แดงอักษะง่อย เหตุถูกอมเงิน ฮือ 'บิ๊กแลนด์แอนด์เฮาส์' ร่วมแจม

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -หันมาดูแนวรบด้านมวลชนซึ่งเป็นกำลังหนุนสำคัญของรัฐบาลเพื่อไทย ในสถานการณ์ใกล้สุกงอมเช่นนี้ แม้ฝ่ายแดงฮาร์ดคอร์จะพร้อมลุยพร้อมตีพร้อมเผาบ้านเผาเมืองทันทีที่มีคำสั่งให้สร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย ในช่วงที่ระบอบทักษิณกำลังจะเพลี้ยงพล้ำพ่ายแพ้

อาทิ นายขวัญชัย สาราคำ ประธานชมรมคนรักอุดร และประธานชมรมคนรักภาคอีสาน 20 จังหวัด ระบุว่า นอกจากในวันที่ 12 พ.ค.จะส่งคนเสื้อแดง สมาชิกชมรมคนรักอุดรเดินทางเข้าร่วมชุมนุมที่ถนนอักษะอีก 1,000 คน หลังจากที่ส่งไปแล้วเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 1,000 คน แล้วจะให้คนเสื้อแดงที่ไม่ได้เดินทางไปร่วมชุมนุมใน 20 จังหวัดเฝ้าติดตามสถานการณ์ หากเกิดเหตุรุนแรงหรือปฏิวัติ รวมทั้งนายกฯ มาตรา 7 แต่ละจังหวัดพร้อมเคลื่อนไหวต่อต้านทันที

แต่หากประเมินท่าทีในส่วนของมวลชนคนเสื้อแดงส่วนใหญ่นั้นกลับดูอ่อนแรงลดจำนวนลงอย่างน่าใจหาย ซึ่งจะเห็นได้จากชุมนุมใหญ่ของมวลชนคนเสื้อแดงที่ถนนอักษะ กรุงเทพฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ไม่สมราคาคุย กระทั่งช่วงเย็นย่ำซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่พีคสุดของวันยังมีผู้ชุมนุมไม่เกิน 4,000 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกสั่งการให้ไปดูแลความปลอดภัยนั้นมีถึง 3,750 นาย เรียกว่าในบางช่วงเวลาตำรวจดูจะมากกว่าผู้ชุมนุมเสียด้วยซ้ำ

สาเหตุหลักที่ทำให้มีผู้ชุมนุมเหลือน้อยนิดนั้นนอกจากจะเป็นเพราะชาวบ้านเลิกศรัทธาเพราะรู้ตัวว่าถูกหลอกมาตลอดแล้ว อีกประเด็นที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือถูกแกนนำ 'อมเงิน' ค่าหัว ซึ่งกล่าวได้ว่าปัญหาอมเงินของบรรดาแกนนำเสื้อแดงนั้นมีมาตลอด ล่าสุดเป็นข่าวฮือฮาออกมาเมื่อกลุ่มชาวบ้านจากตำบลหนองหมาก ฝ้าย และอำเภอต่างๆ ในพื้นที่ จ.สระแก้ว รวมตัวกว่า 60 คน ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.หนองหมากฝ้าย อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ให้ดำเนินคดีกับแกนนำ นปช.คนหนึ่งกรณีไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง ในการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. บริเวณถนนอักษะ ซึ่งตกลงกันไว้ในอัตราหัวละ 1,000 บาท

โดยชาวบ้านดังกล่าวระบุว่าพวกเขาถูกหลอกให้ระดมคนไปสมทบกับ นปช. เสื้อแดงที่ขอนแก่น เพื่อรวมตัวกันรับเสบียงและเดินทางต่อไปยังถนนอักษะ กรุงเทพฯ 2เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยเสนอค่าจ้างให้คนละ 1,000 บาทต่อวัน และจ้างรถตู้ 5 คัน คันละ 1 หมื่นบาท ทั้งรับและส่งจำนวน 3 วัน จึงได้รวบรวมรายชื่อพร้อมนำบัตรประชาชนของผู้ที่จะเดินทางไปส่งก่อนล่วงหน้าและให้ไปรับเงินค่าหัวที่ปลายทาง

แต่เมื่อเดินทางไปยัง จ.ขอนแก่น ประมาณ 100 กิโลเมตร แกนนำกลับโทร.มาสั่งให้รถตู้นำชาวบ้านกลับ และบอกว่ายกเลิกชุมนุมแล้ว ทั้งหมดจึงเดินทางกลับ และรอทวงค่าจ้าง จนกระทั่งค่ำมืดแกนนำก็ไม่ยอมมาเจรจา อีกทั้งยังปิดโทรศัพท์ ปล่อยให้ชาวบ้านทนรอด้วยความหิวโหย จนต้องเข้าไปขอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากวัดมากินประทังความหิว เรียกว่าถูก 'ลอบแพ' กันเลยทีเดียว ครั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวแกนนำดังกล่าวมาเจรจากับชาวบ้าน แกนนำก็จ่ายให้แค่ครึ่งราคา คือ 500 บาท อนาถใจจริงๆ

ครั้นเมื่อเรื่องแดงขึ้นมาตามหน้าสื่อ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.(แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ) ขวัญใจคนเสื้อแดง ก็ออกมาปฏิเสธพัลวันว่าไม่เป็นความจริง เรื่องนี้มีการเล่นเกมใส่ร้ายจากฝ่ายตรงข้าม เพราะถ้าเป็นเสื้อแดงตัวจริง ต้องมาด้วยใจ ไม่มีใครจ้าง !! 

