เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (27เม.ย.) ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) อยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เดินทางตรวจเยี่ยมการสอบภาค ค หรือการสอบสัมภาษณ์ ในการสอบแข่งขันคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุ และแต่งตั้งเข้ารับราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ในตำแหน่งครูผู้ช่วยกรณีทั่วไป ครั้งที่ 1/2557 ซึ่งเป็นการสอบสัมภาษณ์พร้อมกันทั่วประเทศจำนวน 89 เขตพื้นที่การศึกษา และ 1 สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) มีผู้ที่ผ่านเกณฑ์คะแนน ร้อยละ 60 จากการสอบภาค ก และ ข เข้าสอบสัมภาษณ์ทั้งหมดจำนวน 23,118 คน แต่สามารถบรรจุในตำแหน่งที่ เขตพื้นที่ฯ ประกาศไว้ 1,888 อัตรา
นายอภิชาติ กล่าวว่า ที่ สพป.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 มีผู้ผ่านเกณฑ์สอบสัมภาษณ์ จำนวน 136 คนหรือ 18.26 % จากผู้เข้าสอบภาค ก และ ข จำนวน 745 คน ส่วนสพป.พระนครศรีอยุธยา เขต 2 ผ่านเกณฑ์เข้าสอบสัมภาษณ์ 904 คน หรือ 52.80 % จากทั้งหมด 1,712 คน โดยภาพรวมของการสอบสัมภาษณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่พบว่ามีปัญหาอะไร ซึ่งหลังจากประกาศผลการสอบสัมภาษณ์ จะมีการขึ้นบัญชีไว้ 2 ปี โดยจะให้เขตพื้นที่การศึกษาเรียกผู้ที่สอบบรรจุได้มาเลือกโรงเรียนก่อนที่จะบรรจุในวันที่ 17 พ.ค.นี้ เพื่อจะได้ไม่กระทบกับโรงเรียนเอกชน ในกรณีที่มีครูโรงเรียนเอกชนมาสอบบรรจุได้ เพราะเดิมจะมีการเรียกบรรจุในช่วงเดือนมิ.ย. ทำให้โรงเรียนเอกชนได้รับผลกระทบ หาครูมาทดแทนลำบากเพราะเปิดเรียนแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ ในการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) พัฒนาระบบที่ทำหน้าที่แทนคณะกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ที่ตนเป็นประธาน ได้หยิบยกประเด็นการขอใช้บัญชีผู้ที่ผ่านการสอบขึ้นบัญชีรอการบรรจุเป็นครูผู้ช่วยมาพิจารณา และได้มีมติว่า เขตพื้นที่ฯที่ไม่ได้เปิดสอบบรรจุ และต้องการจะขอใช้บัญชีเขตพื้นที่ฯอื่น จะต้องทำหนังสือถึง สพฐ. และก.ค.ศ.ด้วย จะได้มีการเร่งรัดเขตพื้นที่ฯ ที่เป็นเจ้าของบัญชีในการขอใช้เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นอาจมีปัญหาเหลือเวลาขึ้นบัญชีไม่ทันการบรรจุ จึงทำให้ผู้สอบขึ้นบัญชีได้เสียโอกาสเนื่องจากตามระเบียบกำหนดให้การเรียกบรรจุได้จะต้องเหลือการขึ้นบัญชีไม่น้อยกว่า 15 วัน
