ASTVผู้จัดการรายวัน-"มาร์ค"ยันแผนทางออกประเทศไม่ขัดรธน.ทุกกระบวนการเดินตามกรอบ หวัง”ยิ่งลักษณ์-ครม.”ยอมเสียสละลาออกก่อนถูกศาลตัดสิน เกรงความขัดแย้งรุมเร้า จับตาประชุมครม.หาก “ปู”เดินหน้าออกพ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ถือเป็นการส่งสัญญาณไม่ร่วมด้วย ด้าน"เพื่อไทย"นัดถกข้อเสนอ"มาร์ค"วันนี้ ก่อนออกแถลงงการณ์จุดยืนของพรรค คาดไม่รับข้อเสนอ อ้างนายกฯลาออกไม่ได้ จะขัด ม.181
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอแนวทางออกของประเทศที่ได้นำเสนอไปนั้น ยืนยันไม่ได้ขัดรัฐธรรมนูญ หรือเป็นการปฏิวัติเงียบ ซึ่งไม่มีใครกล้ายืนยันว่า การเลือกตั้ง 20 ก.ค. หรือแม้จะเป็นเดือนอื่นแล้วจะสำเร็จ แม้แต่ทุกพรรคการเมืองที่ไปคุยกับกกต. ก็ยอมรับว่า ถ้าสภาพบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ การเลือกตั้งไม่สำเร็จ ต้องถามว่าระหว่างที่เดินไปเผชิญหน้ากันไป ไม่รู้จะไปจบที่ไหน เมื่อไหร่ กับการได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญนี้ อันไหนที่จะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ หรือเป็นไปตามหลักประชาธิปไตยมากกว่ากัน
ส่วนที่อ้างว่านายกรัฐมนตรี จะต้องรักษาการไปจนกว่าจะมีนายกฯคนใหม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การลาออกถือเป็นเอกสิทธิ์ และการปรับคณะรัฐมนตรี ก็เป็นอำนาจที่นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการได้ ไม่มีรัฐธรรมนูญตรงไหนห้าม ซึ่งใอดีต นายวิษณุ เครืองาม ก็เคยลาออกจากรองนายกฯรักษาการ และนายกรัฐมนตรี ยังเคยปรับรัฐมนตรีออก เพราะฉะนั้นคำพูดที่บอกว่า การให้ใครลาออกนี้ เป็นการฉีกรัฐธรรมนูญนั้นไม่เป็นความจริง และตามระบบรัฐสภา นายกรัฐมนตรีก็คือรัฐมนตรีคนหนึ่ง
"แม้นายกฯ จะไม่ยอมลาออกตอนนี้ แต่ถ้าศาลตัดสินให้รัฐธรรมนูญเขียนให้สรรหานายกฯ ภายใน 30 วัน ก็จะเกิดความขัดแย้ง ในการตีความ ทำไมเราต้องรอให้มันความขัดแย้งในการตีความ มีการปลุกระดม ถ้ารัฐบาลเดินตามแผนที่ผมเสนอ กปปส. ยอมรับแผนนี้ ทุกอย่างก็ไม่ต้องมาขัดแย้งกัน แล้วรัฐบาลก็จะได้รู้ว่า อีก 5 เดือน 6 เดือน มีการเลือกตั้งที่มีความเรียบร้อย ขณะเดียวกันนั้น กระบวนการปฏิรูปก็เดินได้ทันที ด้วยการมีสภาปฏิรูป รัฐบาลคนกลาง ซึ่งแม้จะแก้กฎหมายไม่ได้ แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ ก็เตรียมข้อเสนอไว้ ขณะเดียวกันกระบวนการประชามติ ก็จะเริ่มขึ้นให้ประชาชนให้ความสนับสนุนการปฏิรูป แล้วกระบวนการประชามติ ก็เป็นกระบวนการที่ถือว่าเป็นประชาธิปไตยที่สุดกระบวนการหนึ่ง"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเวลานี้อยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ หยิบรัฐธรรมนูญแค่ท่อนใด ท่อนหนึ่งมา ใครทำก็ขัดทั้งนั้น เราต้องเทียบเคียงตามเจตนารมณ์ ที่จะนำกระบวนการนี้กลับเข้าสู่การเดินตามรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย เพราะว่าสิ่งที่ตนเรียกร้อง หรือกำหนดแผนนี้เป็นความสมัครใจ ไม่มีใครไปบังคับใคร ต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่ความสงบของบ้านเมือง
ส่วนการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีคนกลางนั้น ประธานวุฒิสภา ต้องไปพิจารณาแนวทาง วิธีการสรรหาที่เหมาะสม แต่สำหรับตนได้กำหนดคุณสมบัติหลักๆ คือ รัฐบาลคนกลางต้องไม่มีนักการเมือง พรรคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยให้เป็นเอกสิทธิ์ของประธานวุฒิสภาในการสรรหา โดยให้ทั้ง 2 ฝ่ายรับได้ และเป็นคนที่มีใจกับการปฏิรูป
