขลาเบาปัญญาที่สุดในโลกของผู้ปกครองไทย พรรคการเมือง และหลงผิดอย่างร้ายแรงเช่นนี้เพียงประเทศเดียวในโลก
กองทัพ พิจารณาเถิด
ผู้นำกองทัพต้องไม่ทำรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญแล้วร่างรัฐธรรมนูญใหม่ซ้ำรอยเดิม หากทำเช่นนี้กองทัพจะตกเป็นฝ่ายรับทางการเมือง และด้วยกระบวนการที่เห็นผิดอย่างร้ายแรงว่าพวกเขาเป็นพวกประชาธิปไตย เป็นฝ่ายประชาธิปไตย (ตามคำโฆษณาชวนเชื่อของพวกเขา และชี้ไปที่กองทัพว่า เป็นฝ่ายเผด็จการ ลักษณะเช่นนี้กองทัพแห่งชาติพังพินาศแน่ เพราะกองทัพไม่มีองค์ความรู้ทางการเมืองที่จะอธิบายด้วยเหตุผลที่เหนือกว่า)
ในทางกลับกันอันยิ่งใหญ่หากว่าผู้นำเหล่าทัพ ไม่มีทางเลือกอื่น ประกาศกฎอัยการศึกโดยเข้าควบคุมอำนาจ กองทัพทำได้ และทำได้อย่างโดดเด่น สร้างชาติอย่างยิ่งใหญ่ คือ โดยการประกาศชูธงสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เพื่อแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ
พร้อมๆ กับการอธิบายให้เหล่าพสกนิกร ประชาชนทุกหมู่เหล่าให้เข้าใจ ว่านี่คือ แนวทางการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 มีลักษณะที่ยิ่งใหญ่ในหลายๆ ลักษณะ เช่น
1) เป็นหลักการปกครองโดยธรรมอย่างแท้จริง สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกับพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
2) เป็นระบอบการเมืองของปวงชนอย่างแท้จริง
3) เป็นเอกภาพ เป็นศูนย์กลางทางการเมืองของประชาชนอย่างเปิดเผย รับรอง ยอมรับแล้วจะมีแต่ความดีงาม เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าทั้งทางใจ กาย การเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ
4) เป็นบ่อเกิดของกฎหมายรัฐธรรมนูญโดยธรรมและกฎหมายอื่นๆ โดยธรรม
5) เป็นหลักนิติธรรม (Rule of Law) อย่างแท้จริง
6) เป็นหลักการที่ทำให้อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนโดยแท้จริง จะทำให้ประชาชนมีจิตสำนึก ตื่นตัวทางการเมือง และสังคมอย่างรอบด้าน
7) เป็นหลักการเมืองของปวงชนอย่างแท้จริง
8) เป็นหนึ่งเดียวกับอุดมการณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
9) เป็นการจัดความสัมพันธ์ที่ถูกต้องยิ่งใหญ่จุดหมาย ต้องมาก่อน เกิดก่อนวิธีการ ยุทธศาสตร์แห่งชาติต้องมาก่อนยุทธวิธีแห่งชาติ หลักการปกครองฯ ต้องมาก่อนกฎหมายรัฐธรรมนูญ
10) เป็นกระการสร้างชาติอย่างยิ่งใหญ่ร่วมกันระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมีกองทัพเป็นตัวกลาง
11) ฯลฯ
ยกเว้นพวกระบอบเผด็จการทุกชนิด จะไม่เสนอหลักการปกครองฯ เพราะเขาเสนอไม่ได้และเพื่อหลอกลวงประชาชน ให้โง่งมงาย ให้เป็นทาสทางการเมืองต่อพวกเขาให้ยาวนานที่สุด
เราทั้งหลาย เหล่าทัพร่วมกันต่อสู้อย่างมีปัญญาในแนวทางการเมืองแห่งราชอาณาจักรเถิด
ข้อเสนอต่อฝ่ายประชาชน เดิมพันด้วยชีวิต
จะว่าไป ก็ลุงกำนันสุเทพ ไม่เชื่อ ดร.ป.เพชรอริยะ ไง เพราะลุง มีบารมีไม่พอก็ได้นะ บอกกี่ครั้งๆๆๆ แล้วว่า ให้ท่านกำนัน ชูธง เสนอหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เพียงอย่างเดียว ลุงกำนันก็ไม่เคยฟัง ไม่เคยเชื่อ บอกให้ทำการเมืองของประชาชนเพียงอย่างเดียว ลุงกำนัน ก็ไปทำเรื่องนโยบายการปกครอง ซึ่งเป็นปัญหาปลายเหตุ และทำให้แพ้ทางการเมือง
