การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ในฐานะรัฐบาลรักษาการ มีข้อถกเถียงกันว่า ทำได้หรือไม่ แต่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้ทำไปแล้ว โดยล่าสุดมีคำสั่งย้ายนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ
และถือโอกาสตบรางวัลข้าราชการที่ทำคุณประโยชน์รับใช้รัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่งตั้งพล.ท.ภราดร พัฒนาถบุตร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ เป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม
แม้จะมีข้ออ้างว่า นายกิตติพงษ์มีหนังสือแสดงความประสงค์ ไม่รับตำแหน่งต่อ แต่ทำไมจึงรีบโยกย้ายแต่งตั้งกันนอกฤดูกาล ทั้งที่เป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ
เป็นไปได้ว่า การโยกย้ายปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู โดยข้าราชการคนใดที่ไม่ยอมศิโรราบให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะถูกกลั่นแกล้ง เพราะก่อนหน้านี้ นายกิตติพงษ์เปิดกระทรวงยุติธรรมต้อนรับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.
นอกจากนั้นยังตอกย้ำให้เห็นว่า ข้าราชการคนใดที่ยอมตัวเป็นขี้ข้ารับใช้รัฐบาลชุดนี้ จะได้ปูนบำเหน็จอย่างดี มีตำแหน่งใหญ่โตไว้สนองตัณหา
ไม่มีใครรู้ว่า การแต่งตั้งโยกย้ายในหน่วยงานรัฐได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือไม่ แต่รัฐบาลรักษาการของนางสาวยิ่งลักษณ์อนุมัติแต่งตั้งไปหลายหน่วยงานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ชุดใหม่ หรือกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่
กรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการบีโอไอและคนที่ได้รับเลือกให้ เป็นกรรมการแบงก์ชาติคนใหม่ ล้วนเป็นคนใกล้ชิดทำงานรับใช้ระบอบทักษิณทั้งสิ้น
คณะกรรมการแบงก์ชาติถูกแทรกซึมจนกรรมการเกือบทั้งชุดกลายเป็นคนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ตั้งแต่ยุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรแล้ว การคัดกรองบุคคลที่จะได้รับตำแหน่งใหญ่โต ไม่ได้เฟ้นกันที่คุณภาพ ความรู้ความสามรถหรือคุณงามความดี
แต่ประเมินจากการก้มหัวรับใช้อย่างจงรักภักดี
คนดีในสังคมจึงไม่มีโอกาสได้ดิบได้ดี แต่กลับถูกจ้องทำลายล้าง ส่วนคนที่ยอมเป็นขี้ข้ากลับได้เป็นใหญ่เป็นโต
ระบบขี้ข้าดำเนินมาต่อเนื่องจนถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และสะท้อนออกมาด้วยภาพลักษณ์ของ ครม.โดยการแต่งตั้งรัฐมนตรีแต่ละคนไม่ต้องพูดถึงความเหมาะสมและความสามารถ แต่ประเมินกันด้วยความไว้วางใจในการเป็นขี้ข้ารับใช้
การแต่งตั้งข้าราชการก็ใช้รูปแบบเดียวกัน ข้าราชการที่เป็นใหญ่เป็นโตในกระทรวงหรือกรมกองต่างๆ ส่วนใหญ่จึงเป็นขี้ข้ารับใช้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้งที่กินเงินเดือนภาษีของประชาชน
พ.ต.ท.ทักษิณวางเป้าหมายไว้ชัดเจน จะต้องกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ และพยายามแทรกซึมเข้าไปในทุกระบบ ทั้งฝ่ายตุลาการ ฝ่ายนิติบัญญัติ องค์กรอิสระและหน่วยงานราชการ