สำหรับการทำประชามติมี 3 ประเด็น คือ 1. สภาปฏิรูปจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร ที่จะมาทำหน้าที่ในการชงข้อเสนอต่างๆ ให้กับสภาผู้แทนฯ ชุดต่อไป 2. การปฏิรูปอาจจะระบุไปเลยว่า อย่างน้อยต้องทำเรื่องอะไร เช่น คอร์รัปชัน การเลือกตั้ง การเมือง และอาจจะมีเรื่องอื่นๆ 3. ให้สภาปฏิรูป เป็นผู้นำเสนอให้สภาชุดต่อไปสานต่อ ถ้าประชาชนเห็นชอบ จะเป็นการสร้างความชอบธรรมในทางประชาธิปไตย ให้กับตัวสภาปฏิรูป ให้กับประเด็นที่จะปฏิรูป และรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง โดยทุกพรรคการเมือง ต้องช่วยกันรณรงค์การทำประชามติ เดินทางไปทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นการปูทางให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พรรคเพื่อไทย สามารถไปทำกิจกรรมภาคใต้ พวกตนก็ไปเหนือ ไปอีสาน กกต. ก็ไปได้ทุกที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออก ศาลจะต้องจำหน่ายคดีออกไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตามมาตรฐานคำวินิจฉัยในอดีต พอไม่อยู่ในตำแหน่งแล้ว ศาลก็จะไม่วินิจฉัยประเด็นคุณสมบัติ คดีของตน ที่พอพ้นจาก ส.ส. ก็มีการจำหน่ายคดี อย่างไรก็ตาม หากในสัปดาห์นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ก็คงจะแสดงชัดว่า ไม่ยอมรับข้อเสนอของตน แม้จะมีการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาได้ แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณชัดเจน แต่หากศาลตัดสินแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งไป เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ก็กังวลว่า อาจจะสาย หากเกิดมีปัญหาการตีความว่า จะต้องดำเนินการกันอย่างไรต่อไป และเกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น
** วัดใจ"ปู"จะเชื่อ"มาร์ค"หรือเลือกนองเลือด
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจากนายอภิสิทธิ์ เสนอแผนทางออกประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านมาแล้ว 48 ชั่วโมง แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมาแสดงความคิดเห็น หรือมีท่าทีตอบรับแต่อย่างใด มีเพียงแต่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง ออกมาตอบโต้ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย เหมือนทำตัวเป็นแกะดำที่มีพิษภัยทำให้สังคมไทยไปสู่จุดอับ การกล่าวอ้างว่า ข้อเสนอทั้ง 10 ข้อ ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญนั้น ขอยืนยันว่า ข้อเสนอทั้งหมดได้ขับเคลื่อนไปตามกฎหมาย เพื่อยุติความสูญเสีย ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์นองเลือด และการทำรัฐประหารเกิดขึ้น
"อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตาสว่าง โดยเฉพาะในการประชุมครม.วันที่ 6 พ.ค.นี้ หากครม.พิจารณาเห็นชอบตรา พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป เท่ากับว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ปิดประตูประเทศใส่ตัวเอง ใส่ประชาชน ทั้งที่รู้ว่าหากมีการเลือกตั้งวันที่ 20 ก.ค. ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองแบบนี้ ก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จได้ เหลือเวลาอีก 24 ชั่วโมง จะรอดูน้ำจิตน้ำใจของสตรีที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ว่า จะตัดสินใจหลีกเลี่ยงความสูญเสีย หรือว่าจะตัดสินใจลากประเทศไปสู่การนองเลือด และการปฏิวัติ" นายชวนนท์ กล่าว
