**เสียงด่าขรมระงมเมือง เมื่อเห็นข้อเสนอทางออกประเทศไทยของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อนหน้านี้ตีฆ้องร้องเป่า เดินสายโน้มน้าวหวังให้สองขั้วหันหน้ามาจับมือกันยุติความขัดแย้ง
แบไพ่ในมือออกมาแทบไม่มีอะไรในกอไผ่ ไร้ความแปลกใหม่ ไม่มีอะไรผิดไปจากเดิมเลย เป็นเรื่องเก่าเอามาเล่นใหม่ แต่ถูกตัดตอนในประเด็นสำคัญไป
ส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมด เป็นข้อเสนอที่ไปคัดลอกแนวคิดของ “กำนันเทือก”นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และแนวร่วมออกมาแทบยกกระบิ
ต่างกันตรงที่ไปประดิดประดอยถ้อยคำให้หล่อตามสไตล์ตัวเองเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรัฐบาลเทพประทาน การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง การบี้ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่อดีตนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง
จับทางข้อเสนอฉบับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูไปดูมาจับอาการได้ว่า ยังไม่กล้าหักดิบกับอดีตคนเคยรักอย่าง กำนันสุเทพ เท่าไหร่ ไอเดียยังไปในโทนเดียวกัน ทำนองออกลูกเกรงอกเกรงใจเสียด้วยซ้ำ
เพราะวันนี้วัดกันตามสภาพความเป็นจริง ตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ โผล่พรวดมาขันอาสาปลดล็อกประเทศ คะแนนสงสารไหลไปทางม็อบนกหวีด พรึบพรับ ด้วยความเห็นใจที่ถูกหักหลัง ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์เหมือนวันวาน
**เรียกว่างานนี้นอกจากจะไม่ทำให้คนอื่นเคลิ้มตามแล้วยังโดนก้อนอิฐขว้างใส่หัวกบาลไปหลายก้อน
ไม่ว่าจะเป็นฝั่งศัตรู หรือแม้กระทั่งฝั่งมิตร มองว่า นายอภิสิทธิ์ หวังจะโชว์หล่อเอาบทฮีโร่คนเดียว จากการออกมาแถลงไขชะเนาะประเทศหนนี้ ทั้งที่การต่อสู้ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ลงไปตกระกำลำบากกับเขาสักเท่าใด มิหนำซ้ำแนวคิดดังกล่าวมันยังเป็นลิขสิทธิ์ของ กปปส. ที่ริเริ่มวางตุ๊กตากันมา
ความเลวไม่มี ความดีไม่ปรากฏ การทะลึ่งมาสวมเสื้อพระเอก ยังจะเป็นการชักใบให้เรือเสียอีกด้วย เพราะการออกมาลักษณะนี้เป็นการโยนข้อเสนอไปให้ฝ่ายตรงข้ามมีช่องทางเลือก โดยเฉพาะการบอกให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และครม.ไขก๊อก ทั้งที่อีกไม่กี่วันข้างหน้า ต่อให้รัฐบาลชุดนี้ดื้อด้านต่อไป ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสภาพ ก็ต้องเตลิดเปิดเปิงออกไปอยู่ดี จึงไม่จำเป็นที่จะกระโดดมาอุ้ม
ที่สำคัญนาทีนี้ ฝ่ายกปปส. กำลังอยู่ในยุทธภูมิที่ได้เปรียบรัฐบาลเป็ดง่อยทุกทาง ไม่จำเป็นต้องไปหยิบยื่นหรือผ่อนปรนอะไรให้โจร มีแต่ฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นที่จะต้องเป็นฝ่ายจรลีมาขอร้อง ไม่ใช่สะเออะเดินเข้าไปหาเสียเอง
**แต่การไปเปิดรูให้ฝั่งตรงข้ามครั้งนี้ จัดเป็นการเสียค่าโง่อย่างใหญ่หลวง ให้เขาขย่มซ้ำ เนื่องจากจะทำให้เห็นว่าหากคนในเครือข่าย น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ยื่นหมูยื่นแมวข้อเสนอที่ดีมา ก็ยังมีโอกาสสงบศึกชิงเมืองในครั้งนี้ได้