แนะนำๆๆ ลุงกำนัน ก็ไม่เชื่อ ฝากให้ลุงกำนัน ดูบ้างก็ดีนะ หากเชื่อ ดร.ป. ก็ชนะ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วๆ เมื่อประกาศเสนอการสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9อย่างทั่วถึงแล้ว
กองทัพจะเอาด้วยทั้งหมด กองทัพจะตบเท้าเข้าแถวรายงานตัว เพราะเห็นอย่างยิ่งในการเชิดชูชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนอย่างแท้จริง
แต่ท่านกำนันไม่สนใจทำ เพราะกำนันยังเป็นคนของพรรคการเมือง ดังนั้นการชนะทางการเมือง จึงไม่มีสำหรับกำนัน จะมีแต่ความยุ่งเหยิง โกลาหล
หากด้วยแรงมวลมหาประชาชนสนับสนุนท่านกำนันในวันนี้ ถึงวันนี้ ยังพอมีโอกาส เอาเลยท่านกำนัน กปปส. ส่งคนมาพบ ดร.ป. จะไปเป็นกุนซื้อให้ รับประกันชนะ 1000% รับประกัน เดิมพันด้วยชีวิต
แนวทางหายนะ 82 ปี
ยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ลักษณะนี้ ดุจดังใส่กระดุมเม็ดแรกผิด เป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ คือความพ่ายแพ้ของประชาชนทุกวัน และตกเป็นทาสของนักการเมืองต่อไป มีพวกนักการเมืองทุกพรรคที่ยึดมั่นในแนวทางหายนะนี้ โดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
ส่วนแนวทางยิ่งใหญ่ของชาติ ของปวงชนอย่างแท้จริง ถูกต้องชั่วกัลปวสาน เชิญพิสูจน์ด้วยตัวคุณเอง คือ การศึกษา เชิดชู สถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 คือแนวทางแก้ไขเหตุวิกฤตชาติได้สำเร็จ ก้าวแรกแห่งชัยชนะของปวงชนและประเทศชาติ นี่คือการเมืองของประชาชนแห่งราชอาณาจักรไทย เชิดชู ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างแท้จริง สู้ทุกวัน ประชาชนชนะทุกวัน เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ดังนี้
1) กองทัพในฐานะเป็นองค์ประกอบแห่งรัฐทุกประเทศ ประเทศไทยเป็นประเทศราชอาณาจักร โดยมีองค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ และทรงเป็นจอมทัพไทย
นี่คือความถูกต้องยิ่งใหญ่ของนายทหารทุกคน ทุกประเทศ แต่ผู้นำเหล่าทัพไทย ไม่เคยใส่ใจ ไม่สนใจในฐานะกองทัพเป็นองค์ประกอบของรัฐเลย ไม่เคยทำหน้าที่ในฐานะองค์ประกอบแห่งรัฐ
ว่ากันตรงๆ สอนกันอย่างตรงไปตรงมา เพราะผู้นำกองทัพขาดปัญญาทางการเมืองกองทัพไทยเป็นกองทัพที่ตกอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา แต่ผู้นำกองทัพกลับเข้าใจตามกระแสสังคมว่า เป็นประชาธิปไตย เช่น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เข้าใจผิดอย่างร้ายแรง ว่า “เป็นรัฐบาลภายใต้ระบอบประชาธิปไตย”
เราเชื่อว่า ทั้ง ผบ.เหล่าทัพทั้ง 4 ก็คงจะเข้าใจไปในทางเห็นผิดอย่างร้ายแรงเช่นกัน
จำไว้เถิดว่า “กองทัพแห่งชาติ ตกอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการ รบที่ไหน แพ้ที่นั่น” เพราะ 1) แพ้ทางการเมือง 2) ตกเป็นฝ่ายรับทางการเมือง 3) ฝ่ายตรงข้ามรุกทางการเมืองอย่างเป็นไปเอง
เพราะกองทัพถือระบอบเผด็จการแต่หลงผิด หลอกตนเองว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย นี่คืออันตรายที่สุดของกองทัพในฐานะองค์ประกอบแห่งรัฐ กลายเป็นว่ากองทัพไทยเป็นกองทัพที่อ่อนแอมากๆ
ผู้นำเหล่าทัพต้องรู้ หากกองทัพอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการนั่นคือ ความหายนะของประชาชน ของชาติ และเป็นความหายนะของกองทัพในท้ายที่สุด