**'พท.'ถกข้อเสนอ'มาร์ค'วันนี้
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันนี้ ( 6 พ.ค.) เวลา 10.00 น. คณะกรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย กรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค คณะกรรมการประจำโซนภาคต่างๆ และแกนนำพรรค จะร่วมหารือถึงข้อเสนอทางออกประเทศ 10 ข้อ ของนายอภิสิทธิ์ อย่างละเอียด
จากนั้นเวลา 13.00 น. ทางพรรคจะออกแถลงการณ์ถึงจุดยืนของพรรค ที่มีต่อข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ และจะนำแถลงการณ์ของพรรคให้ส.ส.ไปอธิบายชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจด้วย โดยคณะกรรมการกิจการพรรค จะพิจารณาข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ว่า ต้องอยู่ในเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ไม่ทำผิดกฎหมาย หรือถ้ารับข้อเสนอของ นายอภิสิทธิ์ จะมีอะไรเป็นหลักประกันว่าประชาชนจะไม่ถูกหลอก เหมือนตอนให้รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ที่ให้บอกว่าให้รับร่างไปก่อน แล้วมาแก้ไขในภายหลัง แต่สุดท้ายพอจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ถูกขัดขวาง
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า เท่าที่แกนนำพรรคหารือเบื้องต้น เห็นตรงกันว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ที่ให้นายกฯ และครม.ลาออก เพื่อเปิดทางให้มีนายกฯ และรัฐบาลคนกลาง เป็นการผิดรัฐธรรมนูญ และขัดต่อระบอบประชาธิปไตย จะซ้ำเติมปัญหาให้เกิดวิกฤตยิ่งขึ้น มากกว่าการแก้ปัญหา เพราะการตั้งนายกฯ คนนอก ไม่ต่างจากนายกฯ มาตรา 7 ตามแนวทางของ กปปส. โดยแกนนำพรรคมองว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ทำไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญปี 50 ถ้าทำได้ ก็ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ และไม่เห็นด้วยให้นายกฯ ลาออก ขอให้นายกฯ ยึดหลักกฎหมาย ถ้าไปลาออกจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ที่ระบุว่า หลังจากยุบสภา รัฐบาลต้องอยู่รักษาการจนกว่าจะมีครม.ชุดใหม่ ถ้าไปลาออก อาจถูกยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า กระทำผิดรัฐธรรมนูญได้ ไม่มีใครในพรรคเสนอให้นายกรัฐมนตรีลาออกตามข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์
ส่วนที่นายอภิสิทธิ์บอกว่า ข้อเสนอ 10 ข้อ ไม่ใช่การแช่แข็งประเทศนั้น เป็นแค่ข้ออ้าง ชักแม่น้ำทั้งห้า หวังใช้เผด็จการเสียงข้างน้อย มาลากเสียงข้างมาก ถ้านายอภิสิทธิ์ บอกว่าไม่แช่แข็งประเทศ แล้วทำไมเสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งวันที่ 20 ก.ค. อย่ามาตัดสินใจแทนประชาชนให้ชะลอเลือกตั้ง เพราะคนส่วนใหญ่อยากให้มีการเลือกตั้ง