**ไปถอยให้เขาเสียอย่างนั้น ไม่ใช่เรื่อง !!
ส่วนการจะเว้นวรรคทางการเมืองเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจเป็นเวลา 2 ปี แม้จะฟังดูดี แต่หากแหงนดูระยะเวลาการปฏิรูป 18 เดือน ที่ชูขึ้นมาก็แทบไม่มีผลกระทบอะไรต่อตัวเอง เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาของการปฏิรูปประเทศ ต่อให้ชนะการเลือกตั้งเข้าไปก็ทำอะไรไม่ได้มาก หรือแม้นายอภิสิทธิ์ จะไม่ลงเลือกตั้ง แต่พรรคประชาธิปัตย์ ก็มีตัวละครอื่นที่พร้อมขึ้นมาเสียบได้หลายคน ดังนั้น จึงไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยนที่ดูสูงค่าอะไรเลย
**แล้วที่อดคาใจกันไม่ได้ ว่านายอภิสิทธิ์ ความจำเสื่อมหรือจงใจไม่พูดในข้อเสนอแม้แต่ตัวอักษรเดียวนั่นคือ การล้มล้างระบอบทักษิณ และขับไล่ตระกูลชินวัตรออกไปจากแวดวงการเมือง ทั้งที่มันเป็นจุดยืนและข้อต่อสู้สำคัญของมวลมหาประชาชนมาตลอด ว่าต้องการจะขุดรากถอนโคนระบอบอัปยศดังกล่าวให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ก็เคยประกาศกร้าวกับแนวทางนี้
**ล้างระบอบทักษิณ เป็นประเด็นสำคัญลำดับแรก ก่อนเรื่องปฏิรูปด้วยซ้ำ !!
จนอดสงสัยไม่ได้ว่า การออกมาโยนข้อเสนอรอบนี้ของหัวหน้าพรรคสีฟ้า มีผลประโยชน์แอบแฝงหรือหวังอะไรกันแน่ ยิ่งมีข่าวลือเรื่อง “ออกซ์ฟอร์ดดีล” กำลังเหม็นเน่าลอยฟุ้งทั่วคุ้งทั่วแคว ยิ่งน่าฉงนงงงวยว่า แท้จริงได้ไปตกลงปลงใจอะไรกับใครมาหรือเปล่า
แต่ไม่ว่าจะไปทำอะไรลับๆ ล่อๆ กันมาตามกระแสข่าวที่วงในซุบซิบ แต่สิ่งหนึ่งที่บังเกิดขึ้นแล้วจากการเสนอตัวปลดล็อกประเทศของอภิสิทธิ์ในครั้งนี้คือ สิ่งที่ กปปส.ต่อสู้ มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากมายมหาศาลเพื่อหวังปัดเป่าประเทศให้หลุดพ้นระบอบทักษิณที่ฝังรากหยั่งลึกกัดกินบ้านเมืองไทยมานาน กำจัดคนชั่วแล้วนำไปสู่การปฏิรูป เพื่อไปสร้างระบบที่ดีขึ้น กำลังจะสูญเปล่าเหนื่อยฟรี ตายฟรี
นายอภิสิทธิ์ กำลังทำให้การต่อสู้ของมวลมหาประชาชนที่เหน็ดเหนื่อย ฟันฝ่ากันมาครึ่งค่อนปีถูกหยิบยกไปเป็นการเกี้ยเซียะ กับอีกฟากฝั่งอย่างนั้นหรือ
การออกมาเสนอทางออกประเทศไปให้ฝ่ายตรงข้ามตัดสินใจ การไม่พูดถึงกำจัดระบอบทักษิณ ในเนื้อผ้าทางการเมืองสิ่งนี้คือ การต่อรอง หรือเจรจาทางอ้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการเมืองบ้านเราสันทัด และถนัดทำลับหลังประชาชน และมักจะประสบผลสำเร็จหากผลประโยชน์ลงตัวแบบวิน–วิน
จากพฤติการณ์หนนี้ จะยิ่งเลวร้ายมาก หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคพวกตอบรับข้อเสนอ และลาออกจากนายกรัฐมนตรี ตามที่ร้องขอให้มีการปฏิรูป แม้ประเทศไทยจะได้การปฏิรูปสมใจ แต่ก็ไปไม่สุดซอย ไม่ถึงฝั่งฝัน เนื่องจากมันเกิดจากการเจรจาและแบ่งปันผลประโยชน์ทางการเมืองกันแล้ว