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบหลักเกณฑ์การขอใช้บัญชีโดยกำหนดให้การขอใช้ต้องยึดตามภาคภูมิศาสตร์ หรือการใช้บัญชีจากเขตพื้นที่ฯ ใกล้เคียงก่อนในภาคเดียวกัน แต่หากจะขอใช้บัญชีข้ามภาค เช่น จากเขตพื้นที่ฯในภาคใต้มาบรรจุในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะต้องเสนอให้ ก.ค.ศ.พิจารณาเห็นชอบ เนื่องจากที่ผ่านมามีการร้องเรียนการเรียกรับเงิน และส่วนตัวเห็นปัญหานี้หนักมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตนเองก็ยังเคยเจอ มีการเสนอผลประโยชน์ทำนองนี้อยู่หลายเรื่องทำให้จะต้องมีความขันติ และความยุติธรรมอย่างมากในฐานะที่เป็นผู้บริหาร ทั้งนี้ ยังพบอีกว่าเมื่อมีการขอใช้บัญชีข้ามภูมิภาคมาบรรจุครบ 2 ปี ก็มีการขอย้ายกลับไปภูมิลำเนา จึงทำให้เกิดผลเสียต่อเขตพื้นที่ฯด้วย อย่างไรก็ตามในสัปดาห์จะมีการออกหนังสือเวียน เพื่อแจ้งให้เขตพื้นที่ฯใช้หลักเกณฑ์นี้ต่อไป
"ส่วนการตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของ สพฐ. กรณี นายพิทักษ์ ศุภเลิศ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองไทร นายชุมพล ศุภเลิศ ครูโรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม และ นายธนกฤต ศุภเลิศ ครูโรงเรียนบ้านหนองกระทุ่ม อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ของกรรมการสืบข้อเท็จจริง คาดว่าในวันที่ 29 เม.ย.นี้ น่าจะทราบผลเบื้องต้น เนื่องจากจะต้องใช้เวลาในการสืบข้อเท็จจริงในหลายจังหวัดที่เกี่ยวข้อง" นายอภิชาติ กล่าว และว่า ในส่วนการตรวจสอบข้อมูลว่า มีผู้สมัครสอบกี่ราย ที่เป็นผู้บริหารและครูนั้น ขณะนี้ยังเป็นปัญหาเนื่องจากพบว่าเขตพื้นที่ฯ ส่วนใหญ่ ไม่ส่งข้อมูลเฉพาะบุคคลของครูและบุคลากรทางการศึกษาในเขตพื้นที่ฯ มาเข้าสู่ระบบการตรวจสอบรับรองข้อมูลทะเบียนประวัติ (กพ.7) อิเล็กทรอนิกส์ของ ก.ค.ศ. ทำให้การค้นหาเป็นไปได้ยาก ซึ่งจากนี้ สพฐ.และก.ค.ศ. จะไปเร่งรัดเขตพื้นที่ฯให้ดำเนินการต่อไป
นายอภิชาติ กล่าวว่า ที่ สพป.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 มีผู้ผ่านเกณฑ์สอบสัมภาษณ์ จำนวน 136 คนหรือ 18.26 % จากผู้เข้าสอบภาค ก และ ข จำนวน 745 คน ส่วนสพป.พระนครศรีอยุธยา เขต 2 ผ่านเกณฑ์เข้าสอบสัมภาษณ์ 904 คน หรือ 52.80 % จากทั้งหมด 1,712 คน โดยภาพรวมของการสอบสัมภาษณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่พบว่ามีปัญหาอะไร ซึ่งหลังจากประกาศผลการสอบสัมภาษณ์ จะมีการขึ้นบัญชีไว้ 2 ปี โดยจะให้เขตพื้นที่การศึกษาเรียกผู้ที่สอบบรรจุได้มาเลือกโรงเรียนก่อนที่จะบรรจุในวันที่ 17 พ.ค.นี้ เพื่อจะได้ไม่กระทบกับโรงเรียนเอกชน ในกรณีที่มีครูโรงเรียนเอกชนมาสอบบรรจุได้ เพราะเดิมจะมีการเรียกบรรจุในช่วงเดือนมิ.