ผู้สื่อข่าวรายงานจากวุฒิสภาว่า นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 8 พ.ค. 57 แจ้งส.ว.ให้เข้าร่วมประชุมวุฒิสภาในวันที่ 9 พ.ค. เวลา 13.30 น. โดยมีวาระประชุมเรื่องด่วน คือ ให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) (น.ส.สุภา ปิยะจิตติ) และญัตติการเลือกประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 และ ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อสรรหา ส.ว. ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา
นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนและส.ว.กลุ่มหนึ่ง มีแนวโน้มจะออกจากห้องประชุม หากที่ประชุมวุฒิสภายังเดินหน้าเพื่อเลือกประธาน และรองประธานวุฒิสภา เพราะส่วนตัวมองว่า เป็นการขัดพ.ร.ฎ.เรียกประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ เสี่ยงทำผิดรัฐธรรมนูญได้ ส่วนที่มีชื่อ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา เป็นหนึ่งในแดนดิเดตนั้น ตนอยากเรียกร้องให้นายสุรชัย ลาออกจากตำแหน่ง รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ตามที่เคยแสดงวิสัยทัศน์ช่วงลงสมัครเป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เมื่อปี 2555 ที่นายสุรชัย พูดกลางห้องประชุมเองว่า หากมีส.ว.เลือกตั้งชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ จะเปิดโอกาสให้มีการเลือกตั้งประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 และ คนที่ 2 กันใหม่
นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การพิจารณาเลือกประธาน และรองประธานวุฒิสภา ถือเป็นเรื่องกิจการภายในของวุฒิสภา ที่สามารถดำเนินการได้ ในช่วงการประชุมสมัยวิสามัญ ที่พรรคเพื่อไทย ออกมาคัดค้าน เข้าข่ายก้าวก่ายแทรกแซงการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติได้ รวมถึง นายสุรชัย ไม่จำเป็นต้องลาออกจากรองประธานวุฒิสภาก่อน เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ อีกทั้งในสมัย นายนิคม ไวยรัชพานิช ลงสมัครชิงประธานวุฒิสภา ก็ไม่ได้ลาออกจากรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ล่าสุดว่า สำหรับแคนดิเดตผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา จนถึงขณะนี้ มีผู้สนใจลงสมัคร 3 คน ได้แก่ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหา และ นายจองชัย เที่ยงธรรม ส.ว.สุพรรณบุรี ที่ทางพรรคเพื่อไทย และส.ว.สายเลือกตั้ง พยายามล็อบบี้ขอให้ถอนตัว เพื่อความเป็นเอกภาพของกลุ่ม แต่ไม่เป็นผล นายจองชัย ยังยืนยันที่จะลงแข่งขันอยู่ ดังนั้นความได้เปรียบจึงอยู่ที่ นายสุรชัย ที่มีคะแนนเสียงเป็นกลุ่มก้อนจากกลุ่มส.ว.สรรหา ส.ว.เลือกตั้ง สายพรรคประชาธิปัตย์ และฝ่ายตรงข้ามพรรคเพื่อไทย ซึ่งน่าจะมีเสียงสนับสนุนอยู่ที่ 70-80 คะแนน ขณะที่ พล.ต.อ.จงรัก ยังเป็นรองอยู่มาก โดยมีเสียงสนับสนุนจากฐานการเมืองพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล และส.ว.สรรหา บางส่วน คือ สายตำรวจ สายอดีตข้าราชการ อยู่ราว 50-60 เสียง โดยมีนายจองชัย เป็นตัวแบ่งแต้มไปราว 10-20 เสียง ดังนั้น ต้องจับตาดูผลการลงคะแนนในรอบแรกว่า นายสุรชัย จะชนะขาดหรือไม่ หากต้องลงในรอบที่ 2 จะทำให้เสียงที่สนับสนุน นายจองชัยกลับมาเทให้ พล.ต.อ.จงรัก แต่ไม่น่าจะชนะขาดได้
นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนและส.ว.กลุ่มหนึ่ง มีแนวโน้มจะออกจากห้องประชุม หากที่ประชุมวุฒิสภายังเดินหน้าเพื่อเลือกประธาน และรองประธานวุฒิสภา เพราะส่วนตัวมองว่า เป็นการขัดพ.ร.ฎ.เรียกประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ เสี่ยงทำผิดรัฐธรรมนูญได้ ส่วนที่มีชื่อ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา เป็นหนึ่งในแดนดิเดตนั้น ตนอยากเรียกร้องให้นายสุรชัย ลาออกจากตำแหน่ง รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ตามที่เคยแสดงวิสัยทัศน์ช่วงลงสมัครเป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เมื่อปี 2555 ที่นายสุรชัย พูดกลางห้องประชุมเองว่า หากมีส.ว.เลือกตั้งชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ จะเปิดโอกาสให้มีการเลือกตั้งประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 และ คนที่ 2 กันใหม่
นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การพิจารณาเลือกประธาน และรองประธานวุฒิสภา ถือเป็นเรื่องกิจการภายในของวุฒิสภา ที่สามารถดำเนินการได้ ในช่วงการประชุมสมัยวิสามัญ ที่พรรคเพื่อไทย ออกมาคัดค้าน เข้าข่ายก้าวก่ายแทรกแซงการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติได้ รวมถึง นายสุรชัย ไม่จำเป็นต้องลาออกจากรองประธานวุฒิสภาก่อน เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ อีกทั้งในสมัย นายนิคม ไวยรัชพานิช ลงสมัครชิงประธานวุฒิสภา ก็ไม่ได้ลาออกจากรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ล่าสุดว่า สำหรับแคนดิเดตผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา จนถึงขณะนี้ มีผู้สนใจลงสมัคร 3 คน ได้แก่ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหา และ นายจองชัย เที่ยงธรรม ส.ว.สุพรรณบุรี ที่ทางพรรคเพื่อไทย และส.ว.สายเลือกตั้ง พยายามล็อบบี้ขอให้ถอนตัว เพื่อความเป็นเอกภาพของกลุ่ม แต่ไม่เป็นผล นายจองชัย ยังยืนยันที่จะลงแข่งขันอยู่ ดังนั้นความได้เปรียบจึงอยู่ที่ นายสุรชัย ที่มีคะแนนเสียงเป็นกลุ่มก้อนจากกลุ่มส.ว.สรรหา ส.ว.เลือกตั้ง สายพรรคประชาธิปัตย์ และฝ่ายตรงข้ามพรรคเพื่อไทย ซึ่งน่าจะมีเสียงสนับสนุนอยู่ที่ 70-80 คะแนน ขณะที่ พล.ต.อ.จงรัก ยังเป็นรองอยู่มาก โดยมีเสียงสนับสนุนจากฐานการเมืองพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล และส.ว.สรรหา บางส่วน คือ สายตำรวจ สายอดีตข้าราชการ อยู่ราว 50-60 เสียง โดยมีนายจองชัย เป็นตัวแบ่งแต้มไปราว 10-20 เสียง ดังนั้น ต้องจับตาดูผลการลงคะแนนในรอบแรกว่า นายสุรชัย จะชนะขาดหรือไม่ หากต้องลงในรอบที่ 2 จะทำให้เสียงที่สนับสนุน นายจองชัยกลับมาเทให้ พล.ต.อ.จงรัก แต่ไม่น่าจะชนะขาดได้