ตลกร้ายกว่านั้น ก็คือมันไม่ต่างอะไรกับการไปต่อลมหายใจให้ระบอบทักษิณ ยืนยงคงกระพันอยู่บนเส้นทางการเมืองต่อไปแล้วรอวันผงาด กับเอาคืนกับสิ่งที่ถูกกระทำ วันนี้อย่าลืมว่าที่ น.ช.ทักษิณ ถ่อยร่นพยายามเจรจาหย่าศึกอยู่ทุกวี่ทุกวัน ก็หวังจะเก็บรากเก็บโคนไว้งอกเงยใหม่ ในวันที่กลับมาตั้งหลักตั้งตัวได้อีกครั้ง
นาทีนี้ นายอภิสิทธิ์ กำลังถูกตั้งคำถาม และคลางแคลงใจจากแนวร่วมที่เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาว่า จุดยืนวันนี้คืออะไร การฟาดฟันกับระบอบทักษิณที่ผ่านมา เป็นการต่อสู้เพื่อประเทศชาติ หรือเป็นการต่อสู้เพื่อให้ตนเองมีอำนาจกันแน่ เพราะหากเป็นการสู้เพื่อประเทศชาติแล้วเหตุใดจึงจะยอมคุยกับคนที่กระทำผิดกฎหมาย ทำไมไม่เดินหน้าช่วยกันโปรโมตปฏิรูปแบบสุดซอย ตามต้นฉบับ กปปส.
**ไหนเคยประกาศว่าจะไม่เจรจา ทำไมจู่ๆ วันนี้กระโดดมาเปิดโต๊ะเจรจาเสียเอง !!
**ข้ออ้างที่ว่าหลีกเลี่ยงการสูญเสีย หยุดการหมิ่นสถาบันฯ วิธีการที่เสนอมานั้น มันใช้ไม่ได้เลย ถ้าทักษิณยังอยากเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้
แบไพ่ในมือออกมาแทบไม่มีอะไรในกอไผ่ ไร้ความแปลกใหม่ ไม่มีอะไรผิดไปจากเดิมเลย เป็นเรื่องเก่าเอามาเล่นใหม่ แต่ถูกตัดตอนในประเด็นสำคัญไป
ส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมด เป็นข้อเสนอที่ไปคัดลอกแนวคิดของ “กำนันเทือก”นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และแนวร่วมออกมาแทบยกกระบิ
ต่างกันตรงที่ไปประดิดประดอยถ้อยคำให้หล่อตามสไตล์ตัวเองเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรัฐบาลเทพประทาน การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง การบี้ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่อดีตนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง
จับทางข้อเสนอฉบับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูไปดูมาจับอาการได้ว่า ยังไม่กล้าหักดิบกับอดีตคนเคยรักอย่าง กำนันสุเทพ เท่าไหร่ ไอเดียยังไปในโทนเดียวกัน ทำนองออกลูกเกรงอกเกรงใจเสียด้วยซ้ำ
เพราะวันนี้วัดกันตามสภาพความเป็นจริง ตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ โผล่พรวดมาขันอาสาปลดล็อกประเทศ คะแนนสงสารไหลไปทางม็อบนกหวีด พรึบพรับ ด้วยความเห็นใจที่ถูกหักหลัง ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์เหมือนวันวาน