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ที่ให้นายกรัฐมนตรี ลาออก ว่า แม้ตนจะตอบแทนนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แต่ตนจำได้ว่า นายกฯ เคยประกาศต่อสาธารณะว่า จะยอมตายในสนามประชาธิปไตยเหมือนกับที่ทหารยอมตายในสนามรบ ซึ่งตนมั่นใจว่า แม้นายกฯ จะเป็นผู้หญิง แต่คงไม่ยอมกลับคำของตัวเองที่กล่าวต่อสาธารณะแน่นอน และในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทยคนหนึ่ง ตนมั่นใจว่า คณะกรรมการกิจการพรรค ซึ่งจะประชุมในวันนี้ ( 6 พ.ค.) คงจะยืนยันยึดมั่นรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ และจะแถลงให้สาธารณะทราบต่อไป
** ซัด"มาร์ค"แค่ร่างทรง"สุเทพ"
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ชัดเจนแล้วว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นเพียงร่างทรงของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เพราะข้อเสนอเหมือนนายสุเทพ ทั้งหมด เสียเวลาเดินสาย คิดว่าจะเป็นพระเอก ที่แท้ก็แค่โจรป่า โผล่มาข่มขู่แล้วก็จากไป ขนาดนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ พระพุทธะอิสระ ยังยอมรับตรงกันว่าไม่มีอะไรใหม่ เหตุที่นายสุเทพ ยืมมือนายอภิสิทธิ์ มาเสนอ เพราะต้นทุนนายสุเทพไม่เหลือ ทั้งหมดคือ จะให้นายกฯ ลาออกให้ได้ เพื่อเปิดทางให้มีนายกฯคนกลาง ข้ออ้างปฏิรูป จึงเป็นเพียงนำจิ้มประกอบที่ขัดรัฐธรรมนูญ นายกฯ ต้องเป็นส.ส. ไม่มีสภาให้ส.ส.โหวตนายกฯ นายกฯจะมาจากไหน
ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ จึงเป็นรัฐประหารซ่อนรูป มัดมือชก ข่มขู่ประชาชน 65 ล้านคน ถ้าไม่เอาตาม นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ บ้านเมืองจะไม่สงบ ทั้งที่ทางออกที่ง่าย ที่เป็นธรรมและเป็นกลางที่สุด คือ การเลือกตั้ง ทุกพรรคต้องเสนอแนวทางปฏิรูป ออกกฎหมายให้มีสภาปฏิรูป 1 ปีคืนอำนาจ เลือกตั้งใหม่ เข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ กลัวแพ้เลือกตั้ง ประชาชนควรเป็นผู้กำหนดกติกา นักการเมืองควรเป็นผู้เล่น ไม่ใช่กติกาที่ตัวเองแก้เอง ประชาชนควรเป็นผู้กำหนดกติกาให้นักการเมือง ไม่ใช่นักการเมืองกำหนดอนาคตบ้านเมืองให้ประชาชน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอแนวทางออกของประเทศที่ได้นำเสนอไปนั้น ยืนยันไม่ได้ขัดรัฐธรรมนูญ หรือเป็นการปฏิวัติเงียบ ซึ่งไม่มีใครกล้ายืนยันว่า การเลือกตั้ง 20 ก.ค. หรือแม้จะเป็นเดือนอื่นแล้วจะสำเร็จ แม้แต่ทุกพรรคการเมืองที่ไปคุยกับกกต. ก็ยอมรับว่า ถ้าสภาพบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ การเลือกตั้งไม่สำเร็จ ต้องถามว่าระหว่างที่เดินไปเผชิญหน้ากันไป ไม่รู้จะไปจบที่ไหน เมื่อไหร่ กับการได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญนี้ อันไหนที่จะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ หรือเป็นไปตามหลักประชาธิปไตยมากกว่ากัน
ส่วนที่อ้างว่านายกรัฐมนตรี จะต้องรักษาการไปจนกว่าจะมีนายกฯคนใหม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การลาออกถือเป็นเอกสิทธิ์ และการปรับคณะรัฐมนตรี ก็เป็นอำนาจที่นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการได้ ไม่มีรัฐธรรมนูญตรงไหนห้าม ซึ่งใอดีต นายวิษณุ เครืองาม ก็เคยลาออกจากรองนายกฯรักษาการ และนายกรัฐมนตรี ยังเคยปรับรัฐมนตรีออก เพราะฉะนั้นคำพูดที่บอกว่า การให้ใครลาออกนี้ เป็นการฉีกรัฐธรรมนูญนั้นไม่เป็นความจริง และตามระบบรัฐสภา นายกรัฐมนตรีก็คือรัฐมนตรีคนหนึ่ง