การสถาปนาระบบขี้ข้าก้าวไปอย่างได้ผล เพราะมีข้าราชการที่สิ้นคิด ขาดสำนึก ไร้ศักดิ์ศรีจำนวนไม่น้อยพร้อมก้มหัวให้ระบอบทักษิณ เพียงเพื่อให้ได้ตำแหน่ง
ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ต่อไปจะเป็นอันตรายมาก เพราะคนดีในสังคมคงไม่มีที่ยืน ข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตจะไม่มีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ ส่วนราชการขี้ข้าคงเต็มบ้านเต็มเมือง
แต่วาระสุดท้ายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ใกล้เข้ามาแล้ว ระบอบทักษิณก็เสื่อมลงทุกที
ระบบขี้ข้าที่รุ่งเรืองมานับสิบปีกำลังรอวันล่มสลาย ข้าราชการที่ไม่รักดี นักบริหารนักธุรกิจที่แสดงตัวรับใช้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และแทรกซึมอยู่ในรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานต่างๆ รอวันถูกกวาดล้าง
รัฐบาลยิ่งลักษณ์หมดอำนาจเมื่อใด เหล่าขี้ข้าจะมีสภาพเหมือนผึ้งแตกรัง ถูกขับไสไล่ส่งจากหน่วยงานรัฐต่างๆ และคงไม่มีใครหน้าด้านอยู่ในตำแหน่งจนถูกไล่
สิ่งที่อยากดูกันคือ ข้าราชการที่ยอมตัวเป็นขี้ข้าชะตากรรมจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะบางคนที่ยังไม่ยอมชะโงกดูเงาหัวตัวเอง ออกมาปกป้องรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างออกนอกหน้า แสดงตัวเหมือนพร้อมจะตายแทน
ไม่ต้องจัดลำดับว่า ข้าราชการคนใดเป็นขี้ข้าเบอร์หนึ่งเบอร์สอง ไม่ต้องให้คะแนนว่า ข้าราชการคนไหนชั่วมากกว่ากัน
เพราะความชั่วไม่มีลำดับชั้น ชั่วคือชั่ว และข้าราชการชั่วจะต้องถูกกำจัด
ข้าราชการขี้ข้าที่ถวายชีวิตรับใช้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ วันนี้น่าจะอยู่ในภาวะหนาวๆ ร้อนๆ เพราะถ้า “ยิ่งลักษณ์” มีอันเป็นไป จะถูกคิดบัญชีย้อนหลังกันเป็นแถว
มีคนสงสัยว่า “ธาริต เพ็งดิษฐ์” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่เพิ่งออกมาโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ ยังกินอิ่มนอนหลับอยู่หรือไม่
และถือโอกาสตบรางวัลข้าราชการที่ทำคุณประโยชน์รับใช้รัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่งตั้งพล.ท.ภราดร พัฒนาถบุตร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ เป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม
แม้จะมีข้ออ้างว่า นายกิตติพงษ์มีหนังสือแสดงความประสงค์ ไม่รับตำแหน่งต่อ แต่ทำไมจึงรีบโยกย้ายแต่งตั้งกันนอกฤดูกาล ทั้งที่เป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ
เป็นไปได้ว่า การโยกย้ายปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู โดยข้าราชการคนใดที่ไม่ยอมศิโรราบให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะถูกกลั่นแกล้ง เพราะก่อนหน้านี้ นายกิตติพงษ์เปิดกระทรวงยุติธรรมต้อนรับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.