**เรียกว่างานนี้นอกจากจะไม่ทำให้คนอื่นเคลิ้มตามแล้วยังโดนก้อนอิฐขว้างใส่หัวกบาลไปหลายก้อน
ไม่ว่าจะเป็นฝั่งศัตรู หรือแม้กระทั่งฝั่งมิตร มองว่า นายอภิสิทธิ์ หวังจะโชว์หล่อเอาบทฮีโร่คนเดียว จากการออกมาแถลงไขชะเนาะประเทศหนนี้ ทั้งที่การต่อสู้ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ลงไปตกระกำลำบากกับเขาสักเท่าใด มิหนำซ้ำแนวคิดดังกล่าวมันยังเป็นลิขสิทธิ์ของ กปปส. ที่ริเริ่มวางตุ๊กตากันมา
ความเลวไม่มี ความดีไม่ปรากฏ การทะลึ่งมาสวมเสื้อพระเอก ยังจะเป็นการชักใบให้เรือเสียอีกด้วย เพราะการออกมาลักษณะนี้เป็นการโยนข้อเสนอไปให้ฝ่ายตรงข้ามมีช่องทางเลือก โดยเฉพาะการบอกให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และครม.ไขก๊อก ทั้งที่อีกไม่กี่วันข้างหน้า ต่อให้รัฐบาลชุดนี้ดื้อด้านต่อไป ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสภาพ ก็ต้องเตลิดเปิดเปิงออกไปอยู่ดี จึงไม่จำเป็นที่จะกระโดดมาอุ้ม
ที่สำคัญนาทีนี้ ฝ่ายกปปส. กำลังอยู่ในยุทธภูมิที่ได้เปรียบรัฐบาลเป็ดง่อยทุกทาง ไม่จำเป็นต้องไปหยิบยื่นหรือผ่อนปรนอะไรให้โจร มีแต่ฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นที่จะต้องเป็นฝ่ายจรลีมาขอร้อง ไม่ใช่สะเออะเดินเข้าไปหาเสียเอง
**แต่การไปเปิดรูให้ฝั่งตรงข้ามครั้งนี้ จัดเป็นการเสียค่าโง่อย่างใหญ่หลวง ให้เขาขย่มซ้ำ เนื่องจากจะทำให้เห็นว่าหากคนในเครือข่าย น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ยื่นหมูยื่นแมวข้อเสนอที่ดีมา ก็ยังมีโอกาสสงบศึกชิงเมืองในครั้งนี้ได้
**ไปถอยให้เขาเสียอย่างนั้น ไม่ใช่เรื่อง !!
ส่วนการจะเว้นวรรคทางการเมืองเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจเป็นเวลา 2 ปี แม้จะฟังดูดี แต่หากแหงนดูระยะเวลาการปฏิรูป 18 เดือน ที่ชูขึ้นมาก็แทบไม่มีผลกระทบอะไรต่อตัวเอง เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาของการปฏิรูปประเทศ ต่อให้ชนะการเลือกตั้งเข้าไปก็ทำอะไรไม่ได้มาก หรือแม้นายอภิสิทธิ์ จะไม่ลงเลือกตั้ง แต่พรรคประชาธิปัตย์ ก็มีตัวละครอื่นที่พร้อมขึ้นมาเสียบได้หลายคน ดังนั้น จึงไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยนที่ดูสูงค่าอะไรเลย
**แล้วที่อดคาใจกันไม่ได้ ว่านายอภิสิทธิ์ ความจำเสื่อมหรือจงใจไม่พูดในข้อเสนอแม้แต่ตัวอักษรเดียวนั่นคือ การล้มล้างระบอบทักษิณ และขับไล่ตระกูลชินวัตรออกไปจากแวดวงการเมือง ทั้งที่มันเป็นจุดยืนและข้อต่อสู้สำคัญของมวลมหาประชาชนมาตลอด ว่าต้องการจะขุดรากถอนโคนระบอบอัปยศดังกล่าวให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ก็เคยประกาศกร้าวกับแนวทางนี้