แต่หากไล่เรียงดูจะพบว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีข่าวการอมเงินค่าหัวของคนเสื้อแดงลงหราในหน้าสื่อ อาทิ เมื่อ ต.ค.2556 ก็มีกรณี “สาวไส้” คนกันเอง โดยมีคนโพสต์คลิปผ่านเว็บไซต์ยูทิวบ์ ข้อความระบุชื่อคลิปเสียงว่า “อีไก่ เมียวิภูแถลง เผยเงิน 100 ล้านบาท จ่ายผ่านบัญชีผัว” ทำเอา 'วิภูแถลง พัฒนภูมิไท' อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ต้องหนีหน้า ปิดมือถือไม่รับสายนักข่าวกันเลยทีเดียว

ตามด้วย การชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อเดือน มี.ค.2557 ซึ่งมีการจัดอีเว้นท์ใหญ่ ทั้งขบวนรถ ขบวนช้าง และขบวนเรือที่ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ปรากฏว่าคนในขบวนหรอมแหรม จำนวนผู้ชุมนุมที่สนามกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในช่วงเย็นซึ่งบรรดาแกนนำคุยว่าจะมาเป็นแสน เอาเข้าจริงมีมาไม่ถึงหมื่น ซึ่งว่ากันว่ากันว่างานนี้ “คนดูไบ” ทุ่มไม่อั้นหวังสร้างความฮึกเหิมให้มวลชนคนเสื้อแดง อนุมัติค่าหัวต่อรายสูงลิ่วถึง 1,500 บาท เคาะเหนาะๆ ระดมมวลชน 1 แสนคน ก็ตก 150 ล้านบาทไม่ขาดไม่เกิน แต่ค่าหัวที่จ่ายไปถึงมือมวลชนจริงๆแค่หัวละ 200 จึงไม่แปลกที่จะเกิดเหตุการณ์งามหน้า หลังจากที่มีการตั้งโต๊ะจ่ายเงินกันอย่างเอิกเกริก พอมวลชนเซ็นชื่อรับเงินเสร็จก็มุดรั้วช่องกำแพงปูนขนาดเท่าตัวคนหนีออกไป หาได้อยู่ร่วมชุมนุมตามสัญญาจ้าง

นอกจากเรื่อง 'อมค่าหัว' แล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่ปรากฏในการชุมนุมคนเสื้อแดงที่ถนนอักษะ และฮือฮาในโลกโซเชียลมีเดีย ก็คือการปรากฎตัวของ 'นายอนันต์ อัศวโภคิน' ประธานกรรมการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเดินทางไปสังเกตการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง เพราะนอกจากเขาจะเป็นมหาเศรษฐี และผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทย มีธุรกิจในเครืออีกจำนวนมาก รวมถึงธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) แล้ว ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ยังรู้กันดีว่านายอนันต์ผู้นี้มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักโทษหนีคดีคอร์รัปชั่น นาม 'ทักษิณ ชินวัตร' มาตั้งแต่สมัยที่ทักษิณยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้ว่านายอนันต์ จะไม่มีตำแหน่งทางการเมือง แต่ก็มีกระแสข่าวว่า เขาเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ อดีตนายกฯ ทักษิณ และเมื่อตำแหน่งนายกฯตระกูลชินถูกสืบทอดมาถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายอนันต์ก็รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ด้วยเช่นกัน

กระทั่งมีกระแสข่าวนายอนันต์ อัศวโภคิน เป็น 1 ใน 5 นักธุรกิจที่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดดประชุม ครม.ไป ว.5 โฟร์ซีชัน เพื่อรับฟังคำเสนอแนะและข้อแนะนำในการพัฒนาโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาล ให้สอดคล้องกับการลงทุนของภาคเอกชน และเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม เพราะทำให้นักธุรกิจรู้แผนการลงทุนของรัฐบาล และนำไปเป็นข้อมูลในการลงทุน เพื่อประโยชน์ส่วนตนและได้เปรียบคู่แข่ง

นอกจากนี้ จากข้อมูลยังพบว่ามีผู้บริหารมือดีจากบริษัทในเครือ อย่างบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH ของนายอนันต์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาฯ ที่ทำตลาดโครงการระดับพรีเมียม เข้าไปร่วมทีมงานกับบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของตระกูลชินวัตรอีกด้วย

แต่ที่ลืมกันไม่ได้ก็คือ กรณีคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกจำนวน 33 ไร่ ซึ่งสุดท้ายอดีตนายกฯทักษิณถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด และให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งมี 3 บริษัทที่เข้าร่วมประมูล และหนึ่งในนั้นคือ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ของนายอนันต์

ส่วนว่าหลังจากนี้ในนาทีการเมืองไทยใกล้เข้าสู่สรภูมิเลือด คนเสื้อแดงจะปวารณาตัวพลีชีพร่วมปฏิบัติการเผาบ้านเผาเมืองกันมากน้อยเพียงใดนั้น คงต้องจับตาดูชนิด 'ห้ามกระพริบตา'