2) กองทัพในฐานะกลไกรัฐ (State Machine) คือเป็นหน่วยงานราชการ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรีในยามปกติ ประเด็นนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ในยามวิกฤต กองทัพจะต้องทำการวิเคราะห์ วิจัย ปรึกษานักปราชญ์ ราชบัณฑิต ผู้รู้ทั้งหลาย เพื่อให้ทราบแน่ชัดว่า ระบอบคืออะไร ระบอบในปัจจุบันมันเป็นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา มันเป็นอย่างไร มันสร้างความหายนะให้ชาติมากมายมหาศาลอย่างไร นักการเมืองโกงกินชาติ คอร์รัปชันอย่างไร ฯลฯ
กองทัพทำได้ทันที โดยอ้างเหตุผลและที่สำคัญร้ายแรงคือ ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญนี้ ทำความแตกแยกภายในชาติอย่างร้ายแรงที่สุด
และกองทัพพึงรู้ว่า ในแต่ละฝ่ายนั้น ก็ไม่มีแนวทางที่แก้ไขเหตุวิกฤตชาติได้ ภาพที่ออกมาต่างก็เพื่อแย่งชิงอำนาจซึ่งกันและกัน ทำลายล้างซึ่งกันและกัน ต่างก็ต้องการให้อีกฝ่ายหนึ่งล่มจมสูญหายไปจากแผ่นดินไทย
กองทัพสามารถใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ “ความมั่นคงแห่งชาติ เป็นกฎหมายสูง” นี่หลักสากลที่ยึดถือกันทุกประเทศ จะบัญญัติด้วยลายลักษณ์อักษรหรือไม่บัญญัติไว้ก็ตาม
ดังนั้น กองทัพต้องออกมาสนับสนุนประชาชน ปกป้องเป็นพี่เลี้ยงร่วมกันจัดการบ้านเมือง เพราะทุกแนวทางของสองขั้วการเมือง ล้วนเห็นผิดอย่างร้ายแรงทั้งสิ้น กองทัพ จะต้องชูธง เชิดชู สถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เพื่อพาประเทศออกจาก ความเข้าใจผิดทางการเมืองอย่างร้ายแรงต่อชาติและประชาชน อันยาวนานแสนนานร่วม 82 ปี ซึ่งคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายต่างก็เห็นรัฐธรรมนูญเป็นระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นความโง่เขลาเบาปัญญาที่สุดในโลกของผู้ปกครองไทย พรรคการเมือง และหลงผิดอย่างร้ายแรงเช่นนี้เพียงประเทศเดียวในโลก
กองทัพ พิจารณาเถิด
ผู้นำกองทัพต้องไม่ทำรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญแล้วร่างรัฐธรรมนูญใหม่ซ้ำรอยเดิม หากทำเช่นนี้กองทัพจะตกเป็นฝ่ายรับทางการเมือง และด้วยกระบวนการที่เห็นผิดอย่างร้ายแรงว่าพวกเขาเป็นพวกประชาธิปไตย เป็นฝ่ายประชาธิปไตย (ตามคำโฆษณาชวนเชื่อของพวกเขา และชี้ไปที่กองทัพว่า เป็นฝ่ายเผด็จการ ลักษณะเช่นนี้กองทัพแห่งชาติพังพินาศแน่ เพราะกองทัพไม่มีองค์ความรู้ทางการเมืองที่จะอธิบายด้วยเหตุผลที่เหนือกว่า)
ในทางกลับกันอันยิ่งใหญ่หากว่าผู้นำเหล่าทัพ ไม่มีทางเลือกอื่น ประกาศกฎอัยการศึกโดยเข้าควบคุมอำนาจ กองทัพทำได้ และทำได้อย่างโดดเด่น สร้างชาติอย่างยิ่งใหญ่ คือ โดยการประกาศชูธงสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เพื่อแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ
พร้อมๆ กับการอธิบายให้เหล่าพสกนิกร ประชาชนทุกหมู่เหล่าให้เข้าใจ ว่านี่คือ แนวทางการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 มีลักษณะที่ยิ่งใหญ่ในหลายๆ ลักษณะ เช่น
1) เป็นหลักการปกครองโดยธรรมอย่างแท้จริง สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกับพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
2) เป็นระบอบการเมืองของปวงชนอย่างแท้จริง
3) เป็นเอกภาพ เป็นศูนย์กลางทางการเมืองของประชาชนอย่างเปิดเผย รับรอง ยอมรับแล้วจะมีแต่ความดีงาม เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าทั้งทางใจ กาย การเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ
4) เป็นบ่อเกิดของกฎหมายรัฐธรรมนูญโดยธรรมและกฎหมายอื่นๆ โดยธรรม
5) เป็นหลักนิติธรรม (Rule of Law) อย่างแท้จริง
6) เป็นหลักการที่ทำให้อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนโดยแท้จริง จะทำให้ประชาชนมีจิตสำนึก ตื่นตัวทางการเมือง และสังคมอย่างรอบด้าน
7) เป็นหลักการเมืองของปวงชนอย่างแท้จริง
8) เป็นหนึ่งเดียวกับอุดมการณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
9) เป็นการจัดความสัมพันธ์ที่ถูกต้องยิ่งใหญ่จุดหมาย ต้องมาก่อน เกิดก่อนวิธีการ ยุทธศาสตร์แห่งชาติต้องมาก่อนยุทธวิธีแห่งชาติ หลักการปกครองฯ ต้องมาก่อนกฎหมายรัฐธรรมนูญ
10) เป็นกระการสร้างชาติอย่างยิ่งใหญ่ร่วมกันระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมีกองทัพเป็นตัวกลาง
11) ฯลฯ
ยกเว้นพวกระบอบเผด็จการทุกชนิด จะไม่เสนอหลักการปกครองฯ เพราะเขาเสนอไม่ได้และเพื่อหลอกลวงประชาชน ให้โง่งมงาย ให้เป็นทาสทางการเมืองต่อพวกเขาให้ยาวนานที่สุด
เราทั้งหลาย เหล่าทัพร่วมกันต่อสู้อย่างมีปัญญาในแนวทางการเมืองแห่งราชอาณาจักรเถิด
ข้อเสนอต่อฝ่ายประชาชน เดิมพันด้วยชีวิต
จะว่าไป ก็ลุงกำนันสุเทพ ไม่เชื่อ ดร.ป.เพชรอริยะ ไง เพราะลุง มีบารมีไม่พอก็ได้นะ บอกกี่ครั้งๆๆๆ แล้วว่า ให้ท่านกำนัน ชูธง เสนอหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เพียงอย่างเดียว ลุงกำนันก็ไม่เคยฟัง ไม่เคยเชื่อ บอกให้ทำการเมืองของประชาชนเพียงอย่างเดียว ลุงกำนัน ก็ไปทำเรื่องนโยบายการปกครอง ซึ่งเป็นปัญหาปลายเหตุ และทำให้แพ้ทางการเมือง
แนะนำๆๆ ลุงกำนัน ก็ไม่เชื่อ ฝากให้ลุงกำนัน ดูบ้างก็ดีนะ หากเชื่อ ดร.ป. ก็ชนะ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วๆ เมื่อประกาศเสนอการสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9อย่างทั่วถึงแล้ว
กองทัพจะเอาด้วยทั้งหมด กองทัพจะตบเท้าเข้าแถวรายงานตัว เพราะเห็นอย่างยิ่งในการเชิดชูชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนอย่างแท้จริง
แต่ท่านกำนันไม่สนใจทำ เพราะกำนันยังเป็นคนของพรรคการเมือง ดังนั้นการชนะทางการเมือง จึงไม่มีสำหรับกำนัน จะมีแต่ความยุ่งเหยิง โกลาหล
หากด้วยแรงมวลมหาประชาชนสนับสนุนท่านกำนันในวันนี้ ถึงวันนี้ ยังพอมีโอกาส เอาเลยท่านกำนัน กปปส. ส่งคนมาพบ ดร.ป. จะไปเป็นกุนซื้อให้ รับประกันชนะ 1000% รับประกัน เดิมพันด้วยชีวิต
แนวทางหายนะ 82 ปี
ยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ลักษณะนี้ ดุจดังใส่กระดุมเม็ดแรกผิด เป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ คือความพ่ายแพ้ของประชาชนทุกวัน และตกเป็นทาสของนักการเมืองต่อไป มีพวกนักการเมืองทุกพรรคที่ยึดมั่นในแนวทางหายนะนี้ โดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
ส่วนแนวทางยิ่งใหญ่ของชาติ ของปวงชนอย่างแท้จริง ถูกต้องชั่วกัลปวสาน เชิญพิสูจน์ด้วยตัวคุณเอง คือ การศึกษา เชิดชู สถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 คือแนวทางแก้ไขเหตุวิกฤตชาติได้สำเร็จ ก้าวแรกแห่งชัยชนะของปวงชนและประเทศชาติ นี่คือการเมืองของประชาชนแห่งราชอาณาจักรไทย เชิดชู ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างแท้จริง สู้ทุกวัน ประชาชนชนะทุกวัน เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ดังนี้