**ล้างระบอบทักษิณ เป็นประเด็นสำคัญลำดับแรก ก่อนเรื่องปฏิรูปด้วยซ้ำ !!
จนอดสงสัยไม่ได้ว่า การออกมาโยนข้อเสนอรอบนี้ของหัวหน้าพรรคสีฟ้า มีผลประโยชน์แอบแฝงหรือหวังอะไรกันแน่ ยิ่งมีข่าวลือเรื่อง “ออกซ์ฟอร์ดดีล” กำลังเหม็นเน่าลอยฟุ้งทั่วคุ้งทั่วแคว ยิ่งน่าฉงนงงงวยว่า แท้จริงได้ไปตกลงปลงใจอะไรกับใครมาหรือเปล่า
แต่ไม่ว่าจะไปทำอะไรลับๆ ล่อๆ กันมาตามกระแสข่าวที่วงในซุบซิบ แต่สิ่งหนึ่งที่บังเกิดขึ้นแล้วจากการเสนอตัวปลดล็อกประเทศของอภิสิทธิ์ในครั้งนี้คือ สิ่งที่ กปปส.ต่อสู้ มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากมายมหาศาลเพื่อหวังปัดเป่าประเทศให้หลุดพ้นระบอบทักษิณที่ฝังรากหยั่งลึกกัดกินบ้านเมืองไทยมานาน กำจัดคนชั่วแล้วนำไปสู่การปฏิรูป เพื่อไปสร้างระบบที่ดีขึ้น กำลังจะสูญเปล่าเหนื่อยฟรี ตายฟรี
นายอภิสิทธิ์ กำลังทำให้การต่อสู้ของมวลมหาประชาชนที่เหน็ดเหนื่อย ฟันฝ่ากันมาครึ่งค่อนปีถูกหยิบยกไปเป็นการเกี้ยเซียะ กับอีกฟากฝั่งอย่างนั้นหรือ
การออกมาเสนอทางออกประเทศไปให้ฝ่ายตรงข้ามตัดสินใจ การไม่พูดถึงกำจัดระบอบทักษิณ ในเนื้อผ้าทางการเมืองสิ่งนี้คือ การต่อรอง หรือเจรจาทางอ้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการเมืองบ้านเราสันทัด และถนัดทำลับหลังประชาชน และมักจะประสบผลสำเร็จหากผลประโยชน์ลงตัวแบบวิน–วิน
จากพฤติการณ์หนนี้ จะยิ่งเลวร้ายมาก หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคพวกตอบรับข้อเสนอ และลาออกจากนายกรัฐมนตรี ตามที่ร้องขอให้มีการปฏิรูป แม้ประเทศไทยจะได้การปฏิรูปสมใจ แต่ก็ไปไม่สุดซอย ไม่ถึงฝั่งฝัน เนื่องจากมันเกิดจากการเจรจาและแบ่งปันผลประโยชน์ทางการเมืองกันแล้ว
ตลกร้ายกว่านั้น ก็คือมันไม่ต่างอะไรกับการไปต่อลมหายใจให้ระบอบทักษิณ ยืนยงคงกระพันอยู่บนเส้นทางการเมืองต่อไปแล้วรอวันผงาด กับเอาคืนกับสิ่งที่ถูกกระทำ วันนี้อย่าลืมว่าที่ น.ช.ทักษิณ ถ่อยร่นพยายามเจรจาหย่าศึกอยู่ทุกวี่ทุกวัน ก็หวังจะเก็บรากเก็บโคนไว้งอกเงยใหม่ ในวันที่กลับมาตั้งหลักตั้งตัวได้อีกครั้ง
นาทีนี้ นายอภิสิทธิ์ กำลังถูกตั้งคำถาม และคลางแคลงใจจากแนวร่วมที่เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาว่า จุดยืนวันนี้คืออะไร การฟาดฟันกับระบอบทักษิณที่ผ่านมา เป็นการต่อสู้เพื่อประเทศชาติ หรือเป็นการต่อสู้เพื่อให้ตนเองมีอำนาจกันแน่ เพราะหากเป็นการสู้เพื่อประเทศชาติแล้วเหตุใดจึงจะยอมคุยกับคนที่กระทำผิดกฎหมาย ทำไมไม่เดินหน้าช่วยกันโปรโมตปฏิรูปแบบสุดซอย ตามต้นฉบับ กปปส.
**ไหนเคยประกาศว่าจะไม่เจรจา ทำไมจู่ๆ วันนี้กระโดดมาเปิดโต๊ะเจรจาเสียเอง !!
**ข้ออ้างที่ว่าหลีกเลี่ยงการสูญเสีย หยุดการหมิ่นสถาบันฯ วิธีการที่เสนอมานั้น มันใช้ไม่ได้เลย ถ้าทักษิณยังอยากเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้