นอกจากนั้นยังตอกย้ำให้เห็นว่า ข้าราชการคนใดที่ยอมตัวเป็นขี้ข้ารับใช้รัฐบาลชุดนี้ จะได้ปูนบำเหน็จอย่างดี มีตำแหน่งใหญ่โตไว้สนองตัณหา
ไม่มีใครรู้ว่า การแต่งตั้งโยกย้ายในหน่วยงานรัฐได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือไม่ แต่รัฐบาลรักษาการของนางสาวยิ่งลักษณ์อนุมัติแต่งตั้งไปหลายหน่วยงานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ชุดใหม่ หรือกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่
กรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการบีโอไอและคนที่ได้รับเลือกให้ เป็นกรรมการแบงก์ชาติคนใหม่ ล้วนเป็นคนใกล้ชิดทำงานรับใช้ระบอบทักษิณทั้งสิ้น
คณะกรรมการแบงก์ชาติถูกแทรกซึมจนกรรมการเกือบทั้งชุดกลายเป็นคนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ตั้งแต่ยุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรแล้ว การคัดกรองบุคคลที่จะได้รับตำแหน่งใหญ่โต ไม่ได้เฟ้นกันที่คุณภาพ ความรู้ความสามรถหรือคุณงามความดี
แต่ประเมินจากการก้มหัวรับใช้อย่างจงรักภักดี
คนดีในสังคมจึงไม่มีโอกาสได้ดิบได้ดี แต่กลับถูกจ้องทำลายล้าง ส่วนคนที่ยอมเป็นขี้ข้ากลับได้เป็นใหญ่เป็นโต
ระบบขี้ข้าดำเนินมาต่อเนื่องจนถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และสะท้อนออกมาด้วยภาพลักษณ์ของ ครม.โดยการแต่งตั้งรัฐมนตรีแต่ละคนไม่ต้องพูดถึงความเหมาะสมและความสามารถ แต่ประเมินกันด้วยความไว้วางใจในการเป็นขี้ข้ารับใช้
การแต่งตั้งข้าราชการก็ใช้รูปแบบเดียวกัน ข้าราชการที่เป็นใหญ่เป็นโตในกระทรวงหรือกรมกองต่างๆ ส่วนใหญ่จึงเป็นขี้ข้ารับใช้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้งที่กินเงินเดือนภาษีของประชาชน
พ.ต.ท.ทักษิณวางเป้าหมายไว้ชัดเจน จะต้องกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ และพยายามแทรกซึมเข้าไปในทุกระบบ ทั้งฝ่ายตุลาการ ฝ่ายนิติบัญญัติ องค์กรอิสระและหน่วยงานราชการ
การสถาปนาระบบขี้ข้าก้าวไปอย่างได้ผล เพราะมีข้าราชการที่สิ้นคิด ขาดสำนึก ไร้ศักดิ์ศรีจำนวนไม่น้อยพร้อมก้มหัวให้ระบอบทักษิณ เพียงเพื่อให้ได้ตำแหน่ง
ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ต่อไปจะเป็นอันตรายมาก เพราะคนดีในสังคมคงไม่มีที่ยืน ข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตจะไม่มีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ ส่วนราชการขี้ข้าคงเต็มบ้านเต็มเมือง
แต่วาระสุดท้ายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ใกล้เข้ามาแล้ว ระบอบทักษิณก็เสื่อมลงทุกที
ระบบขี้ข้าที่รุ่งเรืองมานับสิบปีกำลังรอวันล่มสลาย ข้าราชการที่ไม่รักดี นักบริหารนักธุรกิจที่แสดงตัวรับใช้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และแทรกซึมอยู่ในรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานต่างๆ รอวันถูกกวาดล้าง
รัฐบาลยิ่งลักษณ์หมดอำนาจเมื่อใด เหล่าขี้ข้าจะมีสภาพเหมือนผึ้งแตกรัง ถูกขับไสไล่ส่งจากหน่วยงานรัฐต่างๆ และคงไม่มีใครหน้าด้านอยู่ในตำแหน่งจนถูกไล่
สิ่งที่อยากดูกันคือ ข้าราชการที่ยอมตัวเป็นขี้ข้าชะตากรรมจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะบางคนที่ยังไม่ยอมชะโงกดูเงาหัวตัวเอง ออกมาปกป้องรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างออกนอกหน้า แสดงตัวเหมือนพร้อมจะตายแทน
ไม่ต้องจัดลำดับว่า ข้าราชการคนใดเป็นขี้ข้าเบอร์หนึ่งเบอร์สอง ไม่ต้องให้คะแนนว่า ข้าราชการคนไหนชั่วมากกว่ากัน
เพราะความชั่วไม่มีลำดับชั้น ชั่วคือชั่ว และข้าราชการชั่วจะต้องถูกกำจัด
ข้าราชการขี้ข้าที่ถวายชีวิตรับใช้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ วันนี้น่าจะอยู่ในภาวะหนาวๆ ร้อนๆ เพราะถ้า “ยิ่งลักษณ์” มีอันเป็นไป จะถูกคิดบัญชีย้อนหลังกันเป็นแถว
มีคนสงสัยว่า “ธาริต เพ็งดิษฐ์” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่เพิ่งออกมาโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ ยังกินอิ่มนอนหลับอยู่หรือไม่