ย. ทำให้โรงเรียนเอกชนได้รับผลกระทบ หาครูมาทดแทนลำบากเพราะเปิดเรียนแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ ในการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) พัฒนาระบบที่ทำหน้าที่แทนคณะกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ที่ตนเป็นประธาน ได้หยิบยกประเด็นการขอใช้บัญชีผู้ที่ผ่านการสอบขึ้นบัญชีรอการบรรจุเป็นครูผู้ช่วยมาพิจารณา และได้มีมติว่า เขตพื้นที่ฯที่ไม่ได้เปิดสอบบรรจุ และต้องการจะขอใช้บัญชีเขตพื้นที่ฯอื่น จะต้องทำหนังสือถึง สพฐ. และก.ค.ศ.ด้วย จะได้มีการเร่งรัดเขตพื้นที่ฯ ที่เป็นเจ้าของบัญชีในการขอใช้เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นอาจมีปัญหาเหลือเวลาขึ้นบัญชีไม่ทันการบรรจุ จึงทำให้ผู้สอบขึ้นบัญชีได้เสียโอกาสเนื่องจากตามระเบียบกำหนดให้การเรียกบรรจุได้จะต้องเหลือการขึ้นบัญชีไม่น้อยกว่า 15 วัน
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบหลักเกณฑ์การขอใช้บัญชีโดยกำหนดให้การขอใช้ต้องยึดตามภาคภูมิศาสตร์ หรือการใช้บัญชีจากเขตพื้นที่ฯ ใกล้เคียงก่อนในภาคเดียวกัน แต่หากจะขอใช้บัญชีข้ามภาค เช่น จากเขตพื้นที่ฯในภาคใต้มาบรรจุในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะต้องเสนอให้ ก.ค.ศ.พิจารณาเห็นชอบ เนื่องจากที่ผ่านมามีการร้องเรียนการเรียกรับเงิน และส่วนตัวเห็นปัญหานี้หนักมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตนเองก็ยังเคยเจอ มีการเสนอผลประโยชน์ทำนองนี้อยู่หลายเรื่องทำให้จะต้องมีความขันติ และความยุติธรรมอย่างมากในฐานะที่เป็นผู้บริหาร ทั้งนี้ ยังพบอีกว่าเมื่อมีการขอใช้บัญชีข้ามภูมิภาคมาบรรจุครบ 2 ปี ก็มีการขอย้ายกลับไปภูมิลำเนา จึงทำให้เกิดผลเสียต่อเขตพื้นที่ฯด้วย อย่างไรก็ตามในสัปดาห์จะมีการออกหนังสือเวียน เพื่อแจ้งให้เขตพื้นที่ฯใช้หลักเกณฑ์นี้ต่อไป
"ส่วนการตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของ สพฐ. กรณี นายพิทักษ์ ศุภเลิศ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองไทร นายชุมพล ศุภเลิศ ครูโรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม และ นายธนกฤต ศุภเลิศ ครูโรงเรียนบ้านหนองกระทุ่ม อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ของกรรมการสืบข้อเท็จจริง คาดว่าในวันที่ 29 เม.ย.นี้ น่าจะทราบผลเบื้องต้น เนื่องจากจะต้องใช้เวลาในการสืบข้อเท็จจริงในหลายจังหวัดที่เกี่ยวข้อง" นายอภิชาติ กล่าว และว่า ในส่วนการตรวจสอบข้อมูลว่า มีผู้สมัครสอบกี่ราย ที่เป็นผู้บริหารและครูนั้น ขณะนี้ยังเป็นปัญหาเนื่องจากพบว่าเขตพื้นที่ฯ ส่วนใหญ่ ไม่ส่งข้อมูลเฉพาะบุคคลของครูและบุคลากรทางการศึกษาในเขตพื้นที่ฯ มาเข้าสู่ระบบการตรวจสอบรับรองข้อมูลทะเบียนประวัติ (กพ.7) อิเล็กทรอนิกส์ของ ก.ค.ศ. ทำให้การค้นหาเป็นไปได้ยาก ซึ่งจากนี้ สพฐ.และก.ค.ศ. จะไปเร่งรัดเขตพื้นที่ฯให้ดำเนินการต่อไป