"แม้นายกฯ จะไม่ยอมลาออกตอนนี้ แต่ถ้าศาลตัดสินให้รัฐธรรมนูญเขียนให้สรรหานายกฯ ภายใน 30 วัน ก็จะเกิดความขัดแย้ง ในการตีความ ทำไมเราต้องรอให้มันความขัดแย้งในการตีความ มีการปลุกระดม ถ้ารัฐบาลเดินตามแผนที่ผมเสนอ กปปส. ยอมรับแผนนี้ ทุกอย่างก็ไม่ต้องมาขัดแย้งกัน แล้วรัฐบาลก็จะได้รู้ว่า อีก 5 เดือน 6 เดือน มีการเลือกตั้งที่มีความเรียบร้อย ขณะเดียวกันนั้น กระบวนการปฏิรูปก็เดินได้ทันที ด้วยการมีสภาปฏิรูป รัฐบาลคนกลาง ซึ่งแม้จะแก้กฎหมายไม่ได้ แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ ก็เตรียมข้อเสนอไว้ ขณะเดียวกันกระบวนการประชามติ ก็จะเริ่มขึ้นให้ประชาชนให้ความสนับสนุนการปฏิรูป แล้วกระบวนการประชามติ ก็เป็นกระบวนการที่ถือว่าเป็นประชาธิปไตยที่สุดกระบวนการหนึ่ง"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเวลานี้อยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ หยิบรัฐธรรมนูญแค่ท่อนใด ท่อนหนึ่งมา ใครทำก็ขัดทั้งนั้น เราต้องเทียบเคียงตามเจตนารมณ์ ที่จะนำกระบวนการนี้กลับเข้าสู่การเดินตามรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย เพราะว่าสิ่งที่ตนเรียกร้อง หรือกำหนดแผนนี้เป็นความสมัครใจ ไม่มีใครไปบังคับใคร ต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่ความสงบของบ้านเมือง
ส่วนการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีคนกลางนั้น ประธานวุฒิสภา ต้องไปพิจารณาแนวทาง วิธีการสรรหาที่เหมาะสม แต่สำหรับตนได้กำหนดคุณสมบัติหลักๆ คือ รัฐบาลคนกลางต้องไม่มีนักการเมือง พรรคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยให้เป็นเอกสิทธิ์ของประธานวุฒิสภาในการสรรหา โดยให้ทั้ง 2 ฝ่ายรับได้ และเป็นคนที่มีใจกับการปฏิรูป
สำหรับการทำประชามติมี 3 ประเด็น คือ 1. สภาปฏิรูปจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร ที่จะมาทำหน้าที่ในการชงข้อเสนอต่างๆ ให้กับสภาผู้แทนฯ ชุดต่อไป 2. การปฏิรูปอาจจะระบุไปเลยว่า อย่างน้อยต้องทำเรื่องอะไร เช่น คอร์รัปชัน การเลือกตั้ง การเมือง และอาจจะมีเรื่องอื่นๆ 3. ให้สภาปฏิรูป เป็นผู้นำเสนอให้สภาชุดต่อไปสานต่อ ถ้าประชาชนเห็นชอบ จะเป็นการสร้างความชอบธรรมในทางประชาธิปไตย ให้กับตัวสภาปฏิรูป ให้กับประเด็นที่จะปฏิรูป และรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง โดยทุกพรรคการเมือง ต้องช่วยกันรณรงค์การทำประชามติ เดินทางไปทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นการปูทางให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พรรคเพื่อไทย สามารถไปทำกิจกรรมภาคใต้ พวกตนก็ไปเหนือ ไปอีสาน กกต. ก็ไปได้ทุกที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออก ศาลจะต้องจำหน่ายคดีออกไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตามมาตรฐานคำวินิจฉัยในอดีต พอไม่อยู่ในตำแหน่งแล้ว ศาลก็จะไม่วินิจฉัยประเด็นคุณสมบัติ คดีของตน ที่พอพ้นจาก ส.ส. ก็มีการจำหน่ายคดี อย่างไรก็ตาม หากในสัปดาห์นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ก็คงจะแสดงชัดว่า ไม่ยอมรับข้อเสนอของตน แม้จะมีการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาได้ แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณชัดเจน แต่หากศาลตัดสินแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งไป เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ก็กังวลว่า อาจจะสาย หากเกิดมีปัญหาการตีความว่า จะต้องดำเนินการกันอย่างไรต่อไป และเกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น
** วัดใจ"ปู"จะเชื่อ"มาร์ค"หรือเลือกนองเลือด
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจากนายอภิสิทธิ์ เสนอแผนทางออกประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านมาแล้ว 48 ชั่วโมง แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมาแสดงความคิดเห็น หรือมีท่าทีตอบรับแต่อย่างใด มีเพียงแต่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง ออกมาตอบโต้ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย เหมือนทำตัวเป็นแกะดำที่มีพิษภัยทำให้สังคมไทยไปสู่จุดอับ การกล่าวอ้างว่า ข้อเสนอทั้ง 10 ข้อ ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญนั้น ขอยืนยันว่า ข้อเสนอทั้งหมดได้ขับเคลื่อนไปตามกฎหมาย เพื่อยุติความสูญเสีย ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์นองเลือด และการทำรัฐประหารเกิดขึ้น
"อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตาสว่าง โดยเฉพาะในการประชุมครม.วันที่ 6 พ.ค.นี้ หากครม.พิจารณาเห็นชอบตรา พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป เท่ากับว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ปิดประตูประเทศใส่ตัวเอง ใส่ประชาชน ทั้งที่รู้ว่าหากมีการเลือกตั้งวันที่ 20 ก.ค. ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองแบบนี้ ก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จได้ เหลือเวลาอีก 24 ชั่วโมง จะรอดูน้ำจิตน้ำใจของสตรีที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ว่า จะตัดสินใจหลีกเลี่ยงความสูญเสีย หรือว่าจะตัดสินใจลากประเทศไปสู่การนองเลือด และการปฏิวัติ" นายชวนนท์ กล่าว
**'พท.'ถกข้อเสนอ'มาร์ค'วันนี้
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันนี้ ( 6 พ.ค.) เวลา 10.00 น. คณะกรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย กรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค คณะกรรมการประจำโซนภาคต่างๆ และแกนนำพรรค จะร่วมหารือถึงข้อเสนอทางออกประเทศ 10 ข้อ ของนายอภิสิทธิ์ อย่างละเอียด
จากนั้นเวลา 13.00 น. ทางพรรคจะออกแถลงการณ์ถึงจุดยืนของพรรค ที่มีต่อข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ และจะนำแถลงการณ์ของพรรคให้ส.ส.ไปอธิบายชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจด้วย โดยคณะกรรมการกิจการพรรค จะพิจารณาข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ว่า ต้องอยู่ในเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ไม่ทำผิดกฎหมาย หรือถ้ารับข้อเสนอของ นายอภิสิทธิ์ จะมีอะไรเป็นหลักประกันว่าประชาชนจะไม่ถูกหลอก เหมือนตอนให้รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ที่ให้บอกว่าให้รับร่างไปก่อน แล้วมาแก้ไขในภายหลัง แต่สุดท้ายพอจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ถูกขัดขวาง
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า เท่าที่แกนนำพรรคหารือเบื้องต้น เห็นตรงกันว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ที่ให้นายกฯ และครม.ลาออก เพื่อเปิดทางให้มีนายกฯ และรัฐบาลคนกลาง เป็นการผิดรัฐธรรมนูญ และขัดต่อระบอบประชาธิปไตย จะซ้ำเติมปัญหาให้เกิดวิกฤตยิ่งขึ้น มากกว่าการแก้ปัญหา เพราะการตั้งนายกฯ คนนอก ไม่ต่างจากนายกฯ มาตรา 7 ตามแนวทางของ กปปส. โดยแกนนำพรรคมองว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ทำไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญปี 50 ถ้าทำได้ ก็ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ และไม่เห็นด้วยให้นายกฯ ลาออก ขอให้นายกฯ ยึดหลักกฎหมาย ถ้าไปลาออกจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ที่ระบุว่า หลังจากยุบสภา รัฐบาลต้องอยู่รักษาการจนกว่าจะมีครม.ชุดใหม่ ถ้าไปลาออก อาจถูกยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า กระทำผิดรัฐธรรมนูญได้ ไม่มีใครในพรรคเสนอให้นายกรัฐมนตรีลาออกตามข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์
ส่วนที่นายอภิสิทธิ์บอกว่า ข้อเสนอ 10 ข้อ ไม่ใช่การแช่แข็งประเทศนั้น เป็นแค่ข้ออ้าง ชักแม่น้ำทั้งห้า หวังใช้เผด็จการเสียงข้างน้อย มาลากเสียงข้างมาก ถ้านายอภิสิทธิ์ บอกว่าไม่แช่แข็งประเทศ แล้วทำไมเสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งวันที่ 20 ก.ค. อย่ามาตัดสินใจแทนประชาชนให้ชะลอเลือกตั้ง เพราะคนส่วนใหญ่อยากให้มีการเลือกตั้ง
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ที่ให้นายกรัฐมนตรี ลาออก ว่า แม้ตนจะตอบแทนนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แต่ตนจำได้ว่า นายกฯ เคยประกาศต่อสาธารณะว่า จะยอมตายในสนามประชาธิปไตยเหมือนกับที่ทหารยอมตายในสนามรบ ซึ่งตนมั่นใจว่า แม้นายกฯ จะเป็นผู้หญิง แต่คงไม่ยอมกลับคำของตัวเองที่กล่าวต่อสาธารณะแน่นอน และในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทยคนหนึ่ง ตนมั่นใจว่า คณะกรรมการกิจการพรรค ซึ่งจะประชุมในวันนี้ ( 6 พ.ค.) คงจะยืนยันยึดมั่นรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ และจะแถลงให้สาธารณะทราบต่อไป
** ซัด"มาร์ค"แค่ร่างทรง"สุเทพ"
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ชัดเจนแล้วว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นเพียงร่างทรงของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เพราะข้อเสนอเหมือนนายสุเทพ ทั้งหมด เสียเวลาเดินสาย คิดว่าจะเป็นพระเอก ที่แท้ก็แค่โจรป่า โผล่มาข่มขู่แล้วก็จากไป ขนาดนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ พระพุทธะอิสระ ยังยอมรับตรงกันว่าไม่มีอะไรใหม่ เหตุที่นายสุเทพ ยืมมือนายอภิสิทธิ์ มาเสนอ เพราะต้นทุนนายสุเทพไม่เหลือ ทั้งหมดคือ จะให้นายกฯ ลาออกให้ได้ เพื่อเปิดทางให้มีนายกฯคนกลาง ข้ออ้างปฏิรูป จึงเป็นเพียงนำจิ้มประกอบที่ขัดรัฐธรรมนูญ นายกฯ ต้องเป็นส.ส. ไม่มีสภาให้ส.ส.โหวตนายกฯ นายกฯจะมาจากไหน
ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ จึงเป็นรัฐประหารซ่อนรูป มัดมือชก ข่มขู่ประชาชน 65 ล้านคน ถ้าไม่เอาตาม นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ บ้านเมืองจะไม่สงบ ทั้งที่ทางออกที่ง่าย ที่เป็นธรรมและเป็นกลางที่สุด คือ การเลือกตั้ง ทุกพรรคต้องเสนอแนวทางปฏิรูป ออกกฎหมายให้มีสภาปฏิรูป 1 ปีคืนอำนาจ เลือกตั้งใหม่ เข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ กลัวแพ้เลือกตั้ง ประชาชนควรเป็นผู้กำหนดกติกา นักการเมืองควรเป็นผู้เล่น ไม่ใช่กติกาที่ตัวเองแก้เอง ประชาชนควรเป็นผู้กำหนดกติกาให้นักการเมือง ไม่ใช่นักการเมืองกำหนดอนาคตบ้านเมืองให้ประชาชน